ในวันที่มุมมองความคิดเรื่องเพศมีความเท่าเทียมและเปิดกว้างเป็นอิสระมากขึ้น สิ่งเหล่านั้นก็ถูกสะท้อนออกมาผ่านแฟชั่นด้วยเช่นกัน เริ่มจากการที่ผู้คนเริ่มฉีกกฎการใส่เสื้อผ้าเพื่อพังกำแพงเดิมๆ ที่มีเพศเป็นตัวกำหนด สู่เสื้อผ้าสไตล์ Gender neutral หรือเสื้อผ้าไม่กำหนดเพศ ที่เน้นย้ำถึงคำว่า “แฟชั่นไม่จำกัดเพศ” ได้เป็นอย่างดี
Gender neutral คืออะไร?
Gender neutral คือ ความเป็นกลางทางเพศ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการไม่ระบุเพศนั่นเอง และเมื่อนำมาพูดในด้านแฟชั่น จะหมายถึงสไตล์การแต่งตัวด้วยเสื้อผ้า หรือไอเท็มต่างๆ ที่มีความเป็นกลางทางเพศ ที่ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็สามารถใส่ได้ เพราะไม่มีสิ่งที่มากำหนดตายตัวว่าสิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์แทนเพศใดเพศหนึ่ง
นอกจากนี้ทุกคนอาจเคยได้ยินคำว่า Ungendered และ Unisex ตอนเลือกซื้อเสื้อผ้ามาบ้าง ทั้งสองคำนี้เองก็มีความหมายเหมือนกันกับ Gender neutral เช่นเดียวกัน ปัจจุบันแบรนด์เสื้อผ้าส่วนใหญ่ค่อนข้างให้ความสนใจกับความไม่จำกัดเพศของแฟชั่น จึงเกิดการผลักดันส่งเสริมออกมาเป็นการผลิตเสื้อผ้าไร้เพศออกมา
ในเมื่อไม่มีการจำกัดเพศว่ากระโปรงต้องอยู่บนตัวผู้หญิงเท่านั้น และเรื่องแต่งหน้าทาเล็บก็ไม่ใช่สิ่งต้องห้ามสำหรับผู้ชายอีกต่อไป เลยทำให้คนในสังคมเริ่มก้าวออกจากกรอบที่สังคมเคยวางไว้ว่าผู้ชายต้องแต่งแบบนี้ ผู้หญิงต้องแต่งแบบนั้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการนำไปสู่อิสระทางด้านการแต่งตัว และความเท่าเทียมทางเพศที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมความมั่นใจ และเพิ่มความสนุกให้กับวงการแฟชั่นมากขึ้นอีกด้วย
แต่งตัวแบบนี้ใช่ชายแท้หรือเปล่า?
Gender neutral ฟังดูเป็นนิมิตหมายที่ดีในการเปิดกว้างในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ และการมีอิสระในการแต่งตัวมากขึ้น แต่ท่ามกลางกระแสตอบรับในด้านบวก ก็ย่อมมีด้านลบอยู่เสมอ โดยเฉพาะแฟชั่นไร้เพศ ที่ไม่ใช่แค่เพศหญิงที่ถูกตั้งคำถามว่า “แต่งตัวแมนแบบนี้เป็นทอมหรอ” แต่ในเพศชายเองก็โดนตั้งคำถามแนวนี้กลับมาอยู่ไม่น้อย อาจเกิดจากความไม่ชินกับการเห็นผู้ชายใส่กระโปรง แต่งหน้า ทาเล็บ หรือใส่รองเท้าส้นสูง เลยทำให้เกิดประเด็นถกเถียงกันว่าผู้ชายใช้ของแบบนั้นนับเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า
อย่างที่บอกว่ากรอบสังคมกำหนดไว้ว่าสิ่งไหนเป็นสัญลักษณ์ของเพศไหน ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ออกจากกรอบที่สังคมเคยตีไว้ได้ ทุกคนจะเข้าใจเสื้อผ้าที่ไร้เพศ และไม่เกิดคำถามเมื่อเห็นสิ่งเหล่านั้น เพราะแบบนี้เอง วงการแฟชั่นจึงสนับสนุนการแต่งตัวสไตล์ Gender neutral เพื่อให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกันในเรื่องเพศ และมีความมั่นใจในการเลือกแต่งตัวมากขึ้น ไปจนถึงเกิดการเคารพตัวเองมากขึ้นไปด้วย
เหตุผลที่ผู้ชายเลือกใส่เสื้อผ้าผู้หญิง
สรีระและสัดส่วน
ผู้ชายบางคนประสบปัญหาเนื่องจากสรีระและสัดส่วน ที่ทำให้ใส่เสื้อผ้าในขนาดมาตรฐานของผู้ชายไม่ได้ อาจจะใส่ออกมาแล้วไม่สวยหรือไม่พอดีเท่ากับใส่เสื้อผ้าของผู้หญิง โดยเฉพาะผู้ชายบางคนที่มีขนาดตัวที่พอดีกับเสื้อผ้าผู้หญิงมากกว่า
ความชอบส่วนตัว
ผู้ชายบางคนมีความชื่นชอบในเสื้อผ้าสไตล์ที่สังคมกำหนดว่ามันถูกออกแบบมาเพื่อผู้หญิง หรืออาจจะรู้สึกว่าเมื่อใส่แล้วดูดีกว่า รู้สึกมั่นใจกว่า รวมไปถึงบางคนอาจจะเป็นคนที่มีความชอบในการลองอะไรใหม่ๆ ที่ฉีกจากการแต่งตัวสไตล์เดิมๆ เลยเลือกที่จะแต่งตัวสไตล์นี้ เพราะอย่าลืมว่า “แฟชั่นไม่จำกัดเพศ”
ซึ่งถ้าตัดความคิดเดิมๆ ออกไป จะเห็นว่ามันก็คือการที่คนๆ นึงค้นหาสิ่งที่ดีที่สุด สิ่งที่เหมาะสมที่สุดให้กับตัวเอง มันก็เป็นพื้นฐานความต้องการทั่วไปของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้วที่อยากจะมีอิสระเสรีในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง และคงจะดีไม่น้อย หากคนๆ นึงจะได้สนุกไปกับการแต่งตัว โดยที่ไม่ต้องมีกำแพงเรื่องเพศมาขวางกั้น
เหล่าคนดังกับแฟชั่น Gender neutral
เอซรา มิลเลอร์
ถ้าพูดถึงนักแสดงทางฝั่งอเมริกา คงจะหนีไม่พ้นคนๆ นี้ เพราะนอกจากเอซราจะเคยเฉิดฉายบนปกนิตยสาร GQ ในชุดผู้หญิงแล้ว เขายังปรากฏตัวพร้อมแฟชั่นไร้เพศให้ได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ โดยเอซราได้เคยพูดไว้ว่าเขามีความคิดว่าเพศคือของเหลว และตัวเขาเองไม่ใช่เพศหญิงหรือเพศชาย แต่เป็นเพียงมนุษย์คนนึงเท่านั้น
เจมส์ ธีรดนย์
นักแสดงสายแฟชั่นที่มีมุมมองต่อแฟชั่นว่าแฟชั่นไม่จำกัดเพศ เจ้าตัวบอกว่าตัวเองเป็นคนที่ตัวเล็ก จึงชอบใส่เสื้อผ้าผู้หญิง และเป็นคนชอบแต่งตัว แต่งหน้าอยู่แล้ว เลยไม่มองเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลก นอกจากนี้เจมส์ยังเคยถ่ายแฟชั่นให้กับทาง HAMBURGER ด้วยคอลเลคชั่นเสื้อผ้าผู้หญิงอีกด้วย
ดัง พันกร
อีกหนึ่งคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสายแฟชั่น หลายคนอาจเคยเห็นดังในชุดกระโปรงมาบ้าง ซึ่งเจ้าตัวได้พูดถึงมุมมองของแฟชั่นว่าแฟชั่นมันคือสิ่งที่บอกตัวตนของเรา เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปนั่งแคร์คนอื่นว่าเขาจะใส่อะไร
ดังนั้น ไม่ว่าเพศหญิง เพศชาย หรือเพศทางเลือก ทุกคนต่างมีอิสระในการเลือกแต่งตัว และสิ่งที่ทุกคนควรทำไม่ใช่การตั้งคำถามอยู่บนกฎของวัฒนธรรมเดิมๆ ว่าทำไมถึงใส่แบบนั้น ทำไมถึงไม่ใส่แบบนี้ แต่เป็นการเคารพให้เกียรติกัน เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องเพศ แต่เป็นเรื่องของสิทธิความเท่าเทียมที่ทุกคนควรตระหนัก