โซนี่ พิคเจอร์ส ได้ผลักดันขีดจำกัดและทีมงานสร้างสรรค์ ที่จะนำเสนอภาพยนตร์รางวัลอคาเดมี่ อวอร์ด Spider-Man: Into the Spider-Verse และล่าสุดกับผลงานภาพยนตร์ที่คนทั้งโลกรอคอย Spider-Man : Across the Spider-Verse การดำเนินเรื่องราวต่อจากภาพยนตร์อนิเมชั่นรางวัลออสการ์ ซึ่งกวาดรายได้ไปกว่า 384.3 ล้านเหรียญทั่วโลก ได้สร้างคำนิยามใหม่ให้กับภาพยนตร์ CG อนิเมชั่น ไปพร้อมๆกับการแนะนำซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลคลาสสิกในเวอร์ชั่นหลากวัฒนธรรม โซนี่ พิคเจอร์ส อนิเมชั่น ได้ยกระดับภาพวิชวล พร้อมพาผู้ชมทะลุมัลติเวิร์สไปสู่สถานที่ใหม่ๆ นำเสนอพล็อตที่น่าแปลกใจ ตื่นตาตื่นใจ แต่ก็ไม่ลืมแก่นทางอารมณ์ของเรื่องราวด้วยเช่นกัน ตำนานสไปเดอร์–เวิร์สของ ไมลส์ มอราลเลส หลังจากได้พบกับเกว็นสเตซี่อีกครั้ง สไปเดอร์–แมน เพื่อนบ้านแสนดีแห่งย่านบรู๊คลินก็ถูกส่งตัวไปยังมัลติเวิร์ส เขาได้พบกับทีมสไปเดอร์คนอื่นๆแต่เมื่อเหล่าฮีโร่ขัดแย้งกันเองไมลส์ก็พบว่าตัวเองต้องปะทะกับสไปเดอร์คนอื่นๆและต้องสร้างคำจัดความใหม่ให้กับความหมายของการเป็นฮีโร่เขาต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกที่น่าหนักใจและได้เรียนรู้แล้วว่าใครๆก็เป็นฮีโร่ได้แต่จะเป็นฮีโร่ในแบบไหนล่ะไมลส์และเกว็นต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคครั้งยิ่งใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของทุกคนที่อยู่ในมัลติเวิร์สไปตลอดกาล 3 ผู้กำกับของหนังในภาคนี้เผยด้วยความมั่นใจว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ท้าทายยิ่งกว่าโปรเจ็กต์ไหนๆ ในประวัติการทำงานของพวกเขา จัสติน เค. ธอมป์สัน, เคมป์ พาวเวอร์ส และ วาคิม ดอส ซานโตส ธอมป์สัน กล่าว “มีหลายสิ่งที่เราอยากจะทำในหนังภาคแรก ที่เรายังไม่รู้หรือยังไม่ทันนึกถึงจนกระทั่งเราดูหนังเรื่องนั้นจบไปแล้วครับ “เราพูดกันว่า ‘เดี๋ยวก่อนนะ มีอีกไอเดียที่เราน่าจะทำได้นี่ !’ เรามีโอกาสที่จะผลักดันทุกสิ่งที่เราได้เรียนรู้และทำลายขีดจำกัดมากขึ้นไปอีกในแง่ของภาพวิชวลและเส้นเรื่อง ผมคิดว่าภาพวิชวลเยี่ยมๆ พวกนั้นจะยอดเยี่ยมได้ก็ต้องมีเรื่องราวดีๆ ก่อน และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้กำกับและมือเขียนบททำในความสำเร็จได้อย่างงดงามในภาคแรกครับ งานในครั้งนี้ได้ทำให้ผู้กำกับมีโอกาสได้แสดงความเคารพต่อนักวาดภาพหนังสือการ์ตูนฝีมือเยี่ยมที่พวกเราชื่นชมมาทั้งชีวิตครับ ด้วยความที่มันมีลุคต่างๆ นักวาดภาพการ์ตูนหลายคนที่เคยวาดภาพสไปเดอร์–แมนหรือสไปเดอร์–วูแมนต่างก็วาดมันด้วยความแตกต่างกันไป บางคนก็ใช้มาร์คเกอร์ บางคนใช้พู่กัน หรือปากกาหรือหมึก หรือดินสอ การได้สำรวจเทคนิคที่แตกต่างทั้งหมดนั้นและนำพวกมันมาสู่พื้นที่สามมิติ เพื่อที่มันจะให้ความรู้สึกเหมือนจริง คุณได้เข้าไปในโลกพวกนั้นและได้ก้าวเท้าเข้าไปในหนังสือการ์ตูนพวกนั้นจริงๆ ด้วยสื่อที่ดีที่สุด ที่เป็นที่มาของมันน่ะครับ” วาคิม ดอส ซานโตส อีกหนึ่ง ผกก. เล่าถึงตอนที่เขาเข้าร่วมทีมว่า “ผมจำได้ว่าพวกเขากำลังปิดกล้องภาคแรกกันอยู่และพอผมได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงๆ ผมก็อึ้งไปเลย ผมเป็นคออนิเมชั่นและการ์ตูนมาตลอดทั้งชีวิตและโปรเจ็กต์นี้ก็หลอมรวมอิทธิพลต่างๆ พวกนั้นและผลักดันศิลปะรูปแบบนี้ไปอีกระดับเลย ผมก็เลยตกหลุมมันเข้าอย่างจังเลยครับ ข้อดีการอยู่ในกองถ่ายของลอร์ดและมิลเลอร์คือทุกคนต่างก็มีสิทธิมีเสียงครับ ถ้าไอเดียไหนเวิร์คหรือใช้การได้ มันจะถูกใช้ครับ เรามักหยอกล้อกันเรื่องที่ว่าในฐานะทีมผู้กำกับสามคน เราต่างก็มีพลังพิเศษของตัวเอง และทุกคนก็สามารถแสดงความเห็นได้ มันเป็นกระบวนการแบบประชาธิปไตยมากๆ ครับ” พาวเวอร์ส เปรียบเทียบการกำกับภาพยนตร์อนิเมชั่นฟอร์มยักษ์อย่าง Spider-Verse กับการกระโดดขึ้นไปบนรถไฟความเร็วสูงระหว่างที่มันแล่นอยู่ “คุณต้องเรียนรู้หลายเรื่องอย่างรวดเร็วครับ การสร้างหนังอนิเมชั่นทุกเรื่องเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการร่วมมือกันอย่างมากและผมก็กระโจนเข้าใส่โอกาสในการได้ร่วมงานกับกลุ่มคนที่มีพรสวรรค์อย่างเหลือเชื่อ ผมเชื่อว่าพวกเขาได้เปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ในโลกภาพยนตร์อนิเมชันไปจริงๆ นี่เป็นหนังที่สวยงามในเชิงเทคนิคและเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจด้วย เราทุกคนต่างก็เป็นนักเล่าเรื่อง และคุณก็มักจะไล่ตามเรื่องราวดีๆ เสมอ บอกตามตรงนะครับ ไม่มีเรื่องราวไหนที่ยอดเยี่ยมไปกว่าเรื่องของสไปเดอร์–แมนอีกแล้ว เขาเป็นหนึ่งในซูเปอร์ฮีโร่คนโปรดของผมเสมอและไมลส์ ก็กลายเป็นหนึ่งในตัวละครโปรดของผม ผมรู้สึกว่าเรามีศักยภาพที่จะสร้างความแปลกใจให้กับทุกคน” ติดตามการกลับมาสุดยิ่งใหญ่ของ “ไมล์ส มอราลเลส” ใน SPIDER-MAN: ACROSS THE SPIDER-VERSE สไปเดอร์–แมน: ผงาดข้ามจักรวาลแมงมุม พุธที่ 31 พฤษภาคม ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น