“แก๊สน้ำตา” คำนี้กลับมาวนเวียนให้หลายคนได้ยินบ่อยๆ ด้วยสภาพบ้านเมืองในปัจจุบัน หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นชื่อนี้ ความรุนแรงของมันเพียงแค่ทำให้น้ำตาไหลจริงหรือ วันนี้ Mango Zero จะพาทุกคนไปหาคำตอบ รวมไปถึงวิธีการป้องกัน หากเพื่อนๆ มีเหตุบังเอิญต้องเจอกับแก๊สน้ำตากัน! อะไรอยู่ในแก๊สน้ำตา แก๊สน้ำตา (มีชื่อภาษาอังกฤษที่เดาย้ากยาก ก็คือ tear gas นั่นเอง) ถึงแม้จะถูกเรียกว่าแก๊ส แต่ที่จริงแล้วเป็นละอองของเหลวที่พ่นออกมาเป็นฝอย มีส่วนประกอบหลักคือ OC ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของสเปรย์พริกไทย ใช้เพื่อปราบการจราจลต่างๆ อย่างการชุมนุมต่างๆ ผลกระทบ ฟังดูผิวเผินเหมือนไม่เป็นอะไร ก็แค่ทำให้ร้องไห้ ไม่น่าร้ายแรงอย่างที่คิด แต่ความจริงแล้ว แก๊สน้ำตานั้นนอกจากกระตุ้นประสาทต่อมน้ำตาทำให้ร้องไห้ได้แล้ว (จากการสัมภาษณ์ผู้มีประสบการณ์โดยตรง ได้รับการบอกเล่าว่าแสบชนิดน้ำตาและน้ำมูกไหลไม่หยุดเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว) ยังมีฤทธิ์ระคายเคืองเยื่อบุตาและแก้วตาดำ จนอาจร้ายแรงถึงขั้นตาบอด และลามไปถึงส่วนต่างๆอย่างการระคายเคืองผิวหนังได้อีกด้วย สำหรับช่วงเวลาในการออกฤทธิ์ เริ่มตั้งแต่วินาทีที่สัมผัสกับแก๊ว และจะคงอยู่ไปตั้งแต่ 15 นาที ไปจนถึง 1 ขั่วโมง แล้วแต่ความรุนแรงที่ได้รับ หรือปริมาณความเข้มของแก๊ส วิธีการรับมือ หากเราบังเอิญได้มีโอกาสต้องโดนแก๊สน้ำตา วิธีการป้องกันเบื้องต้นมีดังนี้ เมื่อรู้ว่าสถานที่ที่จะไปนั้น มีความเสี่ยงที่จะโดนแก๊สน้ำตา ให้หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์ และเปลี่ยนไปใส่แว่นแทน พกผ้าเช็ดหน้า (หลายๆ ผืน) และน้ำไปเพื่อปิดหน้า จมูก พยายามเคลื่อนที่อยู่ในที่ๆ เหนือลม ห้ามใช้เบกกิ้งโซดาล้างตา หลายคนมีความเชื่อว่าแก๊สน้ำตาเป็นกรด จึงต้องเอาด่างเทตาเพื่อให้กรดคลายความร้อนออกมา แต่การทำแบบนี้จะทำให้ตาได้รับความเสียหายจนเข้าขั้นตาบอดได้ วิธีการแก้เมื่อโดนแก๊สน้ำตา คือการใช้น้ำสะอาดล้างตาตาแบบเทน้ำไหลผ่านไปเรื่อยๆ ให้ได้มากที่สุด เตรียมชุดกันฝน หรือร่มเพื่อป้องกันไม่ให้แก๊สโดนเสื้อผ้า หากโดนต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เร็วที่สุด เนื่องจากสารเคมีที่ติดอยู่ที่เสื้อ อาจปนเปื้อนซึมเข้าสู่ร่างกายได้ หากโดนผิวหนัง ให้ดูแลเหมือนแผลไฟไหม้ คือล้างด้วยสบู่ และให้น้ำสะอาดไหลผ่านให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะข้อพับที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไรก็ตามที่พาให้คุณไปอยู่ในจุดที่อาจเกิดความเสี่ยงในการโดนแก๊สน้ำตา เหนื่อสิ่งอื่นใด ทุกคนต้องมี “สติ” หากรู้ว่าตัวเองมีโอกาสโดนแก๊สน้ำตาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ก็ต้องพยายามคิดหาทางป้องกัน หรือหากโดนแล้ว ก็ต้องรีบพาตัวเองออกไปยังที่เหนือลม และไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะความปลอดภัยของตัวเอง ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน ที่มา : National Geographic, โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์
