การแข่งขันมาราธอน ชิงแชมป์โอลิมปิก 2020 ที่โตเกียว ได้ผู้ชนะแล้ว ซึ่งก็คือตัวเก็งของรายการ ‘อีเลียด คิปโชเก้’ ยอดนักวิ่งจากเคนยา ที่วิ่งแบบม้วนเดียวจนเข้าเส้นชัยคว้าทองไปสบายๆ สำหรับการแข่งขันครั้งนี้คิปโชเก้ ถูกจับตามองเป็นพิเศษในฐานะนักวิ่งมาราธอนอันดับ 1 ของโลก และอาจจะเป็นมาราธอน ในโอลิมปิกครั้งสุดท้ายของเนื่องจากอายุ 36 ปีแล้ว ส่วนในการแข่งขันจัดขึ้นที่ซัปโปโร เริ่มต้นที่อากาศร้อนราว 28 องศา และมีตัวเก็งอีกหลายคน ร่วมชิงทอง ทั้ง โรเน็ด คิปรูโต้ จากเคนย่า , เลลิซ่า เดซิซ่า และ ซิเซ่ เลมม่า จากเอธิโอเปีย รวมถึง ‘ซึกุรุ โอซาโกะ’ นักวิ่งเจ้าถิ่น ช่วง 30 กิโลเมตรแรก คิปโชเก้ เกาะอยู่ในกลุ่มนำ แต่ไม่ได้วิ่งนำเป็นอันดับ 1 แต่หลังจากกิโลเมตรที่ 30 เป็นต้นไป คิปโชเก้ วิ่งแซง และนำรวดเดียวเข้าเส้นชัยเวลา 2 ชั่วโมง 8 นาที 38 วินาที ทิ้งห่างอันดับที่ 2 นาเกเยอร์ แอบดี้ จาก เบลเยี่ยม และ อันดับที่ 3 แอบดี้ บาเชอร์ จากเนเธอร์แลนด์ ถึง 1 นาที 20 วินาที การได้เหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยติดของคิปโชเก้ ทำให้เขากลายเป็นนักวิ่งคนที่ 3 ในหน้าประวัติศาสตร์ที่สามารถป้องกันแชมป์โอลิมปิกได้ ต่อจาก ‘อาเบเบ บิคิลา’ จากเอธิโอเปีย ที่ได้เหรียญทองในปี 1960 และ 1964 กับ ‘ไวล์เดอมาร์ เซียร์ปินสกี’ นักวิ่งจากเยอรมนีตะวันออก ที่ได้เหรียญทองในปี 1976 และ 1980 ที่ผ่านมาคิปโชเก้ คือเป็นเจ้าของสถิติโลกอย่างไม่เป็นทางการที่พิชิตระยะ 42.198 ได้ในเวลา 1 ชั่วโมง 59 นาที 40 วินาที ถือว่าเป็นมนุษย์คนแรกของโลกที่วิ่งมาราธอน ได้เร็วที่สุด ส่วนนักวิ่งเจ้าถิ่นตัวความหวัง ‘ซึกุรุ โอซาโกะ’ เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 6 ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 10 นาที 41 วินาที ซึ่งเป็นนักวิ่งเอเชียเพียงคนเดียวที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ส่วนนักวิ่งคนสุดท้ายที่เข้าเส้นชัยในโอลิมปิกครั้งนี้คือ ‘ซาโก้ อัลวาเรซ’ จากฮอนดูรัส ใช้เวลาไป 2 ชั่วโมง 44 นาที 38 วินาที