Mango Zero

ทำไมคริสต์มาสต้องเป็นสีแดงกับเขียว เหตุผลที่ซานต้าเป็นคุณลุงพุงโล

ช้าก่อน ก่อนที่เราจะมาเล่าเรื่องของแดงกับเขียว นักสู้และนักซิ่ง แดงกับเขียวงยังเป็นสีที่เรามักเชื่อมโยงกับเทศกาลท้ายปีอย่างคริสต์มาส เห็นคู่สีนี้ทีไร ก็อดนึกถึงต้นคริสต์มาสที่ตั้งประดับตามที่ต่าง ๆ ไม่ได้ เพลง All I Want for Christmas Is You ของคุณแม่มารายห์ แครี่เปิดคลอตามห้างสรรพสินค้า (หรือเพลงสวัสดีปีใหม่ที่จะตามมาในเร็วๆ นี้) เห็นคุณลุงใจดีในชุดสีแดงและเคราฟูนุ่มสีขาวที่เรารู้จักกันในชื่อซานตาคลอส

แต่ทำไมคริสต์มาสต้องเป็นสีเขียวกับสีแดงล่ะ ทำไมถึงเป็นคู่สีอื่นไม่ได้ แล้วในเมื่อไม่เคยมีใครเห็นซานตาคลอส ทำไมเราทุกคนถึงจำภาพลุงพุงโลกับหมวกแดงได้ทุกคน? วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจว่าทำไมคริสต์มาสถึงเป็นแบบนี้ จะเป็นยังไง เราไปดูกันเล้ยยยย

 

แดงกับเขียวมาจากไหน

(ที่ไม่ใช่นักสู้และนักซิ่ง) สีแดงกับเขียวที่จริงแล้วถูกเชื่อมโยงกับเทศกาลคริสต์มาสมาตั้งแต่โบราณกาล ซึ่งคู่สีนี้จะมาจากไหนไม่ได้ถ้าไม่ใช่มาจากต้นฮอลลี่ ฮอลลี่เป็นต้นไม้ที่สามารถออกดอกออกผลในฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะได้ ชาวเซลติกโบราณมองต้นฮอลลี่เป็นสัญลักษณ์ของผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ และนำต้นฮอลลี่ไปประดับบ้านในช่วงเหมายันเพื่อความสวยงามและความเชื่อว่าต้นฮอลลี่จะนำโชคลาภมาให้ และพืชผักจะงอกงามดีในปีที่จะมาถึง

ในแง่ของศาสนา ต้นฮอลลี่เองก็สื่อถึงมงกุฎหนามของพระเยซู สีแดงของลูกฮอลลี่คือเลือดของพระเยซู และใบที่มีรูปทรงแหลมคมนั้นแทนมงกุฎหนามที่พระองค์สวมใส่เมื่อถูกตรึงกางเขน

ในทางฝั่งของชาวโรมันนั้นก็ไม่ต่างกัน ต้นฮอลลี่ถูกนำมาประดับเพื่อบูชาเทพเจ้าดาวเสาร์ทุก ๆ ท้ายปีในวันที่ 17 ถึง 23 ธันวาคม เมื่อกาลเวลาล่วงเลยไป สีเขียวและแดงของต้นฮอลลี่จึงเป็นภาพติดตาและสัญลักษณ์ที่บ่งชี้ว่าเวลาแห่งเทศกาลใกล้เข้ามาถึงแล้วสำหรับชาวคริสต์ (และผู้ที่ชื่นชอบคริสต์มาส) ทุกคน

แต่อันที่จริงแล้ว มันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป

ซานตาคลอสไม่ได้ใส่ชุดแดง!?

เราอาจจะคุ้นเคยกับซานตาคลอส คุณตาใจดีในชุดแดงที่ขี่เลื่อนหิมะนำทางด้วยกวางเรนเดียร์ 12 ตัวเพื่อให้ของขวัญกับเด็กดีในคืนที่ 24 ธันวาคม

แต่ซานตาคลอสในอดีตนั้นไม่ได้ใส่ชุดแดงเสมอไป และไม่ใช่คุณตาหนวดขาวพุงโลอีกด้วย! ในอดีต รูปลักษณ์ของซานตาคลอสนั้นไม่แน่ไม่นอน บางทีเป็นหนุ่มผอมแห้งในชุดสีเขียวบ้าง สีน้ำเงินบ้าง โปสการ์ดคริสต์มาสในสมัยวิคตอเรียนนั้นนิยมใช้คู่สีแดงเขียว แดงน้ำเงิน น้ำเงินเขียว และน้ำเงินขาว แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อการตลาดของโคคาโคล่าเข้ามาในปี คศ. 1931

 

เมื่อซานตาคลอสดื่มโค้ก

ที่มาของซานตาคลอสที่เราคุ้นตากันนั้นจะยกความดีความชอบให้แก่ใครไม่ได้นอกจากบริษัทน้ำอัดลมชื่อดัง โคคาโคล่า และนักวาดภาพประกอบ Haddon Sundblom ผู้วาดซานตาคลอสที่ทุกคนทั่วโลกจะจดจำมาถึงทุกวันนี้

ในปีคศ. 1931 โคคาโคล่า ได้ว่าจ้าง Haddon Sundblom เพื่อวาดภาพประกอบโฆษณาลงนิตยาสาร เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ซานตาคลอสมีชีวิตขึ้นมา คุณตาอารมณ์ดี เคราขาวนุ่มฟู พุงโล ใส่ชุดสีแดงและขาว (สีเดียวกับน้ำอัดลมยี่ห้อนี้เปี๊ยบ) ที่กำลังดื่มโค้กหรือแจกจ่ายโค้กให้กับเหล่าเด็กดีทั้งหลายในพื้นหลังสีเขียว ซึ่งรวบรวมทุกอย่างที่ให้ความรู้สึกคริสต์มาสได้อย่างพอดิบพอดี

 

กวางเรนเดียร์มาจากไหน

เพื่อเดินทางไปแจกจ่ายของขวัญทั่วโลก ซานตาคลอสขี่เลื่อนหิมะที่นำทางด้วยเรนเดียร์จำนวน 12 ตัว หนึ่งในนั้นคือรูดอล์ฟ กวางเรนเดียร์ที่มีจมูกสีแดงสด คอยนำทางซานตาคลอสในคืนที่พายุหิมะโหมหนัก แต่ทำไมซานตาคลอสต้องขี่กวางเรนเดียร์? ทำไมไม่ใช้สัตว์อื่นลากเลื่อน?

อันที่จริงแล้วประเพณีในการใช้กวางเรนเดียร์ลากเลื่อนหิมะนั้นมีตั้งแต่ไหนแต่ไร ชาวซามีที่อาศัยอยู่ในตอนเหนือของนอร์เวย์นั้นก็ใช้เรนเดียร์ในการขนส่งของในฤดูหนาวที่โหดร้าย ก่อนถูกนำมาปศุสัตว์และถูกส่งมายังอลาสก้าผ่านไซบีเรีย


สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะการตลาด

แต่สาเหตุที่ซานตาคลอสนั่งลากเลื่อนที่มีกวางเรนเดียร์นั้น ต้องยกความดีความชอบให้กับการตลาด (อีกแล้ว) และไม่เกี่ยวข้องกับชาวซามีใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณนักธุรกิจในอลาสก้านาม Carl Lomen ตลาดกวางเรนเดียร์ในอเมริกันเริ่มเติบโต Lomen ต้องการตีตลาดให้เนื้อและขนกวางเรนเดียร์นั้นเป็นที่รู้จักกว้างขวางในสหรัฐอเมริกา

ในปีคศ. 1926 Lomen ร่วมงานกับห้างสรรพสินค้า Macy’s เพื่อจัดงานพาเหรดคริสต์มาสที่นำโดยซานตาบนเลื่อนหิมะที่ถูกลากด้วยกวางเรนเดียร์ของเขา ทั้งหมดถูกตกแต่งในสไตล์ของชาวซามี และไม่นานนักที่พาเหรดหน้าตาคล้าย ๆ กันจะถูกจัดที่เมืองอื่น ๆ จนกลายเป็นภาพจำของเราในปัจจุบัน

อ่านมาขนาดนี้แล้ว หวังว่าคงไม่ฝันสลายกันไปเสียก่อน จริงอยู่ที่จุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาสนั้นเป็นผลผลิตของการตลาดล้วน ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคริสต์มาสเป็นเทศกาลที่ใครหลายคนต่างชื่นชอบแม้ว่าจะเป็นชาวคริสต์หรือไม่ก็ตาม อย่างไรก็แล้วแต่ เราขออวยพรให้ทุกคนมีความสุขในช่วงสิ้นปี และรักษาสุขภาพกันด้วยนะ!