วันนี้ (2 ก.พ. 66) สื่อไทยรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ เข้าขั้นวิกฤต จากข้อมูลสถิติในเว็บไซต์ IQAir เมื่อเวลา 10.00 น. พบคุณภาพอากาศ กทม.ติดอันดับ 5 ก่อนทะยานสู่อันดับ 3 เมืองที่มีมลพิษมากที่สุดของโลก
ขณะที่กรมควบคุมมลพิษก็ได้เปิดเผยสถานกาณ์มลพิษทางอากาศที่ตรวจพบค่าฝุ่นจิ๋ว PM2.5 เกินมาตรฐาน ในหลายบริเวณ
- แขวงบางนา เขตบางนา จ.กรุงเทพฯ
- ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี
- ต.บางโปรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
- ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ
- ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
- ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
- ต.นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม
ด้านดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เตรียมยกระดับมาตรการเพื่อลดแหล่งกำเนิด PM2.5 และป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย โดยล่าสุดวันนี้ได้เริ่มใช้มาตรการระดับ 3 ได้แก่ ขอความร่วมมือ Work From Home ในระดับพื้นที่นั้นๆ รวมถึงให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัย ดูแลตัวเอง แต่ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการในวงกว้าง
หัวใจสำคัญคือการบริหารจัดการเชื้อเพลิง และการมีข้อห้ามไม่ให้มีการเผาในบางช่วงเวลา ส่งผลให้เกษตรกรเร่งเผาพร้อมๆ กัน ยิ่งเกิดจุดความร้อน จนสร้างความเดือดร้อนเหมือนปัจจุบัน ที่ตอนนี้ประเทศไทยมีจุดความร้อน 1,200 จุด เป็นส่วนสำคัญทำให้ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ซึ่งในกรุงเทพฯ มีค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีส้ม มีผลกระทบต่อสุขภาพ
สาเหตุสำคัญมาจากสภาพอากาศปิดในฤดูหนาว รวมถึงแหล่งกำเนิดของฝุ่น ทั้งการจราจร รถดีเซลเก่า และการเผาพื้นที่เกษตรที่มากขึ้น ทำให้ฝุ่นเกินค่ามาตรฐานขึ้นมา ซึ่งคาดการ์ณว่าสถานการณ์ฝุ่นจะคงอยู่ไปกระทั่งวันที่ 5 กุมภาพันธ์ จะกลับไปเป็นสีเหลือง จากนั้นวันที่ 7 ก.พ. จะค่อยๆ กลับไปสู่ระดับสีเขียว โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และภาคเหนือ ด้วยสภาพอากาศปิด
พร้อมให้คำแนะนำว่า ประชาชน นักท่องเที่ยว ต้องระมัดระวังเรื่องค่าฝุ่น ขอให้เช็คค่าฝุ่นในแอปพลิเคชันอย่างสม่ำเสมอ และสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง