ใครๆ ก็เริ่มย้ายมาอยู่ในคอนโดกันซะส่วนใหญ่ เนื่องจากใกล้รถไฟฟ้า เดินทางไปทำงานหรือจะไปที่ไหนก็สะดวกรวดเร็ว แต่อาจจะมีข้อเสียบ้างก็ตรงที่ห่างไกลธรรมชาติ เราก็เลยอยากพาทุกคนมาปลูกต้นไม้กันในคอนโด ซึ่งก็มีต้นไม้ที่กำลังเป็นที่นิยมกัน ก็คือต้นไม้ฟอกอากาศนั่นเอง ปลูกในห้องนั่งเล่น หรือปลูกในห้องนอนก็ได้ นอกจากฟอกอากาศ แล้วยังเพิ่มออกซิเจนให้เราได้สดชื่นกันอีกด้วย วันนี้ทีมงาน Mango Zero ได้รวบรวมวิธีการปลูกต้นไม้ในคอนโด เพื่อที่ทุกคนจะได้เติมพื้นที่สีเขียวในห้อง ให้บรรยากาศในห้องสดชื่น ผ่อนคลาย และยังได้ตกแต่งห้องของเราไปในตัวได้อีกด้วย สบายตาแล้วยังสบายใจอีก นอกจากการรดน้ำที่เราต้องดูแลแล้ว ยังมีอะไรอีกบ้างนะ ไปดูกันนน เลือกต้นไม้ที่เหมาะกับห้อง อยู่คอนโดก็ไม่เหมือนกับการอยู่บ้าน การได้รับแสงภายในห้องก็ต่างกัน เพราะในคอนโดเปิดให้แสงเข้าเพียงด้านเดียว แล้วส่วนใหญ่ผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโดก็เปิดแอร์กัน ทำให้ความชื้นในอากาศหายไปไวขึ้น เราก็ควรหาต้นไม้ที่ต้องการแดดรำไร หรือปลูกในร่มได้ และต้องการน้ำไม่มาก ซึ่งก่อนตัดสินใจซื้อต้นไม้ก็ควรศึกษาข้อมูลน้องๆ แต่ละต้นที่จะซื้ออย่างละเอียด ว่าเหมาะสมกับพื้นที่ของเรามั้ย ทั้งความชื้น แสงแดด และขนาดของต้นไม้ เพราะต้นไม้แต่ละชนิดก็ดูแลต่างกัน นอกจากนี้ต้องดูความแข็งแรงของต้นไม้ด้วย เพราะยิ่งเลี้ยงในที่ร่ม ต้นไม้ก็จะแข็งแรงน้อยกว่าต้นไม้ที่ได้รับแสงเพียงพอ เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม นอกจากเลือกต้นไม้ที่ชอบแล้ว ยังต้องเลือกอุปกรณ์ในการปลูกให้เหมาะสมกับต้นไม้ของเราด้วย กระถางต้นไม้ เนื่องจากแสงในห้องอาจไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงน้องๆ ต้นไม้ จึงควรเลือกกระถางที่มีน้ำหนักเบา เพื่อให้เหมาะกับการเคลื่อนย้ายออกมารับแสง และควรเลือกขนาดให้เหมาะสมกับต้นไม้ด้วย ถ้ากระถางเล็กไปหรือใหญ่ไป ต้นไม้ก็จะไม่โตหรือตายได้ แล้วก็อย่าลืมจานรองกระถางกันด้วยนะ เพื่อให้เก็บความชื้นได้ดี ซึ่งกระถางและจานรอง ก็มีหลากหลายรูปแบบให้เราเลือกให้เหมาะกับการแต่งห้องของเราเลยยย วัสดุปลูก ควรเป็นวัสดุที่โปร่ง ระบายน้ำได้ดี เพื่อให้รากได้รับออกซิเจนที่เพียงพอ สูตรการผสมดินก็แตกต่างกันไปตามชนิดต้นไม้ เช่น ไม้ใบ หรือไม้ฟอกอากาศที่เรานิยมปลูกกัน ส่วนใหญ่ก็ผสมดินจาก ดินร่วน+ขุยมะพร้าว+ใบก้ามปูผุ+กาบมะพร้าวสับ+ปุ๋ยคอก ในอัตราส่วน 2:1:1:1:1 หรือสูตรสำหรับต้นไม้อื่นๆ ก็ดูได้ที่ลิงค์นี้เลย baanlaesuan ส่วนหินโรยหน้าดินก็ใช้เป็นหินป๊อปเปอร์ที่ทำมาจากดินเผา มีน้ำหนักเบาและค่า PH เป็นกลาง ใส่ปุ๋ยออสโมโคทเติมสารอาหารให้น้อง ใส่ปุ๋ยออสโมโคททุกๆ 3 เดือน เมื่อเรารดน้ำต้นไม้ตัวปุ๋ยก็จะค่อยๆ ละลายและปล่อยธาตุอาหารให้กับต้นพืชช้าๆ ให้ต้นไม้ได้รับสารอาหารอย่างสม่ำเสมอเลยนะ เตรียมพื้นที่ให้น้องต้นไม้ พื้นที่แต่ละส่วนในห้องก็สำคัญกับการเลี้ยงน้องๆ เช่นกัน เพราะแต่ละพื้นที่ก็มีความชื้น มีแสงแดดที่แตกต่างกันไป และเพื่อไม่ให้เป็นการลำบากเราด้วยที่อาจต้องยกน้องเข้าออกเพื่อเอาน้องไปรับแดดรับลมบ้าง อย่างในห้องนอน ก็ควรเลือกต้นไม้ที่ในช่วงกลางคืน จะคายออกซิเจน และดูดคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น ลิ้นมังกร ว่านหางจระเข้ ปาล์มหมาก เดหลี ห้องน้ำก็อาจจะเลือกต้นไม้ที่ต้องการความชื้นสูง เช่น พลูด่าง เฟิร์น ระเบียงก็เลือกเป็นต้นไม้ที่ต้องการแสงแดด เช่น เคราฤาษี ไอวี่ ปริกน้ำค้าง กระบองเพชร ซึ่งแต่ละห้อง ระเบียงก็อาจได้รับแสงมากน้อยต่างกัน ระวังใบไหม้กันด้วยจ้า พาต้นไม้ออกไปรับแสง ถึงต้นไม้บางต้นจะเลี้ยงในร่มได้ แต่แสงแดดก็ยังจำเป็นกับน้องๆ อยู่ดี ดั้งนั้นก็ควรพาน้องออกมารับแสงบ้างอาจจะเป็นริมหน้าต่างหรือริมระเบียงก็ได้ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง หรือทุกครั้งที่รดน้ำ ก็พาน้องต้นไม้ออกมาตากแดด ตอนเช้าด้วยเลย เพราะบางต้นที่ได้รับแสงน้อยเกินไป อาจจะใบเหลืองและร่วงได้ กระบองเพชรก็จะยืดจนเสียทรง แต่ถ้าหากต้นไม้ได้รับแดดโดยตรง ก็อาจทำให้ใบไหม้ได้นะ อย่างไรก็ตาม ควรหาข้อมูลของต้นไม้ที่เราเลี้ยงให้ละเอียดเกี่ยวกับการดูแล โดยเฉพาะการรดน้ำ ยิ่งมีหลายต้นก็คงจำยาก แนะนำให้ทุกคนจดเอาไว้เลยดีกว่า ว่าแต่ละต้นนั้นต้องรดน้ำกี่ครั้งต่ออาทิตย์ ถ้าหากวางน้องๆ ไว้ซักมุมของห้องแล้วน้องมีอาการไม่ดี ก็ควรเปลี่ยนพื้นที่การวางให้น้องใหม่ ให้น้องได้โดนแสงมากขึ้น รับอากาศมากขึ้น มั่นสังเกตน้องๆ ต้นไม้ของเรากันบ่อยๆด้วยนะจ๊ะ 🙂 ที่มา baanlaesuan, terrabkk มีต้นไม้แล้วก็ต้องมีพื้นที่ให้น้องอยู่ เลือกชั้นวางประหยัดพื้นที่ ปลูกต้นไม้เพิ่มความสดชื่นได้อีกหลายต้น 🙂 -> ชั้นวางต้นไม้ 2 ชั้น