Mango Zero

รวม 8 วาทะ สุดประทับใจ จากตัวละครเด็กน้อยใจใหญ่ในวัยไร้เดียงสา

รวม 8 วาทะ สุดประทับใจ จากตัวละครเด็กน้อยใจใหญ่ในวัยไร้เดียงสา 

ในโลกของซีรีส์หรือภาพยนตร์ บ่อยครั้งเราจะเห็นว่าตัวละครหลักหรือตัวสมทบที่มาสร้างสีสัน  และเพิ่มอรรถรสเป็น..ตัวละครเด็ก ! ซึ่งไม่ว่าตัวละครเหล่านั้นจะเป็นเด็กแบบไหนก็ตาม ผู้สร้างความบันเทิงในสื่อมักจะใส่อะไรบางอย่าง ที่ทำให้ตัวละครเด็กเหล่านั้นสะท้อนข้อความ สะท้อนสังคมผ่านคาแรกเตอร์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชม

อย่างความน่ารักและบริสุทธิ์ที่ถูกสร้างสรรค์ ก็ยังมีประโยคจำที่ผู้ใหญ่อย่างเราคาดไม่ถึงกันว่าประโยคสั้นๆ จะแฝงไปด้วยนัยยะสำคัญทั้ง ความสดใสและความเจ็บปวดของเด็กตัวแค่นั้น ที่มอบความอบอุ่นใจ รอยยิ้มและแง่คิดสำคัญได้ดีกว่าคนตัวโตในวัยเดียวกันซะอีก 

Mango Zero เลยถือโอกาสนี้ รวบรวมวาทะดีๆ จากตัวละครเด็กน้อยยยยใจ(ผู้)ใหญ่ ที่สะท้อนความเศร้า สุข จริงใจ ในวัยที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา จนคุณต้องเผลอยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูววว~

“ร้องออกมาเถอะ ต่อให้คุณร้องไห้ กระผมก็จะไม่ดูแคลนคุณ การเห็นผู้ใหญ่ร้องไห้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับกระผม”

– โคทาโร่, Kotaro lives alone (2021)

นี่เป็นคำพูดของเด็กชายวัย 5 ขวบ ที่มาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง โดยพยายามที่จะเข้มแข็งและไม่พึ่งพาคนอื่นมากนัก ถึงแม้จะเป็นประโยคที่ฟังแล้วปลอบประโลมใจได้ 

แต่คำว่า ‘การเห็นผู้ใหญ่ร้องไห้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับกระผม’ สะท้อนความจริงที่ปวดใจของ ‘โคทาโร่คุง’ คนนี้ได้อย่างแสบสัน เพราะการที่เด็ก 5 ขวบต้องมาอยู่ลำพังโดยปราศจากความอบอุ่นของบุคคลสำคัญอย่างคุณแม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย    

___________________

“We all need a standing ovation at least once in our life”

– Auggie, Wonder (2017) 

“ทุกคนควรได้รับการยืนขึ้นปรบมือชื่นชมอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งในชีวิต”

การเกิดมาในรูปลักษณ์ที่แตกต่างไม่ใช่เรื่องผิด แต่จิตใจคนนี่สิยิ่งประหลาดกว่า สำหรับสิ่งที่เด็กชายออกัสต์ พูลล์แมน ซึ่งเป็นแค่เด็ก ป.5 ที่มีความฝัน มีแขนขาและหัวใจเหมือนกันกับคนทั่วไปต้องเจอ เพียงเพราะเขามีหน้าตาที่แปลกกว่าคนอื่น

ถึงแม้ว่าออกัสจะพยายามทำเหมือนไม่เป็นไร แต่ก็มีฉากที่ความเข้มแข็งของเด็กคนหนึ่งพังทลายให้หลายคนได้ร้องไห้ตาม ซึ่งนั่นไม่ได้เปลี่ยนตัวตนและอิทธิพลดีๆที่ออกัสเลือกรับจากคนรอบข้าง และยืนหยัดด้วยจิตใจที่กล้าหาญของเขาเอง

ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงสามารถสะท้อนความเบี้ยวบิดของคนในสังคม และส่งผ่านความคิดที่โตและดีเกินวัยภายใต้ความบิดเบี้ยวของเด็กหนึ่งคนได้ทะลุปรุโปร่งออกมา

___________________

“พ่อไม่ต้องรู้สึกผิดสักนิดเลยก็ได้ ผมเป็นจักรวาลของพ่อ แต่พ่อไม่ว่างเพราะต้องช่วยคนในจักรวาลที่ยิ่งใหญ่กว่าผม”

– อูจู, Hospital playlist 2 (2021)

ทางฝั่งเกาหลีเองก็ให้ความสำคัญกับตัวละครเด็กมากมาย อย่างหนู ‘อูจู’ เด็กชายวัย 5 ขวบ ลูกชายสุดที่รักของหมออีอิกจุนจากแก๊งหมอเพลง ที่สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ ทั้งกินข้าว อาบน้ำ แต่งกาย (ไปแคมป์กับโมเน) แบบสบายๆแม้คุณพ่อไม่อยู่

แถมยังเพิ่มความน่าเอ็นดู ด้วยการมองโลกในแง่บวกและเข้าใจหน้าที่การงานของคุณหมอมือไฟได้เป็นอย่างดี หากทุกคนจำได้ ในภาคแรกก็ยังมีประโยค “อูจูมีพ่อคนเดียวก็พอ” ที่โชว์ถึงทักษะการปรับตัวที่ดีมากสำหรับเด็กวัยนี้ด้วย

___________________ 

“That might sound boring, but I think the boring stuff is the stuff i remember the most”

– Russell, Up (2009) 

“มันอาจจะฟังดูน่าเบื่อ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่น่าเบื่อก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมจำได้มากที่สุด”

รัสเซล เด็กน้อยตัวกลมจากแอนิเมชันผจญภัย ที่คอยตามตื้อคุณปู่แว่นเหลี่ยมในเรื่อง Up ส่งต่อประโยคอันทรงพลัง ยามที่เรามองกลับหลัง เรามักจะจำแต่เรื่องดีๆ จนลืมไปว่าเรื่องราวน่าเบื่อในชีวิต ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราจดจำมันได้เหมือนกัน

ประโยคจำจากเด็กวัย 8 ขวบคนนี้กำลังบอกให้เราใช้ชีวิตแบบสุขสันต์กับเรื่องเล็กๆน้อยๆในแต่ละวัน  เพียงแค่ปรับมุมมองมันก็มีความสุขได้

___________________    

“ผมไม่อยากเป็นคนพิเศษ ผมอยากเป็นเหมือนคนอื่นๆ”

– Gus, Sweet Tooth (2021) 

ประโยคจากเด็กน้อยครึ่งคนครึ่งกวาง สะท้อนความแตกสลายอยู่บ้างเมื่อต้องเติบโตป่ากว้างใหญ่โดยไม่มีแม่ แถมยังโดนไล่ล่าจากกองกำลังทางการเพราะเป็นเด็กที่เกิดจากปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติ

แค่มองจากภายนอกก็ยังรับรู้ได้ว่า เรื่องราวเหล่านี้หนักหนาเกินไปสำหรับเด็กน้อยวัย 9 ขวบ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ตัวละครจะแสดงความอ่อนไหวด้วยใจที่ไร้เดียงสา

___________________ 

“ตอน 6 ขวบก็เสียใจอยู่ แต่พอ 9 ขวบก็ไม่เป็นไรแล้ว”

– อีจุน, Hometown ChaChaCha (2021)

ประโยคที่ฟังดูง่ายๆ แต่กระทบใจขั้นสุด จากเด็กชายจางอีจุน ลูกผู้ใหญ่ลี(ไม่ใช่!) ลูกผู้ใหญ่บ้านจาง และผู้นำชุมชน Super Mom ฮวาจอง ซึ่งภายนอกน้องได้พยายามทำตัวเข้มแข็ง ไม่ให้แม่ต้องคอยห่วงคอยปกป้อง แต่ลึกๆแล้วน้องก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่ต้องการให้ครอบครัวกลับมาปรองดอง ภายใต้เปลือกนอกที่แสดงออกอย่างสดใส

ถ้าเจาะประโยคนี้จะพบว่า อีจุน ใช้เวลา 3 ปีในการเสียใจ เหมือนจะไว แต่อย่าลืมว่า 3 ปีในวัย 9 ขวบ ก็เป็น 1 ส่วน 3 ของชีวิตน้องในตอนนั้น มันจึงเป็นประโยคที่ดูเท่แต่เทาในเวลาเดียวกัน และยากลำบากสำหรับเด็กวัยนั้นด้วย (น้องเก่งมาก!)

___________________    

“If you never use your heart, who cares if it gets broken”

– Kevin, Home Alone 2: Lost In New York (1992)

“ถ้าคุณไม่เคยใช้หัวใจ..แล้วใครจะสนใจเมื่อใจของคุณพัง” 

เด็กแสบคริสต์มาสส่งประโยคแบบสับบบบบ ฟาดเข้ากลางอกหญิงสาวผู้กลัวความรักอย่างจัง ด้วยการมองมุมกกลับ ปรับมุมมองความรักให้เป็นเหมือนโรลเลอร์เบลด ที่ถ้ามัวแแต่กลัวทำพัง ไม่สวมออกไปเล่นข้างนอก ก็จะไม่รู้เลยว่าของสิ่งนั้นมันยังใช้การได้ดีไหม หรือสนุกยังไง สุดท้ายก็ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเรามีมันอยู่ในครอบครอง

สมการของความรักก็เช่นกัน เมื่อมีโอกาสก็ควรลุยสักครั้ง แม้ไม่ได้สมหวังก็ได้เรียนรู้ว่ามันเป็นอย่างไร (น่อววว คมสุดๆ)

___________________     

“Ohana means family, family means nobody gets left behind. But if you wanna leave, you can. I’ll remember you though..I remember everyone that leaves”

– Lilo, Lilo & Stitch (2002)  

“โอฮาน่า (Ohana) แปลว่าครอบครัว และคำว่าครอบครัวคือจะไม่มีใครถูกลืมหรือถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่ถ้าอยากจาก ก็จาก.. ฉันจะจำแกไว้ในใจ ฉันจดจำทุกคนที่จากไปเสมอ”

ลีโล่ สาวน้อยสายอะโลฮ่า ที่มักจะมาพร้อมรอยยิ้มและเพื่อนตัวสีน้ำเงิน ถึงแม้จะมีชีวิตที่ท้าทาย ดิ้นรนต่อสู้ด้วยตัวเองได้ แต่ลึกๆแล้วลีโล่เป็นตัวละครที่เดียวดายและน่าเศร้า เพราะสูญเสียครอบครัวไป อาศัยอยู่กับพี่สาว (ที่จะถูกพรากไปเช่นกัน) ทำให้เธอชินชากับความเหงา

จนถ่ายทอดประโยคเศร้าๆ อย่าง ‘ฉันจดจำทุกคนที่จากไปเสมอ’ สุดท้ายในใจตัวละครเด็กคนนี้ก็แค่ต้องการใครสักคนที่จะไปจากไปก็เท่านั้นเอง