เมื่อความรักเปลี่ยนเป็นการฆาตกรรม คดีฆาตกรรมคนรัก ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก ในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อย เห็นได้จากข่าวการเสียชีวิตที่ได้รับการรายงานจากสื่อในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เปิดเผยในรายงานเรื่อง “การฆาตกรรมผู้หญิงและเด็กหญิงโดยคู่รัก และสมาชิกในครอบครัว” ในปี 2563 ว่ามีผู้หญิงและเด็กหญิงถึง 81,000 คน ที่ถูกฆาตกรรม ในจำนวนที่กล่าวถึงนี้ กว่า 58% หรือราว 47,000 คน มีสาเหตุเสียชีวิตจากเงื้อมมือของคนรัก หรือสมาชิกในครอบครัว ประเมินจากสถิติได้ว่า ผู้หญิงและเด็กผู้หญิง 1 คน จะถูกฆ่าทุก ๆ 11 นาทีที่บ้านหรือที่พำนักของตนเอง ผลสำรวจนี้ อ้างอิงจากการฆาตกรรมที่เกี่ยวโยงกับเพศต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิงโดยคนรักหรือคนในครอบครัว รวบรวมจาก 95 ประเทศทั่วโลก “ผู้หญิงและเด็กหญิง เป็นเหยื่อความรุนแรงถึงตายในทุกพื้นที่ทั่วโลก และ 6 ใน 10 ของเหตุฆาตกรรมเหล่านี้ มีคนรักหรือสมาชิกในครอบครัวเป็นผู้สังหาร” กาดา วาลี ผู้อำนวยการบริหาร ยูเอ็นโอดีซี กล่าว โดยเฉพาะสถานการณ์ในเอเชียที่มีสัดส่วนเหยื่อเพศหญิงถูกคนรักและคนในครอบครัวสังหารมากที่สุด ราว 18,600 คน ผู้ชายแบบไหนที่ฆ่าคนรักตัวเองได้? ด้าน ดร. เจน มังก์ตัน สมิธ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยาในอังกฤษ ระบุว่า ผู้ชายที่ฆ่าคนรักของตัวเอง มีการทำตาม “ลำดับเวลาฆาตกรรม” ที่ตำรวจอาจจะใช้แกะรอยเพื่อช่วยเหลือเหยื่อก่อนถูกฆ่าได้ เธอพบรูปแบบ 8 ขั้นตอน ในการสังหาร 372 ครั้งที่เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักรเมื่อปี 2560 ดังนี้ 1.ผู้ก่อเหตุมีประวัติของการล่วงละเมิดและแอบสะกดรอยตามในความสัมพันธ์ก่อนหน้าที่จะมีความสัมพันธ์กับเหยื่อ 2. ความรักพัฒนากลายเป็นความสัมพันธ์ที่จริงจังอย่างรวดเร็ว 3. ความสัมพันธ์นั้นถูกครอบงำด้วยการข่มขู่คุกคาม 4. มีชนวนเหตุที่ทำให้ผู้ก่อเหตุเริ่มทำการข่มขู่คุกคาม ยกตัวอย่าง ความสัมพันธ์จบลง หรือผู้ก่อเหตุมีปัญหาด้านการเงิน 5. มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทั้งในด้านความถี่หรือความเข้มข้นของการเข้ามาควบคุมของคนรัก อย่างเช่น การสะกดรอยตาม หรือขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย 6. ผู้ก่อเหตุตัดสินใจที่จะลงมือฆ่า 7. ผู้ก่อเหตุวางแผน อาจจะหาซื้ออาวุธหรือหาจังหวะที่เหยื่ออยู่เพียงลำพังในการลงมือ 8. ผู้ชายฆ่าคู่รักของตัวเอง และอาจจะทำร้ายคนอื่นด้วย อย่างเช่น ลูกของเหยื่อ ดร. มังก์ตัน สมิธ กล่าวว่า เมื่อตำรวจเรียนรู้ 8 ขั้นตอนนี้แล้ว พวกเขาจะสามารถแกะรอยหาตัวผู้ที่อาจจะเป็นผู้ก่อเหตุได้ ขณะที่เหยื่อก็จะบอกเจ้าหน้าที่ได้ง่ายขึ้นว่า สถานการณ์ที่เผชิญอยู่นั้นอยู่ขั้นไหนแล้ว ขอบคุณข้อมูลจาก BBC News https://www.bbc.com/thai/articles/cv212lll71no