การซื้อของออนไลน์ในยุคนี้ดูจะเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ แค่มีมือถืออยู่ในมือก็จิ้มซื้อของสารพัดอย่างเข้าบ้านได้ โดยเฉพาะคนไทยจากสถิติปี 2018 ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ชอบช็อปปิ้งออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนนับเป็นอันดับ 3 ของโลกเลยนะ! (ข้อมูลจาก Picodi.com) แต่ท่ามกลางกระแสการจับจ่ายที่ซื้อง่ายขายคล่องแบบนี้ ย่อมเป็นช่องทางทำมาหากินให้ผู้คนมากมายรวมไปถึงกลุ่มมิจฉาชีพ! วันนี้ Mangozero ขอแนะนำขั้นตอนการติดตามเงินคืน กรณีที่คิดว่ากำลังจะโดนร้านค้าออนไลน์โกงเงินแน่ๆ ถ้าเกิดโอนเงินไปแล้วอยู่ดีๆก็หายไลน์ไม่ตอบ แบบนี้ต้องทำยังไง… 1.แคปหลักฐานการซื้อขายทั้งหมดไว้ ปรินต์ออกมาเป็นหลักฐาน แคปหน้าเว็บไซต์ หน้าโปรไฟล์ร้านค้า ชื่อ-ที่อยู่ / เบอร์โทรศัพท์ / เลขที่บัญชีของร้านค้า ข้อความแชททั้งหมด ตั้งแต่ทักไปถามจนถึงส่งยืนยันใบโอนเลยนะ หลักฐานการโอน (สลิปการโอน/ใบนำฝาก) สมุดบัญชีธนาคารเรา สำเนาบัตรประชาชนเรา 2.แจ้งตำรวจ รวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่มี แจ้งกับตำรวจสถานีในพื้นที่ที่เราทำการโอนเงิน โดยย้ำกับทางคุณตำรวจด้วยว่า เรา “ต้องการดำเนินคดีนี้จนถึงที่สุด” นะ ไม่ใช่แค่มาลงบันทึกประจำวัน จากนั้นเราจะได้เอกสารกลับมาเป็น “ใบแจ้งความ” ที่มีตราครุฑสีแดง เพื่อนำไปติดต่อธนาคาร 3.ติดต่อธนาคารเจ้าของบัญชีเรา นำใบแจ้งความที่ได้มาจากตำรวจไปติดต่อที่ธนาคารเจ้าของบัญชีเรา ทางธนาคารจะดำเนินการอายัติจำนวนเงินก้อนนั้นไว้จากบัญชีทางร้านและตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดของเจ้าของบัญชีส่งให้ตำรวจ รวมถึงหลักฐานการโอน การเคลื่อนไหวทางบัญชีส่งให้ตำรวจเพือให้ตำรวจออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีมาสอบปากคำ 4.รอการติดต่อกลับจากตำรวจ หลังจากออกหมายเรียกสอบปากคำ ทางธนาคารจะช่วยเราเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของบัญชีนี้ ซึ่งขั้นตอนนี้ดูจะใช้ระยะเวลายาวนานและทรมานใจที่สุด อาจจะมีทั้งคนที่ได้เงินคืนและไม่ได้เงินคืน เพราะโดยปกติเมื่อคนร้ายได้เงิน มักจะถอนเงินออกทันที และความผิดฐานฉ้อโกงรูปแบบนี้ สามารถยอมความได้ กรณีเมื่อติดตามมิจฉาชีพเจอแล้ว คนร้ายอาจขอเจรจาไกล่เกลี่ยค่าเสียหายได้ แต่หากคนร้ายไม่คืนเงิน อาจต้องรอจนกว่าจะมีการพิจารณาคดีและขึ้นศาล จึงจะมีโอกาสได้รับเงินคืน นอกจากนี้ Mango Zero อยากจะแชร์ Checklist ข้อควรระวังเบื้องต้น ก่อนโอนเงินให้ร้านค้าทุกครั้ง ควรเช็คอะไรบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้โดนโกงอีกได้ 1. เช็คที่มาของร้านค้า อ่านรีวิวให้ดีว่าจริงหรือปลอม 2. เช็คชื่อผู้ขาย/เลขบัญชีร้าน ผ่านเว็บ Blacklistseller.com หรือกูเกิ้ลเลย 3. เช็คว่าร้านมีจดทะเบียนพาณิชย์หรือเปล่า? 4. ขอดูบัตรประชาชนทุกครั้ง ชื่อบัตรประชาชนและชื่อบัญชีที่โอนต้องตรงกัน 5. หากสินค้าราคาแพง ความเสี่ยงสูง แนะนำให้นัดรับและจ่ายเงินตอนเห็นของจะดีกว่า 6. ควรซื้อจากร้านค้าผ่านเว็บไซต์ที่มีการรับประกันความปลอดภัยอยู่แล้วอุ่นใจกว่า