ผลการทดลองทางคลินิกระยะสามยืนยัน วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) สามารถป้องกันอาการติดเชื้อรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้ 100%
บทความฉบับก่อนเผยแพร่วารสารการแพทย์ เดอะ แลนเซต (The Lancet) รายงานผลวิเคราะห์เบื้องต้นการทดลองคลินิกระยะที่สามจากกลุ่มวิจัยในสหราชอาณาจักร บราซิล และแอฟริกาใต้ ยืนยันว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ AstraZeneca มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 โดยไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังจาก 22 วันหลังได้รับวัคซีนเข็มแรก
ผลการวิเคราะห์ระบุว่า หลังจากได้รับโดสแรก วัคซีนปรากฏประสิทธิผลเฉลี่ย 76% และมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อได้ยาวนานจนถึงการฉีดวัคซีนโดสที่สอง โดยวัคซีนจะมีประสิทธิผลสูงถึง 82% เมื่อเว้นระยะเวลาระหว่างการฉีดวัคซีนโดสแรกและโดสที่สองเป็นเวลา 12 สัปดาห์ขึ้นไป โดยวัคซีนจะยิ่งมีประสิทธิผลสูงขึ้นเมื่อยืดระยะเวลาระหว่างการฉีดโดสแรกและโดสที่สองให้นานขึ้น
จากการตรวจหาผู้ติดเชื้อในกลุ่มอาสาสมัครที่เข้าร่วมทดลองในอังกฤษ ยังได้แสดงให้เห็นว่าวัคซีนสามารถลดการติดเชื้อไวรัสที่ไม่แสดงอาการได้ ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าหลังจากได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว อัตราตรวจพบการติดเชื้อลดลง 67% และภายหลังได้รับวัคซีนครบสองโดส อัตราตรวจพบการติดเชื้อลดลงเหลือ 50% ยิ่งตอกย้ำว่าวัคซีนมีผลในการลดการแพร่เชื้อโควิด-19 อย่างมาก
โดยรายงานวิจัยกล่าวโดยสรุปว่า วัคซีนของ AstraZeneca สามารถป้องกันโรคโควิด-19 ได้มากกว่า 70% ตั้งแต่ 22 วันหลังจากฉีดวัคซีนโดสแรก และผลบ่งชี้เบื้องต้นพบว่าสามารถลดการแพร่กระจายเชื้อได้ถึง 67%
นอกเหนือจากนี้ AstraZeneca ยังได้ทำศึกษาจากกลุ่มการวิจัยขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ซึ่งทั้งหมดนี้มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและ AstraZeneca ตั้งเป้าจำนวนอาสาสมัครจากทั่วโลกเข้าร่วมการวิจัยมากกว่า 60,000 รายจากทั่วโลก และวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ AstraZeneca ได้รับอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินในประเทศต่าง ๆ เกือบ 50 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุม 4 ทวีป รวมถึงกลุ่มสหภาพยุโรป กลุ่มละตินอเมริกา อินเดีย โมร็อคโคและสหราชอาณาจักร
ที่มา ข่าวประชาสัมพันธ์ AstraZeneca