ในช่วงนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกมาเตือนภัยเกี่ยวกับพายุ “ปาบึก” อยู่อย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นทางกรอุตุฯ คาดว่าพายุลูกนี้จะพัดเข้าทางทะเลอ่าวไทยในวันที่ 3-5 ม.ค. 62 และคาดว่าจะกระทบมากถึง 16 จังหวัดในภาคใต้ วันนี้ Mango Zero จะพาทุกคนไปรู้จักกับพายุปาบึก และการระวังอันตรายในช่วงที่เกิดพายุแบบนี้กัน
“ปาบึก” ความรุนแรงในรอบ 30 ปี
คำว่า “ปาบึก” เป็นภาษาลาว ซึ่งมาจากคำว่าปลาบึก ปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่ก่อตัวทางมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกตอนบนและทะเลจีนใต้
“ปาบึก” (PABUK) มีศูนย์กลางห่างประมาณ 550 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือที่ละติจูด 6.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 104.5 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยพายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนลงอ่าวไทยในวันนี้ (3 ม.ค. 62) และจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช ในช่วงค่ำของวันที่ 4 ม.ค. 62 โดยจะมีผลกระทบต่อภาคใต้ในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค. 62 และคาดการณ์ว่าจะรุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี นับตั้งแต่พายุไต้ฝุ่นเกย์
ผลกระทบที่ต้องเฝ้าระวัง
จากประกาศเรื่อง พายุปาบึก ฉบับที่ 12 ของกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 3 ม.ค. 62 ระบุว่า คาดว่าจะเกิดผลกระทบบริเวณ 16 จังหวัดของภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ ดังนี้
- ในวันที่ 3 ม.ค. 62 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งกับมีลมแรง บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล
- ในช่วงวันที่ 4-5 ม.ค. 62 บริเวณภาคใต้จะมีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง กับมีลมแรงบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
- สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากลมแรง และคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง และเตือนให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรงดการเดินเรือตั้งแต่วันที่ 3-5 ม.ค. 62
ในขณะนี้ ได้เริ่มอพยพประชาชนบางส่วนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่ง ใน จ.นครศรีธรรมราช จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ปัตตานี เนื่องจากกังวลว่าเหตุการณ์จะรุนแรงซ้ำรอยเหตุการณ์บริเวณแหลมตะลุมพุก ส่วนที่ จ.พัทลุง ได้มีคำสั่งหยุดโรงเรียนในวันที่ 4 ม.ค. ทั่วทั้งจังหวัดแล้ว
ทางด้าน บริษัท ปตท.สผ. จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 61 ก็ได้ส่งพนักงานและผู้รับเหมาบางส่วนที่ไม่สามารถปฏิบัติงานจาก 3 แท่นขุดเจาะ ได้แก่ บงกช บงกชใต้ และอาทิตย์ แท่นละประมาณ 150-200 คน กลับขึ้นฝั่งที่ จ.สงขลา เและระงับการเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการนอกชายฝั่ง ระงับกิจกรรมการสำรวจและการซ่อมบำรุงไว้ชั่วคราว เคลื่อนย้ายแท่นเจาะและเรือสนับสนุนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบออกจากบริเวณพายุ
นอกจากนี้ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ได้แจ้งว่า ขอให้ผู้โดยสารตรวจสอบสถานะเที่ยวบิน ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากพายุ “ปาบึก” ก่อนการเดินทาง ในขณะที่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ก็ได้ทำการเฝ้าระวังสถานการณ์พายุทางภาคใต้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะเส้นทางบินปลายทางไปยัง จ.ภูเก็ต โดยขณะนี้ยังไม่มีการเลื่อนหรือยกเลิกเที่ยวบิน ทั้งนี้ หากมีการปรับตารางบิน หรือยกเลิกเที่ยวบินจะแจ้งให้ผู้โดยสารรับทราบล่วงหน้า
การเตรียมตัว และระวังอันตราย
สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากพายุปาบึก ควรเตรียมตัว ดังนี้
- เตรียมไฟฉาย และเทียนไข เพื่อรับมือในกรณีไฟฟ้าดับ
- เตรียมวิทยุมือถือ พร้อมชาร์ตแบตเตอรี่ให้เต็ม
- เตรียมพร้อมเตาแก๊ส กระติกน้ำร้อนสำรอง โดยเฉพาะในกรณีที่มีเด็กอ่อน
- หมู่บ้านควรจัดตั้งหน่วยเล็กๆ เพื่อช่วยขนย้ายของ เพราะอาจเกิดกรณีบ้านเรือนพังและต้องย้ายสิ่งของ
- คนในชุมชนควรปรึกษากันถึงแผนการรับมือเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น เนื่องจากแต่ละชุมชนจะมีลักษณะทางกายภาพและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป และคนที่รู้ดีที่สุดก็คือคนในชมชนเอง
- ระวังต้นไม้โค่นล้มปิดถนนและทางสัญจร หากเป็นไปได้ควรมีเครื่องเลื่อยไม้ติดไว้ด้วย
- ในกรณีที่เกิดน้ำท่วม ต้องถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า ยกเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านไว้บนที่สูงก่อนอพยพออกด้วย
- บันทึกเบอร์โทรศัพท์ไว้ในกรณีที่ต้องการรายงาน หรือขอความช่วยเหลือ ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โทร.1784, 074-617-046, 074-611-652 หรือเบอร์ Hot Line ปาบึก GISTDA โทร. 065-502-7283 ตลอด 24 ชั่วโมง
ที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา, ข่าวสด, ThaiPBS