ครม. อนุมัติกู้อีก 2.8 ล้านล้านบาท! ตามแผนการคลังระยะกลาง 4 ปี หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจ


: 24 ธันวาคม 2563

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง 4 ปี (ปีงบประมาณ 2565 – 2568) เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ กู้ขาดชดเชยขาดดุลปีละ 7 แสนล้านบาท รวมกู้เป็นจำนวน 2.8 ล้านล้านบาท

โดยเป้าหมายและนโยบายการคลังในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการคลังทั้งด้านรายได้ รายจ่าย และหนี้สาธารณะ ให้ภาคการคลังสามารถรองรับสถานการณ์และพร้อมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ 

ขณะที่เป้าหมายระยะยาว ยังกำหนดให้มีการปรับลดขนาดการขาดดุลและมุ่งสู่การจัดทำงบประมาณสมดุลในที่สุด 

ทั้งนี้ได้มีการคาดการณ์ GDP ในอีก 4 ปีไว้ ดังนี้

  GDP ปีงบฯ 65 จะขยายตัว 3-4% ประมาณการรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท ประมาณการรายจ่าย 3.1 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณ 7 แสนล้านบาท ส่วนยอดหนี้สาธารณะคงค้าง 57.6% ต่อจีดีพี

– ปีงบฯ 66 คาดการณ์จีดีพี 2.7-3.7% ประมาณการรายได้ 2.49 ล้านล้านบาท ประมาณการรายจ่าย 3.2 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณที่ 7.1 แสนล้านบาท หนี้สาธารณะคงค้าง 58.6% ต่อจีดีพี

– ปีงบฯ 67 คาดการณ์จีดีพี 2.9-3.9% ประมาณการรายได้สุทธิ 2.61 ล้านล้านบาท ประมาณการรายจ่าย อยู่ที่ 3.31 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณ อยู่ที่ 6.9 แสนล้านบาท ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง 59% ต่อจีดีพี

– ปีงบฯ 68 คาดการณ์จีดีพีขยายตัว 3.2-4.2% ประมาณการรายได้สุทธิ 2.75 ล้านล้านบาท งบประมาณรายจ่าย 3.42 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณที่ 6.69 แสนล้านบาท ขณะที่ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง 58.7% ต่อจีดีดี

ทั้งนี้ ประมาณการรายได้สุทธิดังกล่าวมีสมมติฐานด้านนโยบายภาษีที่สำคัญ ได้แก่ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ (อี-เซอร์วิส), รายได้จากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการโทรคมนาคม รวมทั้งผลจากการปรับเปลี่ยนระบบสัญญาสัมปทานปิโตรเลียมเป็นระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contract: PSC)

ขณะที่ประมาณการรายจ่าย อยู่ภายใต้สมมติฐานที่สำคัญ เช่น สัดส่วนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2-3.5% ของวงเงินงบประมาณ รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้มีสัดส่วน 2.5-4% ของวงเงินงบประมาณ ค่าใช้จ่ายบุคลากรมีอัตราเพิ่มโดยเฉลี่ยไม่เกิน 3.5% เป็นต้น

นอกจากนี้นายอนุชา กล่าวอีกว่า ที่ประชุม ครม. ยังเห็นชอบแนวทาง 3Rs เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการคลัง ประกอบด้วย

1. Reform หรือการปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีอากร ทบทวนโครงสร้างภาษีในปัจจุบันเพื่อสร้างความมั่นคงด้านรายได้

2. Reshape คือ การปรับเพื่อควบคุมการจัดสรรงบประมาณ ให้สอดคล้องเชื่อมโยงกับแผนสำคัญ เช่น ยุทธศาสตร์ชาติแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายสำคัญของรัฐบาล เป็นต้น รวมทั้งให้ความสำคัญกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชะลอปรับลดยกเลิกโครงการที่ไม่มีความจำเป็น และ 

3.Resilience การบริหารหนี้สาธารณะอย่างมีภูมิคุ้มกันและสามารถรองรับต่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่าง ๆ ได้ โดยยึดหลักความระมัดระวังสูงสุด (Conservative) การกู้เงินที่เน้นความเสี่ยงต่ำภายใต้ต้นทุนที่เหมาะสม รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ เพื่อให้เป็นแหล่งระดมทุนสำคัญให้กับทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนด้วย

ที่มา : Posttoday

TAG :
Writer Profile : jazz.ordinaryday
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save