ในวันที่เทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโลก เมื่อวิถีการทำงาน ค้นหาข้อมูล เรียนรู้ หรือแม้แต่การติดต่อสื่อสาร ต่างก็ถูกยกไปไว้บนโลกออนไลน์ทั้งสิ้น จนปฎิเสธไม่ได้เลยว่า อวัยวะในร่างกายที่ต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด ก็คือ “ดวงตา” นั่นเอง แต่แม้จะถูกใช้งานอย่างหนักหน่วง หลายคนกลับไม่ได้ดูแลดวงตาของตนเองดีเท่าที่ควร ทำให้ประสบปัญหาทางด้านสายตากันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอาการ “ตาล้า” ที่มักเป็นกันโดยไม่รู้ตัว เพื่อคลายความสงสัย วันนี้ Mango Zero จะพาทุกคนไปเช็คว่าคุณกำลังมีอาการตาล้าอยู่หรือเปล่า พร้อมทั้งวิธีการป้องกันปัญหาที่ถูกต้องกัน ตาล้า คืออะไร ร่างกายที่ทำงานหนักยังล้าได้ ดวงตาที่ถูกใช้งานมากเกินไปก็เช่นเดียวกัน “ตาล้า” เกิดขึ้นเมื่อใช้สายตานานติดต่อกันโดยไม่หยุดพัก จนทำให้กล้ามเนื้อบริเวณตามีอาการล้า และบางครั้งก็อาจลุกลามไปถึงกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ของหน้า เช่น ขมับ กราม เป็นต้น สำหรับอาการตาล้านั้น เกิดขึ้นได้หลายแบบ ตั้งแต่ปวดตา ตาแห้ง น้ำตาไหล การมองเห็นพร่ามัว ไปจนถึงปวดหัว ดวงตาไวต่อแสงมากขึ้น บางรายอาจมีอาการปวดไมเกรนร่วมด้วย ซึ่งสามารถหายได้เองเมื่อได้รับการพักผ่อน แต่หากยังเป็นอย่างต่อเนื่อง หรือเป็นมากยิ่งขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียด ที่มาของอาการตาล้า มองหน้าจอนานเกินไป การมองหน้าจอนานเกินไป ไว้ว่าจะเป็นหน้าจอคอม โทรศัพท์ หรืออุปกรณ์การสื่อสารต่างๆ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้สายตาทั้งนั้น รู้ตัวอีกทีก็เกิดอาการตาล้า จากการจดจ่อมากเกินไป จนเผลอเพ่งมองหน้าจอนานโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง เพ่งสายตาในที่แสงน้อย เมื่อแสงน้อยทำให้มองไม่เห็น ก็ยิ่งเพ่งกันเข้าไปใหญ่ เพราะเมื่อเจอแสงจ้าจากอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ทั้งที่สภาพแวดล้อมค่อนข้างมืด แสงน้อยทำให้รูม่านตาขยาย แต่การเพ่งสายตาทำให้กล้ามเนื้อบีบ ทั้งสองอย่างนี้ทำให้ดวงตาเกิดการทำงานหนักจนล้าในที่สุดนั่นเอง อยู่ในที่แสงจ้า หรือลมแรง หลายคนคิดว่าถ้าเปลี่ยนมาอยู่ในที่สว่างคงจะไม่เป็นไร แต่ความจริงแล้ว แสงจ้าก็ทำให้เราต้องใช้กล้ามเนื้อสายตามากเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ไม่เพียงแต่แสงจ้าเท่านั้นที่ทำร้ายเรา การปะทะลมแรงๆ อย่างตอนไปทะเล หรือการนั่งรถจักรยานยนต์ ก็ทำให้เกิดอาการตาล้าได้เช่นเดียวกัน มีปัญหาทางด้านสายตามาก่อน เมื่อมีปัญหาทางด้านสายตาเป็นทุนเดิม ไม่ว่าจะเป็นตาแห้ง ค่าสายตาผิดปกติ หรือกระจกตามีปัญหา อาจทำให้อาการตาล้าเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าคนอื่น และอาจทำให้อาการที่เป็นอยู่มีปัญหามากขึ้นกว่าเดิมได้ วิธีการดูแลเมื่อมีอาการตาล้า ประคบร้อนที่ตา การประคบร้อนที่ตาจะช่วยคลายกล้ามเนื้อด้วยส่วนหนึ่ง ทำให้อาการล้าที่ตาดีขึ้นได้ โดยอาจใช้เป็นถุงชาร้อน หรือผ้าชุบน้ำร้อนก็ได้เช่นกัน พักจากหน้าจอบ้าง หากจำเป็นต้องใช้สายตาเพื่อเพ่งหน้าจอจริงๆ ลองหาเวลาในการพักสายตาดูบ้าง โดยอาจแบ่งเป็นการพัก 10 นาที ในทุกๆ 30 นาที หรือจะบริหารกล้ามเนื้อตาง่ายๆ ด้วยการกลอกตาซ้ายขวา และขึ้นลง หรือการมองไกลๆ หรือลุกมาขยับร่างกายสักเล็กน้อย นอกจากจะได้พักสายตาแล้ว ยังช่วยผ่อนคลายความเครียดของร่างกายส่วนอื่นๆ ได้อีกด้วย กระพริบตาบ่อยๆ หลายครั้งที่การทำงานแบบใช้สมาธิ มักทำให้เราเผลอจ้องหน้าจอเขม็ง ส่งผลให้ตาแห้งมากยิ่งขึ้น จึงควรกระพริบตาบ่อยๆ เมื่อต้องจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน เพราะการกระพริบตาจะทำให้ต่อมไขมันรอบๆ ดวงตา ผลิตน้ำมันออกมา ส่งผลให้ตามีความชุ่มชื้นมากขึ้นนั่นเอง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการนั่งหน้าพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศที่ทำให้ดวงตาสัมผัสกับลมโดยตรง เพื่อป้องกันอาการตาแห้ง รวมไปถึงการสวมแว่นกันแดดเมื่อต้องเจอเเสงจ้า ขณะอยู่ภายนอกอาคาร หรือขณะทำกิจกรรมต่างๆ เลือกเลนส์ที่สามารถปกป้องดวงตาได้ แต่วิธีการดูแลที่กล่าวไปเบื้องต้นนั้น อาจทำได้เพียงบรรเทาอาการตาล้าเท่านั้น หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้สายตาแบบหนักๆ ได้ ก็ควรหาตัวช่วย อย่างการเลือกใช้เลนส์ลดอาการตาล้า (Anti-Fatigue lens) อย่าง “เลนส์ Zeen” จากร้าน หอแว่น ซึ่งออกแบบมาเพื่อลดภาระกล้ามเนื้อตา (Anti-Fatigue) โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด อย่าง Boost accommodation ในการแก้ปัญหากล้ามเนื้อตาล้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อต้องใช้สายตาเป็นเวลานาน คราวนี้จะใช้เรียนหนังสือ ปั่นงานจนโต้รุ่ง หรือทำกิจกรรมไหนๆ ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ทำไมต้องเลนส์ Zeen เพราะเลนส์ Zeen เป็นเลนส์ที่ช่วยลดภาระกล้ามเนื้อตา จึงแก้ปัญหาอาการตาล้าได้อย่างตรงจุด เหมาะกับทั้งผู้ที่มีปัญหาทางสายตาสั้น เอียง หรือผู้ที่มีสายตาปกติที่ต้องการถนอมสายตา จะเพศไหน ทำงานอะไร มีไลฟสไตล์แบบใด ก็สามารถใช้ได้ และด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ ทำให้เลนส์ Zeen ยิ่งมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เป็นแว่นที่เข้ากับเราที่สุดในโลก เพราะสั่งตัดแว่นเพื่อแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ (Tailor – Made) โดยคำนวณตำแหน่งการมองตามลักษณะการสวมใส่ ทั้งยังเลือกกรอบแว่นแบบไหนก็ได้อีกด้วย ปรับค่าการเบนของตาในการเหลือบมองระยะใกล้ (Inset) ช่วยลดภาระในการมองระยะใกล้ ทีนี้จะเหล่ใครก็ไม่ปวดตาเท่าที่เคยเเล้ว เลนส์จะถูกออกแบบมาให้มีมุมมองภาพที่สบายกว่าเลนส์สายตาทั่วไป และยังสามารถเลือก option เสริม เป็นเลนส์ถนอมสายตาจากแสงสีฟ้า จากการมองหน้าจอเป็นเวลานานได้อีกด้วย เรียกได้ว่าดูแลดวงตาแบบสองต่อไปเลย ช่วยบรรเทาอาการเพ่งในโฟกัสระยะใกล้ เป็นการปรับมุมมองการมองใกล้ ๆ ให้ค่อย ๆ ขยายขึ้นแบบไล่ระดับ แต่ได้ภาพมองใกล้ที่เป็นธรรมชาติเหมือนเดิม ช่วยให้กล้ามเนื้อตาผ่อนคลาย และเพ่งมองน้อยลงนอกจากนี้ ยังสามารถเลือกกำลังสายตาลดการเพ่งได้ 3 ระดับด้วยกัน +0.40, +0.60 และ +0.80 ควรเลือกให้เหมาะสมกับช่วงอายุ โดยสามารถให้พนักงานจากหอแว่นทุกสาขาช่วยแนะนำเพิ่มเติมได้ การดูแลทะนุถนอมดวงตาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะดวงตาของเรามีเพียงคู่เดียวเท่านั้น เรียกได้ว่าลงทุนหนึ่งครั้ง ก็อาจช่วยแบ่งเบาการทำงานของสายตาไปได้อีกยาวนานเลยทีเดียว สำหรับใครที่สนใจหาข้อมูลเลนส์ Zeen เพิ่มเติม ก็สามารถดูได้ที่ www.zenith.in.th/th/zeen หรืออยากได้คำปรึกษาแบบกูรูตัวต่อตัว ก็สามารถหาร้านหอแว่น สาขาใกล้บ้าน โดยเช็คสาขาได้ที่ https://btv.co.th/th/branch/ ที่มา PobPad #ยิ่งล้ายิ่งพัง #Zeen #หอแว่น