ช่วงนี้วงการภาพยนตร์ในต่างประเทศรวมถึงบ้านเรา กำลังคึกคักไม่น้อยเลย เพราะมีภาพยนตร์ดังฟอร์มใหญ่กำลังเข้าฉายอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ Barbie และ Oppenheimer ซึ่งเป็นหนังที่ถือว่าคนละแนว คนละสไตล์ กันแบบสุดขั้ว ทำให้กลุ่มคนดูก็น่าจะต่างกลุ่มเช่นกัน เรื่องนึงออกแนวน่ารัก สว่างสดใส โดนใจสาว ๆ เรื่องนึงออกแนว ชีวประวัตินักฟิสิกส์ ปนสงคราม ตอบโจทย์หนุ่ม ๆ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ กลับกลายเป็นว่าแฟนๆของทั้งสองเรื่องต่างให้ความสนใจทั้งคู่ และ เป็น 2 เรื่องที่มีความเชื่อมโยงกันไม่น้อย จนในโลกโซเชียลกำเนิดคำว่า “Barbenheimer” ที่เป็นการผสมคำระหว่างชื่อภาพยนตร์ของทั้ง 2 เรื่องเข้าด้วยกัน ทำให้บางคนเกิดความสงสัยว่า ทำไม Barbie กับ Oppenheimer ถึงมาเชื่อมโยงกัน เกี่ยวข้องกันได้ยังไง? วันนี้แมงโก้ลองหาเหตุผลและสรุปประเด็นคร่าวๆมาให้แล้วไปดูกันว่าจะมีประเด็นไหนบ้าง ประเด็นที่ 1 : เข้าฉายพร้อมกัน ทั้งสองเรื่องนั้นเข้าฉายวันเดียวกัน คือ วันที่ 21 กรกฎาคม ซึ่งทั้ง Barbie และ Oppenheimer ถือเป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ อุดมไปด้วยนักแสดงระดับท๊อปด้วยกันทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็น ซิเลียน เมอร์ฟี, โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ หรือ เอมิลี บลันท์ ในฝั่งของ Oppenheimer และ มาร์โกต์ ร็อบบี้ ,ไรอัน กอสลิง หรือ ซิมู หลิว ในฝั่งของ Barbie การที่เข้าฉายพร้อมกันนั้น แน่นอนว่ามันกลายเป็นกระแสที่หลายคนทั่วโลกจะต้องพูดถึง และเป็นเรื่องที่คอหนังหลายคนถกกันว่าจะไปดูเรื่องไหนดี ทำให้กลายเป็น Topic ที่คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย รวมถึงนักแสดงของทั้งสองเรื่องด้วย ที่ก็มาแสดงความคิดเห็นว่าให้ดูทั้ง 2 เรื่องในวันเดียวกันเลยสิ จึงเกิดเป็นการโปรโมทแบบแพ๊คคู่ไปโดยปริยาย ทั้งสองเรื่องต่างส่งเสริม ผลักดันซึ่งกันและกัน คือเมื่อพูดถึง Barbie คนก็จะพูดถึง Oppenheimer และเมื่อพูดถึง Oppenheimer คนก็จะพูดถึง Barbie ด้วย ประเด็นที่ 2 : เรื่องราวเผ็ดแสบของโนแลนกับค่ายวอร์เนอร์ บราเธอส์ จากข่าวดังก่อนหน้านี้ที่เกิดประเด็นรอยร้าวระหว่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน กับ วอร์เนอร์ บราเธอส์ ในกรณีที่วอร์เนอร์ปล่อยสตรีมมิงภาพยนตร์ “Tenet” ทาง HBO MAX ทำให้โนแลนไม่พอใจอย่างมาก ในฐานะที่เขาเป็นผู้กำกับคนหนึ่งที่ยึดมั่นถือมั่นว่าภาพยนตร์ของเขาจะต้องฉายบนจอใหญ่เท่านั้น โนแลนจึงวิพากษ์วิจารณ์วอร์เนอร์ในเรื่องนี้ด้วยถ้อยคำเผ็ดร้อนระหว่างให้สัมภาษณ์กับ The Hollywood Reporter ในเดือนธันวาคม 2020 หลังจากนั้น คริสโตเฟอร์ โนแลน ก็ประกาศว่าหนังเรื่องต่อไปของเขาจะเกี่ยวกับ เจ. โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ บุรุษผู้สร้างระเบิดปรมาณู และเขาจะสร้างให้กับสตูดิโอยูนิเวอร์แซล ไม่ใช่ วอร์เนอร์ บราเธอส์ ที่เคยร่วมงานกันมาตลอด ซึ่งการที่วอร์เนอร์ปล่อย Barbie เข้าฉาย วันที่ 21 กรกฎาคม เหมือนกัน ทำให้ยิ่งกลายเป็นประเด็นที่คนจะจับมาเชื่อมโยงกัน และจับตาดูความเคลื่อนไหวของทั้งคู่ว่าจะมีปะทะอารมณ์กันอีกหรือไม่ ประเด็นที่ 3 : ต่างกันสุดขั้วแต่ดันมีจุดที่คล้ายกัน อย่างที่เรารู้กันว่าหนัง 2 เรื่องนี้ แตกต่างกันทั้งสไตล์ มู้ดโทน เรื่องนึงเป็นหนัง ตลก-ดราม่า ออกแนวน่ารัก สว่างสดใส โทนชมพู ๆ อีกเรื่องออกแนวชีวประวัติ สงคราม โทนเข้ม ๆ ครึม ๆ ไม่ได้เบาสมองสักเท่าไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกลับมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่คล้ายกัน เชื่อมโยงกัน ไม่ว่าจะเป็น ผู้กำกับทั้ง 2 เรื่อง อย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน และ เกรต้า เกอร์วิก ต่างก็เคยได้ชิงรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมในปีเดียวกัน มีการสื่อสารประเด็นตรงกัน เช่น ตัวเอกทั้ง 2 เรื่อง ตามหาตัวตน เหตุผลของการมีอยู่เหมือนกัน นอกจากนี้ตัวหนังทั้ง 2 เรื่อง ยังเป็นผลงานระดับคุณภาพที่มีศักยภาพในการชิงรางวัลใหญ่ ๆ ได้เหมือนกัน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ทำให้เกิดการเปรียบเทียบ หรือ เกิดเป็นคอนเทนต์ไวรัล ที่แฟน ๆ หรือสื่อต่าง ๆ ตัดต่อโปสเตอร์ หรือทำภาพล้อเลียน ด้วยการเอาทั้งสองเรื่องมามัดรวมกัน เช่น ทำภาพบาร์บี้หนังบนไหล่ของเจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ แทนที่จะเป็นเคน หรือ ฉากหลังของโปสเตอร์บาร์บี้ เต็มไปด้วยระเบิดปรมาณู และกลายเป็นกระแสไวรัลในที่สุด อย่างไรก็ตามในฐานะคนดู ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม การที่มีภาพยนตร์คุณภาพทั้งสองเรื่องฉายให้ได้รับชมพร้อมกันนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจริง ๆ แล้ว แม้ว่าหนังทั้ง 2 เรื่อง จะดูเหมือนทำออกมาเจาะกลุ่มคนดูที่ต่างกัน แต่ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถดูทั้ง 2 เรื่องนี้ และสนุกไปกับมันได้ทั้งนั้น คงน่าเสียดาย ถ้าเราจะจำกัดว่าหนังเรื่อง ๆ นึงทำออกมาให้กลุ่มนึงดูเท่านั้น เพราะมันอาจจะทำให้เราพลาดหนังดีมาก ๆ เรื่องนึงไปเลย
