ฮัลโหลชาวโลก เราชื่อ ลลิตา หรือเรียกสั้นๆว่า เมย์ยุ่ย นะ เป็นนิสิตที่กำลังจะขึ้นชั้นปีที่ 4 เรียนอยู่เอกภาษาเพื่ออาชีพ คณะมนุษยศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราได้มาฝึกงาน ก็เลยอยากจะเขียนอะไรไว้เป็นความทรงจำ เผื่อว่าปีหน้าเรามานั่งอ่านจะได้นึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เคยทำในระยะเวลา 2 เดือนได้ 🙂
ช่วงฤดูกาลแห่งการฝึกงาน เป็นช่วงที่หลายๆ คนขะมักเขม้นกับการหาที่ฝึกงานที่ตัวเองชอบและสนใจ เราก็เป็นคนนึงที่ตามหาที่ฝึกงานที่จะเหมาะกับเรา ที่ที่เราเอาตัวเองไปไว้แล้วจะมีความสุข จนมาเจอกับเว็บมะม่วงที่เป็นสีส้มเว็บนี้ ที่เรามาฝึกงานที่นี่ได้เพราะว่าอ่านเพจ MangoZero แล้วไปเจอกับคอนเทนต์ที่เปิดรับสมัครเด็กฝึกงาน
คือพออ่านจบแล้วตัดสินในส่งเรซูเม่เข้าไปทันทีแบบไม่ต้องคิด เพราะรู้สึกว่าที่นี่ดูเจ๋งมากอ่ะ ทำไมถึงสามารถทำเรื่องทั่วไปให้กลายเป็นเรื่องพิเศษได้ก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่การรับเด็กฝึกงานมันก็เป็นอะไรที่ธรรมดาปะ แค่พิมพ์เปิดรับสมัครก็พอแล้ว แต่นี่คือมีสตอรี่ เป็นบทความที่อ่านแล้วรู้เลยว่าถ้าได้มาฝึกงานที่นี่จะได้ทำงานประเภทไหนและทำงานกับพี่ๆ ที่เจ๋งขนาดไหน
ก้าวแรกและเพื่อนคนแรกของการฝึกงาน
ตอนแรกเราตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นแบบนอนไม่หลับมา 3 คืน คิดว้าวุ่นไปหมดว่ามันจะเป็นยังไง เราจะได้ทำอะไร เลยนอนไม่หลับ ใจเต้นตุบตับเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาอยู่ตั้งหลายวัน พอถึงวันฝึกงานวันแรก อยู่ดีๆ ความตื่นเต้นทั้งหมดก็หายไปเลย เพราะได้เจอกับเพื่อนฝึกงานนามว่า ‘เตยปุ้ม’ ที่มาฝึกกราฟิก (อ้อ เรามาฝึกเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ซึ่งก็คือคนที่เขียนบทความนั่นแหละ)
ตอนเราเข้ามาในห้องก็เห็นเตยปุ้มก็นั่งอยู่พร้อมกับวาดอะไรยุกยิกๆ พอเราเข้าไปดูใกล้ๆ คือมันน่ารักมากเว้ยแก เพื่อนกำลังวาดยัยเหนียง ตัวละครในเพจผู้หญิงมีเหนียงเว้ยยย (เข้าไปติดตามกันได้นะ เพจเขาดีมากจริมๆ #ขายของ) เราชมเพื่อนแล้ว ชมเพื่อนอีกด้วยความที่เราไม่มีความสามารถด้านอะไรแบบนี้ พอเห็นคนที่ทำอะไรแบบนี้เป็น ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชม และรู้สึกว่า 2 เดือนนี้นอกจากจะได้ทำงานเจ๋งๆ แล้ว ยังได้ทำงานกับเพื่อนที่เก่งๆ อีกด้วยและนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรากับเตยปุ้มได้มาทำงานด้วยกันตลอดระยะเวลา 2 เดือน
งานที่ได้ทำตลอด 2 เดือน
เรามาฝึกที่แมงโก้ซีโร่ในฐานะคนทำคอนเทนต์ ซึ่งแน่นอนว่างานหลักๆ ของเราก็คือการเขียนบทความ โดยวันแรกที่เรามาทำ เราก็ได้ลองเขียนและที่เซอร์ไพร์สกว่าคือพี่ให้เอาบทความลงเว็บในวันนั้น ไม่คิดเลยว่าพี่ๆ จะเชื่อใจให้เด็กปีสามที่มีฝีมือการเขียนด๋อยๆ อย่างเราลงบทความในเว็บตั้งแต่วันแรก
และหลังจากวันนั้นเราก็เขียนบทความมาเรื่อยๆ จนถึงงานที่เรากำลังเขียนอยู่ก็คืองานสุดท้ายของเราในการฝึกงานแล้ว อ้อ เรามีได้ออกไปนอกสถานที่ด้วยนะ ได้ตามพี่ๆ ไปสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ ไปร้านนู่นนี่เพื่อรีวิวอาหาร ได้ไปดูหนังรอบสื่อด้วย! ไม่ฝันเลยว่าจะได้มามีโอกาสดูหนังก่อนใครในประเทศ กิ้สสส
นอกจากได้ทำคอนเทนต์ในแมงโก้ซีโร่ เรายังได้ทำงานที่ท้าทายมากๆ คือการทำเพจร่วมกับเตยปุ้ม โดยเป็นเพจเกี่ยวกับสุขภาพที่มีชื่อว่า “ผู้หญิงมีเหนียง” ตอนแรกที่ได้ยินว่าเป็นเพจสุขภาพก็คิดในใจว่า ‘ship lost ละ ทำเพจเพื่อสุขภาพเนี่ยนะ หนูไม่ได้เป็นคนรักสุขภาพเลยเด้ออ กรีดร้องง’
หลังจากที่โอดครวญในใจเสร็จก็ได้แต่ยิ้มรับแล้วบอกว่า “โอเกก่ะ หนูจะพยายาม” ซึ่งพอได้ลองทำจริงๆ แล้วคือมันโอเคเลยนะ ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเราเลย แถมเรายังได้ความรู้อะไรใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มขึ้นอีกเยอะ เพราะกว่าที่คอนเทนต์แต่ละอันจะออกไปได้ เราต้องค้นคว้าแล้วค้นคว้าอีกเพื่อให้แน่ใจว่าเรื่องที่เราจะเผยแพร่มันถูกต้อง
เคยมีคอนเทนต์อันนึงที่เราค้นคว้าข้อมูลนานมาก เตยปุ้มก็วาดนานมาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลงเพราะเราพลาดเองที่หาข้อมูลมาไม่ถูกต้อง ตั้งแต่นั้นมาเราก็ใส่ใจกับการค้นคว้าข้อมูลเพิ่มขึ้นมากๆ เราตั้งใจทำคอนเทนต์ทุกอัน และไม่คิดไม่ฝันว่าวันนึง เพจยัยเหนียงที่เรากับเตยปุ้มทำจะมีคนไลค์ 15,000++ มันเป็นอะไรที่โคตรจะภูมิใจเลย
ถึงแม้ว่าเราจะสมัครมาเพื่อทำคอนเทนต์ แต่งานกราฟิกก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราได้ฝึกจากที่นี่ เราได้ใช้เม้าส์ปากกา (ที่ได้อภินันทนาการจากพี่รีนมา ขอบคุณมากๆ ค่ะ) ได้ทำปกบทความ ได้รู้เรื่องใหม่เกี่ยวกับการใช้โปรแกรม Adobe Illustrator ขึ้นเยอะมากๆๆๆ รู้สึกว่าทุกวันที่มาทำงานคือการได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ กลับบ้านไปเสมอ
ได้ทำในสิ่งที่มากกว่าการฝึกงาน
อย่างที่บอกว่าการมาฝึกงานที่นี่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ หลายอย่างมาก นอกจากได้จากการลงมือทำแล้ว ยังได้ไป training ในคอร์สต่างๆ ด้วย อย่างเราได้มีโอกาสไปเรียนวิชา Digital 101 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง นอกจากนี้ปกติแล้ว ในแต่ละเดือนพี่ๆ จะเวียนกันมาสอนคนในทีมในสิ่งที่ตนเองถนัด
ซึ่งโชคดีมากที่เดือนที่เราฝึกงาน เราได้เรียนรู้มา 2 เรื่อง คือเรื่องของ Branding และการทำ MOJO จากคนที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย ไม่รู้เรื่องการตลาด การทำแบรนด์ ไม่รู้ว่า CI คืออะไร (ซึ่งตอนนี้รู้แล้วนะ CI ตามที่เราเข้าใจคือสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของสินค้านั้นๆ เป็นเหมือนภาพจำของคนทั่วไปอะ แล้วเราก็ติดพูดคำว่า CI ไปเฉยเลย) กลายเป็นว่าเราได้มาเรียนแต่ไม่ใช่แค่นั่งฟังในห้องเรียน แต่ได้มาลงมือทำให้ชีวิตจริง
ไลฟ์สไตล์ของชาวแมงโก้
ที่แมงโก้ซีโร่จะเข้างานจริงๆ ประมาณ 10 โมง และเราจะต้องประชุมกันทุกเช้าตอนเวลา 11 โมงเพื่อดูว่าวันนี้มีอะไรอัพเดท หรือเป็นกระแสอยู่บ้าง รวมไปถึงจะได้รู้ว่าใครมีอะไรต้องทำในวันนี้ หลังจากที่เราประชุมกันเรียบร้อยก็แยกย้ายกันไปทำงานตามปกติ หรือไม่ก็ยกพลไปกินข้าวซึ่งในตอนแรกพี่ๆ เขามีร้านประจำอยู่ร้านนึง คือ เจ๊ปุ้ย ที่พี่เขาไปกินกันบ่อยมากๆ แต่หลังๆ ก็เริ่มนอกใจเจ๊ปุ้ยไปกินข้าวราดแกง เพราะเจ๊ปุ้ยให้โซเดียมเรามากเกินไป (นั่นก็คือ เค็ม! นั่นเอง แต่เราชอบนะ บางทีเราก็จะโหยหาถึงเจ๊ปุ้ยบ่อยๆ เวลาที่พี่ๆ ไปกินร้านอื่นหลายวันเกินไป )
พอกินข้าวเสร็จก็กลับเข้ามานั่งทำงานต่อ ถ้าช่วงบ่ายๆ เย็นๆ เกิดรู้สึกเบื่อ ก็ลงไปเล่นปิงปอง ตีแบด แทงสนุก ลื่นสไลด์เดอร์ (ที่เราได้ลองเล่นมาหมดแล้ว โดยเฉพาะสไลด์เดอร์ ลื่นจนตูดระบม) หรือไม่ก็ไปหยิบ Nintendo มาเล่นเพื่อแก้เครียดก็ได้ (เราแอบเอามาเล่นบ่อยมาก ไม่ใช่เครียดนะ ติดเกม ฮา)
มีอยู่ครั้งนึง เรากำลังนั่งทำงานอยู่ดีๆ เงยหน้าขึ้นมาเห็นพี่เอ็มกำลังต่อสายอะไรสักอย่างกับจอใหญ่ สรุปว่าพี่เอ็มต่อ Nintendo กับจอใหญ่เพื่อเล่นเกมจ้า ไอเราก็อึ้งดิ ทั้งอึ้งทั้งงง ในขณะที่กำลังปลาบปลื้มและคิดในใจว่าที่นี่จะเจ๋งอะไรขนาดนี้ พี่เอ็มก็ชวนให้ไปเล่นด้วยกัน แล้วมีหรือที่เราจะพลาด ได้เล่นไป 2 ตาแล้วก็แยกย้ายไปทำงานกันต่อ
ชอบบรรยากาศแบบนี้มากๆ เพราะการที่เราต้องคิดอะไรที่สร้างสรรค์ตลอดเวลา ก็ควรที่จะมีช่วงที่ได้พักผ่อนคลายสมองบ้าง เพื่อที่จะทำให้เราคิดงานออกต่อไปได้เรื่อยๆ
การฝึกงาน 2 เดือนกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมา
ตั้งแต่มาที่แมงโก้ซีโร่ ไม่รู้ว่าเรามาฝึกงานหรือฝึกกิน เพราะที่นี่ของกินเยอะมาก ด้วยความที่แมงโก้ซีโร่เป็นสื่อออนไลน์ก็เลยได้รับเชิญจากร้านนั้นร้านนี้ให้ไปชิมเมนูใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งเราก็ได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามไปชิมกับพี่ๆ เขาด้วย บางทีก็มีของกินส่งมาที่บริษัท เราก็ได้ลาภปาก แถมพี่ๆ ก็ชอบให้ขนมอยู่บ่อยๆ ถึงจะเป็นขนมเล็กๆ น้อยๆ แต่มันดีต่อใจนุ้งมากกก -///-
ที่สำคัญคือที่ Rabbit Digital Group จะเลี้ยงของกินให้พนักงานทุกศุกร์เว้นศุกร์ ซึ่งเราก็ได้กินตลอดเลยด้วย ฮี่ๆๆๆ ตอนเย็นๆ แถวบริษัทก็มีของกินเต็มไปหมด ทั้งไส้กรอกทอด โตเกียว เครป โรตี ขนมหวาน เรากลัวว่าพ่อค้าแม่ค้าจะเสียใจก็เลยซื้อกินเกือบทุกวัน ดูเป็นคนดีเนอะ แต่พอเป็นคนดีก็จะมีน้ำตาซ่อนอยู่ เพราะฝึกงาน 2 เดือนน้ำหนักเราขึ้นมา 3 โลเลยนาจา ฮืออออ ;___;
การมีพี่ฝึกงานดีก็มีชัยไปเต็มๆ
การฝึกงานครั้งนี้จะไม่สนุกเลยถ้าขาดพี่ๆ ชาวแมงโก้ที่น่ารักทั้ง 6 คน ทั้งพี่หัวหน้าพี่เอ็ม พี่แซม พี่นกแก้ว (หัวหน้า)พี่รีน พี่เตย และพี่ไอซ์ เราสัมผัสได้ตั้งแต่ตอนอ่านเว็บแล้วว่าพี่เขาต้องเจ๋งมากแน่ๆ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนที่เรามาสัมภาษณ์เข้าฝึกงาน มันเป็นสัมภาษณ์ที่สนุกมาก รู้สึกตื่นเต้นแต่ไร้ความกังวล แค่สนุกกับสิ่งที่พี่บอกให้เราทำ รู้ไหมว่าเราเอาสิ่งที่พี่สัมภาษณ์ไปเล่าให้เพื่อนฟังเป็นวันๆ ตอนนี้ก็ยังเล่าได้เป็นฉากๆ เลยนะ
รู้สึกขอบคุณตัวเองมากๆ ที่ตัดสินใจส่งเรซูเม่มาฝึกงานที่นี่ และขอบคุณพี่ๆ มากค่ะ ที่ให้โอกาสเด็กคนนี้ได้มาทำอะไรที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ ได้ลองคิดอะไรใหม่ๆ ให้ลิสต์สิ่งตัวเองอยากจะทำ (ตอนที่เห็นใบลิสต์ หนูชอบมากจริงๆ นะ) และบอกให้เราคว้าโอกาสที่จะลองทำมันดู มันเป็นอะไรที่ดีมากๆ กับการที่ให้เราตั้งเป้าหมายในสิ่งที่อยากจะทำ แล้วพยายามทำมันขึ้นมาให้สำเร็จจนได้
วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการฝึกงาน มันน่าใจหายเหมือนกันนะ เพราะเราอยู่กับแมงโก้ซีโร่มาราวๆ 2 เดือน ได้เรียนรู้ทุกอย่างเหมือนกับพี่ๆ ทุกคน ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างเกินกว่าที่คิดว่าจะได้ทำ ได้ประสบการณ์ ได้ความสุขและความสนุก ถึงแม้ว่าเราอาจจะได้ฝึกงานในฐานะนิสิตแค่ครั้งเดียว
แต่ก็รู้เลยว่านี่คือการฝึกงานที่ดีที่สุดในชีวิตเราเลย ขอบคุณอีกครั้งค่ะ หนูจะเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แล้วเราจะมาเจอกันใหม่ค่ะ เย่! (ขณะที่กำลังพิมพ์ ในปากก็เต็มไปด้วยขนม…)
เปิดรับMango Zero Junior #2 รายละเอียดตามนี้
- รับตำแหน่ง Content Creator และ Graphic Designer
- ไม่จำกัดเพศ
- ไม่แคร์คณะ
- ไม่มองสถาบัน
- ไม่สนอายุ
ใครอยากลองมาเท่ กับพวกเรา อยากฝึกงานจริง ออฟฟิศอยู่แถวสามย่าน-จุฬา อยากทำในสิ่งที่เท่ อยากเหล่หนุ่ม เหล่สาว (ออฟฟิศเราคนหน้าตาดีเยอะ) ส่งใบสมัครมาได้ที่ mangozero2016@gmail.com เลยจ้า