เคยสังเกตมั้ยว่าเดี๋ยวนี้เวลาไปเที่ยวไหน ไม่ว่าจะร้านกาแฟสวยๆหรือไปเที่ยวไกลๆต่างจังหวัด ก็มักจะเห็นคนพกแล็ปท็อปไปนั่งทำงานด้วยเสมอ การพัฒนาของโลกดิจิทัลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสไตล์การทำงานของคน จากแต่ก่อนรูปแบบงานส่วนใหญ่ต้องนั่งทำงานอยู่กับที่ในออฟฟิศจนปัจจุบันนี้เริ่มมีอาชีพหลากหลายที่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ขอเพียงแค่มีแล็ปท็อปและอินเตอร์เน็ตก็พอ หนึ่งในรูปแบบการทำงานแบบนี้ที่น่าสนใจก็คือ Digital nomad ไลฟ์สไตล์การทำงานแบบไร้ออฟฟิศและเปลี่ยนสถานที่ต่างๆไปเรื่อยๆนั่นเอง รูปแบบการทำงานนี้เป็นยังไงบ้าง มาทำความรู้จักกัน ! อิสระในสถานที่ทำงาน ลักษณะของ Digital Nomad นั้นจะมีอิสระไม่มีข้อจำกัดเรื่องที่ทำงาน สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ Co-working space ร้านกาแฟ ในสวน ริมทะเล บนภูเขา จนไปถึงเลือกไปต่างประเทศก็ได้ เพียงแค่มีแล็ปท็อป มือถือ อินเตอร์เน็ต เป็นเครื่องมือหลักในการทำงานก็พอ เทรนด์ digital nomad ที่กำลังมาทำให้มีเว็บไซต์สำหรับเป็นตัวช่วยตัดสินใจโดยเฉพาะเลยอย่างเว็บ Nomadlist ว่าควรจะไปที่ไหนดี โดยมีเกณฑ์ต่างๆของสถานที่ให้เราพิจารณาไม่ว่าจะเป็นความแรงอินเทอร์เน็ต สภาพอากาศ ความปลอดภัย ค่าครองชีพ เป็นต้น รูปแบบการทำงานที่บาลานซ์การทำงานและความสุขในการใช้ชีวิตเข้าด้วยกัน Digital nomad จะทำงานควบคู่กับการออกเดินทางใช้ชีวิตเรื่อยๆ เช่นสองเดือนนี้ทำงานท่ามกลางบรรยากาศท้องทะเล ฟังเสียงคลื่นที่ภูเก็ต จากนั้นเปลี่ยนไปทำงานริมแม่น้ำโขงแถบภาคอีสานอีกสักเดือน เป็นต้น ไลฟ์สไตล์การทำงานแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นการบาลานซ์ชีวิตและการทำงานเข้าหากันอย่างแท้จริง วินัย และ การใช้เงิน เป็นสิ่งที่สำคัญ ด้วยความที่ทำงานไปด้วยเที่ยวไปด้วย สิ่งสำคัญที่ Digital nomad ทุกคนต้องมีอย่างแรกคือวินัย เพราะต้องคอนโทรลตัวเองให้อยู่ทั้งเรื่องการทำงานและเรื่องเที่ยว เวลาไหนทำงานก็ควรจะทำไม่ว่อกแว่ก แล้วจึงแบ่งเวลาไปใช้ชีวิต เที่ยวสถานที่นั้นๆ ต่อ อย่างที่สองคือการใช้เงิน เนื่องจากการออกไปทำงานข้างนอกก็เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายในชีวิต ยิ่งเราทั้งทำงานทั้งเที่ยวอีก เงินจึงถือเป็นปัจจัยสำคัญ ต้องใช้เงินให้เป็นและใช้อย่างประหยัด ไม่งั้นเงินที่เราได้มาจากการทำงานคงต้องหมดไปกับค่าใช้จ่ายในการออกมาทำงานข้างนอกแน่ๆ อาชีพอะไรก็เป็นได้ขอแค่เชื่อมต่อกันผ่านโลกออนไลน์ Digital Nomad เป็นไลฟ์สไตล์ที่เหมาะกับอาชีพอะไรก็ได้ที่สามารถติดต่อและทำงานเชื่อมต่อกันทางไกลผ่านโลกออนไลน์ได้ ในที่นี้เราจะลองยกตัวอย่างอาชีพที่พบมากในหมู่ Digital nomad เช่น นักแปล, บล็อกเกอร์, กราฟฟิกดีไซนเนอร์, Video Creator, Social Media manager, Copywriter, ครูสอนภาษาออนไลน์, โปรแกรมเมอร์ เป็นต้น เป็นการทำงานที่ช่วยพัฒนาความสามารถปรับความคิดสร้างสรรค์ การที่คนกลุ่มนี้ได้ออกไปทำงานข้างนอก เปลี่ยนสภาพแวดล้อมต่างๆในการทำงานไปเรื่อยๆ ทำงานอย่างอิสระคนเดียวจะทำให้ได้ฝึกตัดสินใจ ได้หัดลองผิดลองถูก จะทำให้กลายเป็นคนที่มีความสามารถหลายด้านมากยิ่งขึ้น สามารถยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ต่างๆ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี มีความกระตือรือร้น และที่สำคัญคือมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น จากการอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่จำเจ รู้จักกับรูปแบบการทำงานแบบ Digital nomad มากขึ้นแล้ว ใครที่รู้สึกว่าการทำงานที่บาลานซ์เรื่องเที่ยวกับทำงานเข้าด้วยกันแบบนี้เหมาะกับตัวเอง อยากจะลองเปลี่ยนตัวเองเป็นมนุษย์ Digital Nomad ดู ก็ลองศึกษาเพิ่มเติมลึกๆอีกทีนะ 🙂 ที่มา : TCDC fluent.com