การเลือกเฟอร์นิเจอร์เพื่อตกแต่งภายในนั้น มักจะเกิดขึ้นหลังจากที่เราเพิ่งมีบ้านเป็นของตน ไม่ว่าจะปลูกเองหรือว่าซื้อบ้านโครงการมา ห้องที่ว่างเปล่าไม่เหมือนกับตอนที่เคยเดินชมในบ้านตัวอย่างก่อนหน้านี่เอง
ทำให้เราเกิดการต้องเข้าใจและรู้จักคำว่า ‘เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว’ (อันนี้เข้าใจได้) กับ ‘เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน’ (อันนี้อาจจะงงๆ ไปเลย) อย่างเร่งด่วน ซึ่งถ้าใครตอนนี้ไม่เข้าใจความต่างของสองเฟอร์นี้แล้วนั้น ตามเรามาดูกันว่าการเลือกเฟอร์นิเจอร์ทั้งสองแบบนี้ คืออะไร และเลือกยังไงให้เหมาะกับบ้านโล่งๆ ของเรากันเลย
1- ‘เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว’ หรือ ‘Loose Furniture’ คือ…
‘เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว’ หรือที่ศัพท์งานดีไซน์เรียกว่า ‘Loose Furniture’ ก็คือ เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ซึ่งก็คือเฟอร์นิเจอร์ที่เราพบเจอกันทั่วไปปกติที่เเหละครับ อันได้แก่ โต๊ะ เก้าอี้ เตียง ตู้เสื้อผ้า
ซึ่งเราสามารถจัดรูปแบบในการวางได้หลากหลายตามที่ต้องการ เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวแบบนี้จะผลิตสำเร็จที่โรงงานมาแล้ว ทำให้เราอาจไม่สามารถปรับแต่งตามใจได้เท่า ‘เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน’ นั่นเอง
แล้ว ‘เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน’ คืออะไรกันล่ะ ?
2- ‘เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน’ หรือ ‘Built-In Furniture’ คือ…
‘เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน’ หรือ ‘Built-In Furniture’ มีความหมายตรงตัวว่า ‘งานเฟอร์นิเจอร์ทำใหม่ให้งานภายใน’ เป็นงานเฟอร์นิเจอร์ที่สั่งทำตามความต้องการ มีตายตัวที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้ เช่นชั้นหนังสือแบบลอยตัวที่ติดผนัง หรือว่าเคาน์เตอร์ครัว ซึ่งงานบิวท์อินจะมีความแข็งแรงคงทนและสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการของเราได้เหมือนเสื้อผ้าที่สั่งตัดเองนั่นเองแหละ
3- พื้นที่แคบ หักเหลี่ยมมุม เข้าซอกซ้ายขวา คืองานของ ‘เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน’
งานเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินนั้น จะเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่แคบๆ หรือซอกมุมของบ้าน ที่ไม่สามารถซื้อพวกเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวมาฟิตให้เข้าตรงนั้นได้นั่นเอง เนื่องด้วยงานเป็นงานสั่งประกอบใหม่แล้วนั้น ทำให้งานบิวท์อินสามารถปรับขนาดปรับต้องการให้เข้ากับพื้นที่แคบริมผนังหรือซอกห้องได้เป็นอย่างดี
ซึ่งงานพวกชั้นวางของที่สามารถยืดขยายได้ หรือติดกับผนัง งานครัวที่หักศอกตามมุมห้อง หรือแม้แต่มุมวางของในห้องนั่งเล่น จึงนิยมเป็นงานประเภทเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินนี่เอง
4- ขี้เบื่อ ชอบยกย้าย ปรับตำแหน่งได้ความต้องการ คืองานของ ‘เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว’
จุดเด่นของเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวก็คือ เคลื่อนย้ายได้ง่ายและปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามสะดวก เช่นวันนี้เพื่อนจะมาบ้านเยอะ เราอาจจะย้ายโซฟาไปติดผนังให้มีห้องกว้างๆ หรือว่าจู่ๆ เบื่อโต๊ะตัวนี้แล้วนั้น ก็ไปซื้อเฟอร์ตัวใหม่มาทับที่เดิมได้ หรือขยับไปเข้ามุม ซึ่งลักษณะการใช้งานแบบนี้ งานบิวท์อินจะไม่สามารถทำได้เลยนะ
หากเรารู้ว่าพฤติกรรมเราชอบเปลี่ยนนั่นนี่ หรือไม่ได้อยากได้เฟอร์นิเจอร์อะไรตายตัว ให้เลือกใช้เฟอร์ลอยตัว ซึ่งแน่นอนว่าเฟอร์แบบนี้ก็อาจจะไม่ฟิตกับพื้นที่ห้องเท่าบิวท์อิน
5- บิวท์อินเรียกช่าง เฟอร์ลอยตัวเรียกรถ
ความต่างในลักษณะการเสียเงินของเฟอร์นิเจอร์ทั้งสองเลยก็คือ เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินเราจะต้องเรียกช่างเพื่อมาออกแบบและสั่งผลิตเฟอร์ให้ตรงความต้องการของเรา อีกทั้งการมาประกอบบิวท์หน้างาน ทำให้มีความใช้เวลาเพื่อสร้างนิดหน่อยนั่นเอง ต่างจากเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่เราสามารถไปเดินตามโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ได้เลย แต่ก็จำต้องเรียกรถขนกลับมาวางหรือประกอบที่บ้านอีกทีนั่นเอง
6- ควรเลือกใช้เฟอร์ทั้งสองแบบผสมผสานกัน
เราเชื่อว่าไม่มีบ้านหลังไหนที่ควรจะเลือกรูปแบบเฟอร์แบบใดแบบหนึ่งไปทั้งหมดเลย เพราะบ้านแต่ละหลังนั้นมีลักษณะและความต้องการที่เฉพาะตัวต่างกัน ดังนั้นเมื่อเราเข้าใจการเลือกใช้ของทั้งเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินและลอยตัวได้อย่างดีแล้ว เราแนะนำให้ลองผสมผสานและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับในแต่ละห้องนั่นเองครับ
ขอให้ได้ห้องที่สวยงามและสะดวกสบายในการใช้งานน้า