รู้จักกับโรคมะเร็ง สาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย พร้อมตัวอย่างผู้ป่วยที่รักษาจนหายเป็นปกติ ไม่มีใครในโลกนี้ที่อยากจะเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพราะถ้าจัดอันดับอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของมนุษย์ที่ไม่เกี่ยวกับโรคติดต่อใดๆ ‘มะเร็ง’ คือสิ่งที่คร่าชีวิตคนมากที่สุด รวมถึงประเทศไทยด้วย จากสถิติล่าสุดนั้นยังไม่มีแชมป์จากโรคใดที่คร่าชีวิตคนไทยได้มากที่สุดเท่ามะเร็ง ที่น่าสนใจคือ มะเร็งไม่ใช่โรคที่เป็นในหมู่คนอายุมาก แต่คนที่อายุยังน้อยอยู่ก็มีสิทธิ์ที่จะป่วยด้วยโรคมะเร็งกันทั้งนั้น หากสิ่งเร้าต่างๆ รอบตัวทำงานพร้อมกัน ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าคุณจะวัยใด มะเร็งพร้อมจะมาเยือนคุณได้ แต่คุณก็สามารถป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่นๆ [Advertorial] FacebookTwitterGoogle PlusLine ความเสี่ยงของมะเร็งในคนไทย จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติที่ได้ทำการเก็บข้อมูลของผู้ป่วยมะเร็งในประเทศไทยเมื่อปี 2015 มีสถิติเกี่ยวกับมะเร็ง และผลของการเก็บข้อมูลที่น่าสนใจมากมาย ดังนี้ ช่วงอายุระหว่าง 25 – 45 ปีนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งสูงขึ้นตามลำดับ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เผยปัจจุบันพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เฉลี่ย 130,000 รายต่อปี โดยเป็นชายมากกว่าหญิง และคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเป็นอันดับหนึ่ง ปี 1999 – 2015 คนไทยเสียชีวิตโดยโรคมะเร็งเฉลี่ย 100 คนต่อประชากร 100,000 คน โรคมะเร็ง 10 อันดับแรกที่คนไทยเป็นเยอะที่สุด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งตับและท่อนํ้าดี มะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก มะเร็งริมฝีปากและช่องปาก มะเร็งมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร คนไทยเป็นมะเร็งเพิ่มเฉลี่ยปีละ 130,000 คน % มีเพียง 5-10% เท่านั้นที่เป็นมะเร็งจากกรรมพันธุ์ คนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 60,000 คนต่อปี คุยกับ ‘เปรียว ภาวิตร’ กับประสบการณ์เป็นโรคมะเร็งในวัยหนุ่ม แต่ก็เอาชนะมันได้ในที่สุด คุณเปรียว ภาวิตร ภุชงคบุตร ทำงานเป็น Chief Client Officer ประจำเอเจนซี่โฆษณาแห่งหนึ่ง เปรียวเคยทุ่มเททำงานหนัก เพราะคิดว่าตัวเองยังหนุ่มเเละเเข็งเเรง จนวันหนึ่งกลับตรวจพบว่าตัวเองเป็น “มะเร็งต่อมน้ำเหลือง” แม้จะโศกเศร้า แต่ในที่สุดเขาก็ต่อสู้กับโรคมะเร็ง และเอาชนะโรคร้ายนี้ จนกลับมาเเข็งเเรงได้ เจอว่าตัวเองเป็นมะเร็งตอนไหน คุณเปรียว: ตอนนั้นไปหาหมอเพราะรู้สึกปวดแถวคอ คิดว่าเป็นกล้ามเนื้ออักเสบธรรมดา ทานยาแก้อักเสบเบื้องต้น เเต่ก็ยังไม่หายสักทีเลย คุณหมอเลยขอตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ตอนนั้นมีเเค่ 2 กรณี คือ วัณโรคเเละมะเร็ง สุดท้ายก็ตรวจเจอว่าตัวเองเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่หนึ่งบริเวณคอ หลังจากตรวจเจอเเล้ว ช่วง 3 เดือนเเรก เราไม่มีอารมณ์ทำอะไรเลย ตอนนั้นคิดเเค่ว่า “มันจริงเหรอ” สับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา เเล้วก็รู้สึกเสียใจตามมา เเล้วก็มีความคิดในใจว่า “ทำไมต้องเป็นเรา” มันเป็นความรู้สึกของ 2-3 เดือนเเรก รักษาด้วยวิธีไหน คุณเปรียว: จากที่ตรวจเจอว่าเป็นระยะหนึ่ง ด้วยความดื้อด้านไม่ยอมทำคีโมของเราก็ปล่อยทิ้งไว้ถึง 2 ปี ไม่ยอมไปรักษาด้วยการให้คีโม จนในที่สุดก็ลุกลามไประยะที่สี่ เพราะญาติๆ ที่เป็นมะเร็งเเล้วทำคีโมลงเอยด้วยการเสียชีวิตกันหมด จนกลายเป็นความเชื่อฝังใจว่าถ้าทำคีโมเเล้วต้องตายเเน่ๆ ตอนนั้นเราใช้วิธีธรรมชาติทุกวิธี ลองมาหมดเเล้ว เเม้กระทั่งลองกินมังสวิรัติ ซึ่งก็ช่วยให้มะเร็งโตช้ามากๆ เเต่พอเรากินผักตลอดก็ทนไม่ไหว วันหนึ่งเลยตบะเเตกกินเนื้อวัวเข้าไปติดต่อกันประมาณหนึ่งเดือน จนทำให้มะเร็งลามไปทั้งตัว เเละอาการตอนนั้นก็หนักมากจนคอหมุนไม่ได้ รักแร้ก็หุบไม่ได้ เพราะมะเร็งโตเป็นก้อนใหญ่มากๆ จนกระทั่งญาติทนไม่ไหวหลอกล่อเราไปหาหมอที่สถาบันมะเร็งเเห่งชาติ เเต่ตัวเราก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าคีโมเป็นวิธีที่ถูกต้อง ตอนที่ไปพบคุณหมอก็ยังเถียงจนหมอพูดมาว่า “ถามหมอสิว่าหมอรักษาคนมากี่หมื่นคน เเล้วตายกี่คน มันมีสถิติอยู่เเล้ว คุณจะเชื่อใคร” เราถึงได้เริ่มทำคีโมตั้งเเต่ตอนนั้น ตอนที่ให้ก็ทรมาณมากเจ็บตามเส้นเลือดไปหมด (เพราะตัวยาเข้าไปทางเส้นเลือด) เเล้วผลการรักษาก็ออกมาในทางที่ดี คิดว่างานมีผลที่ทำให้เราเป็นโรคนี้ไหม คุณเปรียว: คิดว่าส่วนหนึ่งมาจากงานด้วย เราทำงานในเอเจนซี่โฆษณามันก็มีหนักจนต้องข้ามวันข้ามคืนบ้าง เพราะเราทำเกี่ยวกับด้านกราฟิกทำให้ต้องอยู่ดูงานดึกๆ หรือบางครั้งต้องอยู่กันถึงเช้าจริงๆ นอกจากนั้นก็มีเรื่อง “ความเครียด” ด้วย ซึ่งพอเริ่มนอนดึก เครียด สิ่งที่ต้องซื้อมาตั้งไว้ก็เป็น “ของกิน” จากข้างทางทั้งหลาย ผมชอบกินอาหารข้างทาง อย่างพวกของปิ้ง ย่าง ทอด เรากินหมด การเป็นมะเร็งส่งผลกับงานไหม คุณเปรียว: เราตัดสินใจลาออกจากงาน เพราะมะเร็งมันลุกลามไปหลายตำแหน่ง เเต่ในตอนเเรกก็ยังใช้ชีวิตปกติแบบเดิมทุกอย่างนะ (หัวเราะ) เพราะพอเครียดเเล้วพยายามหาวิธีระบายความเครียด ด้วยการทำงานให้หนักขึ้น ซึ่งเรามีความเชื่อมั่นว่าถ้ารักษาแบบทางเลือกธรรมชาติแบบไม่ให้คีโมมันจะดี เลยทำในสิ่งที่ทำได้ก่อนด้วยการพยายามนอนเร็ว เเต่สุดท้ายถึงเวลาต้องทำงานจริงก็ต้องนอนดึกอยู่ดี เลยไปรักษาจริงจังดีกว่า บทเรียนที่ได้หลังจากเจอเหตุการณ์ร้ายๆ คุณเปรียว: เหตุการณ์นี้เปลี่ยนความเชื่อของเราไปหมดทุกอย่าง อย่างเเรกคือได้รู้ว่าคีโมมันไม่ได้เเย่อย่างที่เราคิด จากเดิมที่เราเคยต่อต้านมากๆ จนก่อนหน้านี้หมอให้นักจิตวิทยาโทรมากล่อมให้เรายอมทำคีโม เเละอีกอย่างคือได้รู้ว่าเราเปลี่ยนโลกภายนอกไม่ได้ มีสิ่งที่เราเปลี่ยนได้คือตัวเราเองก่อนเป็นอันดับหนึ่ง พยายามสุขในทุกข์ให้ได้ เพราะมะเร็งมันอยู่กับเราไปตลอดชีวิต จะทำอย่างไรที่ให้เราอยู่กับมันได้ ค่าใช้จ่ายในการรักษาเยอะมากไหม คุณเปรียว: ความพีคคือเรายกเลิกประกันก่อนตรวจเจอมะเร็งแค่ 1 เดือน เพราะรู้สึกว่าเสียเงินค่าประกันเยอะ เพราะตอนนั้นทำประกันเเบบครอบคลุมทุกอย่าง ทั้งสุขภาพ อุบัติเหตุ ออมทรัพย์ เลยคิดว่าเอาตัวสุขภาพออกไปเเล้วกัน เรายังแข็งแรงไม่น่าจะเป็นอะไร เเล้วพอเอาออกเดือนต่อมาก็เป็นมะเร็งเลย ซึ่งพอเราเป็นมะเร็งก็ทำประกันอะไรไม่ได้อีกเลย ถึงเราจะใช้พวกบัตรทองรักษาทุกโรค เเต่มันก็ไม่ครอบคลุมทั้งหมดอยู่ดี เพราะมียาบางตัวที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ตอนนั้นเราจ่ายค่ายาเข็มละ 15,000 บาท ทั้งหมด 14 เข็ม เเล้วพอเอาราคาค่ายามาเทียบกับค่าประกันก็รู้สึกได้เลยว่าเสียดายจัง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะทำไว้นะ อยากฝากอะไรกับคนที่ยังสุขภาพดีอยู่บ้าง คุณเปรียว: มี 2 คำที่ผมชอบพูดบ่อยมาก คือ “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา” เพราะถ้าไม่เป็นเองก็คงไม่รู้สึก กับ “อโรคยา ปรมาลาภา” อย่างเรื่องประกันที่ตอนจ่ายเล้วเรารู้สึกเสียดาย เเต่เทียบกับค่ารักษาเเล้วเรารู้สึกว่าถูกกว่าค่ารักษาอีก เรายังโชดดีที่ทางบ้านดูเเลให้ทั้งหมด แต่มานั่งคิดว่าถ้าบางคนไม่มีอย่างเรา ชีวิตเขาจะเป็นแบบไหน Note: ปัจจุบันคุณเปรียวหายขาดจากโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจากการรักษาอยู่ประมาณ 8 เดือน เเละกลับมาทำงานตามปกติเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งถ้ามองแบบทั่วไป เราไม่มีทางรู้เลยว่าเขาเคยป่วยหนักมาก่อน อาชีพที่คุณอาจไม่คิดว่าเสี่ยงที่จะป่วยเป็นมะเร็ง เคยรู้สึกไหมว่า อาชีพดีๆ หลายอาชีพไม่น่าเป็นสาเหตุสู่การเป็นโรคมะเร็งได้ แต่ก็ไม่แน่เสมอไปนะ หมอ หมอมีความกดดันและความเครียดสูง หมอไทยทำงานหนักมาก บางคนอยู่เวรหนักหน่วงเกิน 24 ชั่วโมง นอนและกินไม่ตรงเวลา ออกกำลังกายก็ไม่ได้ คนที่ทำงานดึกบ่อยๆ เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งสูงมาก แอร์โฮสเตส สำนักงานวิจัยมะเร็งนานาชาติเผยว่า อาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง สาเหตุก็คือความเครียด นอนไม่เป็นเวลา และการโดนแสงบางอย่างมากไป เมื่ออยู่บนเครื่องบิน วิศวกร วิศวกรต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องโครงสร้าง ก่อบ้านสร้างตึกต้องเข้าไปตรวจไซต์งานบ่อยๆ ก็เสี่ยงที่จะสูดดมควันฝุ่น กลิ่นสี และสารอื่นๆ เข้าสู่ร่างกาย รวมถึงความเครียด ทำให้เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งสูง ตำรวจจราจร ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ นอกจากจะเสี่ยงภัยจากงานที่ทำแล้ว ยังต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งปอด โดยเฉพาะตำรวจจราจรที่ต้องไปอำนวยความสะดวกด้านงานจราจรตั้งแต่เช้ายันค่ำ ดูแลตัวเองอย่างไร ไม่ให้เป็นมะเร็ง การใช้ชีวิต การใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงเกินไป พักผ่อนไม่เป็นเวลา นอนดึกตื่นสาย จนนาฬิกาชีวิตรวน ระบบต่างๆ ในร่างกายที่เคยทำงานปกติก็ผิดปกติ แม้จะฟื้นตัวเร็วเพราะคนหนุ่มสาวมีสกิลฟื้นตัวมากกว่าคนที่อายุเยอะเลยไม่ได้รู้สึกอะไร ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ว่าวัยไหนก็เรียกร้องการพักผ่อนที่เพียงพอทั้งนั้น การกิน วัยที่ใช้ชีวิตอยู่กับการกินมากที่สุดก็คือวัยรุ่น วัยทำงาน ของหวาน ของคาว บุฟเฟ่ต์ อะไรต่างๆ นี่มาเถอะ! ซึ่งอาหารการกินบางอย่างก็นำมาซึ่งการก่อให้เกิดมะเร็งอย่างที่เราไม่รู้ตัว หรือบางคนอาจจะรู้ตัวว่ากินแบบนี้มะเร็งจะถามหาก็ยังกินต่อ การดูแลสุขภาพ แม้ยุคนี้คนหนุ่มสาวจะหันมาดูแลรักษาสุขภาพกันมากขึ้นก็จริง แต่…นั่นเป็นคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่รักสุขภาพ มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ก็ยังมองเรื่องสุขภาพเป็นแค่ความตั้งใจช่วงปีใหม่เท่านั้น เมื่อร่ายกายไม่แกร่งพอ โอกาสที่จะป่วยก็สูงขึ้น การทำงาน เพราะปัจจัยหลักที่ทำให้คนเป็นมะเร็งก็คือความเครียดจากการทำงาน รองลงมาคือสภาพแวดล้อมจากการทำงาน ยิ่งทุ่มเททำงานมากเท่าไหร่ความเครียดก็ตามติดเรามาเป็นเงาตามตัวนั่นเอง ปัจจัยอื่นๆ ที่ควบคุมไม่ได้ การจะเป็นมะเร็งหรือไม่เป็นนั้นก็คล้ายกับการซื้อหวย เพราะบางคนดูแลสุขภาพมาโดยตลอด กินก็ดี อายุยังน้อย แต่มะเร็งดันอยู่ในกรรมพันธุ์ เรื่องนี้ก็ยากที่จะเลี่ยง วิธีที่ดีที่สุดคือตรวจสุขภาพบ่อยๆ และใช้ชีวิตอย่างปราศจากความเสี่ยงต่อไปดีที่สุด แล้วจะมีอะไรที่ช่วยให้เรามั่นใจ หมดห่วง และคุ้มค่ากับการดูแลตัวเอง ในเมื่อเราไม่รู้อนาคต และทุกคนย่อมมีความเสี่ยง แพ็คเกจพิเศษคุ้มครองโรคมะเร็ง Cancer Knockout จาก FWD แบบประกันเพื่อคุ้มครองชีวิตและโรคมะเร็ง ที่ให้ผลประโยชน์กับลูกค้าอย่างที่เรียกได้ว่า “จ่ายเต็มหมัด จัดเต็มแรง” คุ้มครองทุกมะเร็ง เเละทุกระยะที่ตรวจพบ รับ 3 ล้านบาท กรณีตรวจพบครั้งแรกว่าเป็นมะเร็งระยะลุกลาม หรือ รับ 1.5 ล้านบาท กรณีตรวจพบมะเร็งระยะเริ่มต้น และรับเพิ่ม 1.5 ล้านบาท เมื่อเข้าสู่มะเร็งระยะลุกลาม ครอบคลุมค่ารักษาเคมีบำบัด รังสีบำบัด จ่ายตามจริงสูงสุด 1.2 ล้านบาท เพื่อการ รักษามะเร็งระยะลุกลาม หากเสียชีวิตจากมะเร็ง อุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วย รับเพิ่มอีก 300,000 บาท *เงื่อนไขการรับประกันภัย ไม่ครอบคลุมมะเร็งในผู้ป่วย HIV เเละเนื้องอกก่อนเป็นมะเร็ง อายุรับประกันภัย 16 – 65 ปี นอกจากการดูเเลตัวเองอย่างเต็มที่ ก็ควรเตรียมพร้อมไว้เสมอ เพราะการใช้จ่ายเรื่องสุขภาพที่ไม่คาดฝันอาจกระทบเรื่องการเงิน หรือการใช้ชีวิตที่เราวางแผนไว้เป็นอย่างดีได้ การมีผลิตภัณฑ์ดีๆ ก็ถือเป็นการสร้างความอุ่นใจให้กับตัวเอง ทำให้เราออกไปใช้ชีวิตในแบบที่ตั้งใจได้อย่างเต็มที่แบบไม่มีสะดุด ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่ม – FWD : ประกันคุ้มครองโรคมะเร็ง Cancer Knockout