วันนี้ (5 ส.ค.64) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศบค. แถลงว่า ขณะนี้ผู้ป่วยในกรุงเทพฯ ที่เข้าสู่ระบบการดูแลที่บ้าน หรือ Home Isolation เกือบ 100,000 รายแล้ว และรายงานในที่ประชุมศปก.ศบค.ถึงการจับคู่ศูนย์บริการร่วมกันดูแลผู้ป่วยในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งมีมากถึง 232 จุด ทุกภาคส่วนทำงานหนัก เพื่อให้ระบบการดูแลประชาชนปลอดภัย รวดเร็ว
มีตัวเลขอัปเดต Community Isolation ในกรุงเทพฯ มีราว 64 แห่ง จำนวนเตียงรองรับได้อยู่ที่ 6,958 เตียง มีผู้ป่วยเข้าไปแล้ว 3,015 คน หรือ 43 %
นอกจากนี้ยังมี Community Isolation ที่ดำเนินการโดยชุมชนภาคประชาสังคมคอยช่วยเหลืออีกกว่า 100 แห่งที่เปิดให้บริการขณะนี้ และมีที่เปิดให้บริการ โดยชุมชนในกทม.เร่งลงทะเบียนกับสำนักงานเขต เพื่อช่วยสนับสนุนทั้ง ค่ายา ค่าอาหาร และส่งทีมช่วยจัดสุขาภิบาล ขยะติดเชื้อ
Community Isolation ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากโรงพยาบาลพี่เลี้ยงและภาคประชาสังคมชุมชน เอ็นจีโอ โดยจะมีโรงพยาบาลพี่เลี้ยง จากกรมการแพทย์ เช่น โรงพยาบาลราชวิถี เป็นพี่เลี้ยงให้กับอาคารกีฬาเวสน์ 2 โรงพยาบาลกลางเป็นพี่เลี้ยงให้กับศูนย์สร้างสุขทุกวัยจตุจักร โรงพยาบาลตำรวจ เป็นพี่เลี้ยงที่วัดบรมนิวาส นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลเอกชน เช่น โรงพยาบาลปิยะเวท เป็นพี่เลี้ยงให้กับสุเหร่าบ้านดอน โรงพยาบาลบางปะกอก8 เป็นพี่เลี้ยงโรงเรียนวัดตลิ่งชัน
ทาง ศบค.ชุดเล็กต้องขอขอบคุณโรงพยาบาลเอกชน เพราะในยามนี้การได้เห็นความร่วมมือช่วยเหลือ ถือเป็นขวัญและกำลังใจให้กับคนทำงาน ที่สำคัญหารือกับกรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขด้วยว่ากำลังใจของบุคลากรทางการแพทย์ถือเป็นสิ่งที่ภาครัฐให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. เสริมว่า หากใครมีผลตรวจด้วย Antigen Test Kit (ATK) เป็นบวก อย่าตื่นตระหนก ให้อยู่บ้าน ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบก่อน กรณีตรวจที่โรงพยาบาลก็ให้โทรแจ้งโรงพยาบาลที่ไปตรวจ ซึ่งบางโรงพยาบาลสามารถเปิดเป็น Community Isolation แล้ว
กรณีตรวจโควิดจากคลินิก จากแล็บ หรือภาคโรงงาน หากผลเป็นบวก ขอให้ติดต่อไปที่เบอร์ 1330 เบอร์เดียวเท่านั้น หรือสแกนคิวอาร์โค้ด “สบายดีบอท” พร้อมย้ำว่า สายด่วน 1330 จะเป็นเบอร์หลักในการจัดการดูแลผู้ป่วยโควิดเข้าระบบ ส่วนเบอร์ 1669 ขอสงวนให้กับผู้ป่วยอาการวิกฤติ เป็นสายด่วนสำหรับช่วยชีวิตเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติมวิธีการเข้าสู่ระบบการรักษาได้ ที่นี่
ที่มา : Khaosod, komchadluek