category รวมมิตรหนังรางวัล Golden Lion เทศกาลหนัง Venice 5 ปีหลังสุด

Writer : kantapetch

: 12 กันยายน 2562

 

Venice Film Festival หรือเทศกาลภาพยนตร์เวนิส เป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก หนึ่งใน Big Three ของเทศกาลหนัง (เคียงข้างเทศกาลเบอร์ลิน และคานส์) และเป็นที่ยอมรับในหมู่นักดูหนัง คนทำหนัง และนักวิจารณ์ ว่าเป็นเวทีทรงเกียรติแห่งวงการภาพยนตร์ เริ่มต้นในปี 1932 และยังดำเนินมาถึงปัจจุบัน

หนึ่งในไฮไลท์ของงานคือมอบรางวัลสูงสุด Golden Lion ให้หนังที่ฉายในเทศกาล เพราะนอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลองให้ความเยี่ยมยอดของหนังแล้ว  ยังเป็นการการันตีว่าหนังจะมีบทบาทไม่มากก็น้อยบนเวทีใหญ่สุดอย่างออสการ์ด้วย

แต่ในงาน Venice Film Festival ครั้งที่ 76 ที่ผ่านมาจะฮือฮากว่าปีก่อนๆ หน่อย เพราะหนังเจ้าของถ้วยสิงโตทองคำคือ Joker หนังเดี่ยววายร้ายตัวตลกฉบับตีความใหม่ของผู้กำกับ ทอดด์ ฟิลลิปส์ – เป็นหนังสร้างจากคอมิกส์เรื่องแรกที่คว้ารางวัลนี้มาครอง และ…ไม่แน่ว่าอาจเป็นหนังสร้างจากคอมิกส์เรื่องแรกที่คว้าออสการ์ด้วยก็ได้! (รีบๆ)

 

Mango Zero เลยอยากชวนทุกคนมารู้จักหนังที่คว้ารางวัลชนะเลิศ Golden Lion ปีก่อนๆ เอาแบบไม่ใกล้ไม่ไกล แค่ 5 ปีหลังสุด มาดูกันว่าหนังเจ้าของถ้วยรางวัลอันทรงเกียรตินี้ มีเรื่องอะไรบ้าง

Joker (2019)

 

แฟนหนังและคอมิกส์ทั่วโลก รู้จักวายร้ายหน้าเปื้อนยิ้ม โจ๊กเกอร์ กันมานานผ่านหนังและการ์ตูนหลายภาคหลายเรื่อง แต่น่าจะไม่มีเรื่องไหนที่พาเราเข้าไปรู้จักชีวิตและหัวใจของโจ๊กเกอร์จริงๆ จังๆ เท่าผลงานใหม่ของ ทอด ฟิลลิปส์ เรื่องนี้
ว่าด้วย อาร์เธอร์ เฟลค (วาคีน ฟินิกซ์) ผู้รับจ้างแต่งชุดตัวตลกหาเลี้ยงชีพ มอบรอยยิ้มให้คนที่ต้องการ แต่แท้จริงแล้วเป็นเขานี่แหละที่ต้องการกว่าใคร เมื่ออาร์เธอต้องเผชิญกับความโหดร้ายจากสังคมสุดเสื่อมทรามที่ค่อยๆ เปลี่ยนเขาไปเป็นคนโหดเหี้ยม จนพบว่าตัวเองอยู่ปลายทางระหว่างโลกแห่งความจริงกับความบ้าคลั่ง และการตัดสินใจที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็กลายเป็นชนวนเหตุที่นำไปสู่เหตุการณ์สุดรุนแรง
หนังฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลหนังเวนิส และได้รับการยืนปรบมือนาน 8 นาที ก่อนคว้ารางวัลสิงโตทองคำได้ท่ามกลางความเห็นด้วย ลบข้อจำกัดว่าหนังสร้างจากคอมิกส์คงอยู่คนละขั้วกับหนังรางวัล และเป็นใบเบิกทางสู่ออสการ์ ในฐานะตัวเต็งสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม – ตื่นเต้น อยากให้ถึงช่วงลุ้นออสการ์เร็วๆ แล้ว

Roma (2018)

อัลฟอนโซ่ คัวรอน รื้อความทรงจำส่วนตัวออกมาเปลือยเปล่า เล่าเป็นหนังขาวดำ พาผู้ชมกลับไปยังเม็กซิโกซิตี้ช่วงต้นยุค 70 ในเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองก่อนเม็กซิโกจะเข้าสู่ภาวะสงครามเย็นภายในประเทศเต็มรูปแบบ
แต่แทนที่จะพูดเรื่องการเมืองแบบตรงไปตรงมา คัวรอนกลับเลือกพูดผ่านครอบครัวชนชั้นกลางในย่านโรม่า ซึ่งมีสาวรับใช้คอยช่วยเหลือทุกอย่างในบ้านราวกับเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว สำรวจความสัมพันธ์ของคนต่างชนชั้นท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาหาทุกชีวิตในเม็กซิโก
ถึงเหตุการณ์ที่เป็นฉากหลังจะสร้างรอยแผลเป็นที่ลบเลือนไม่ได้ให้สังคม (และให้คัวรอน) แต่หนังก็ฉายความรวดร้าวในโลกขาวดำได้งามละเมียดในทุกกระเบียดนิ้ว – ไม่มีอื่นใดจะทิ้งท้ายนอกจาก…ต้องดู!

The Shape of Water (2017)

มนต์รักต่างสายพันธุ์ของสาวใบ้ผู้ทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดในห้องแล็บของรัฐบาล กับสิ่งมีชีวิตครึ่งบกครึ่งน้ำที่ถูกกักขังในแทงค์น้ำของแล็บ โดยมีพันเอกผู้มีหน้าที่ดูแลโครงการศึกษาสิ่งมีชีวิตชนิดนี้เป็นก้างชิ้นโต วันหนึ่งแม่บ้านเกิดล่วงรู้แผนร้ายที่จะเป็นภัยต่อสิ่งมีชีวิตที่รัก เธอจึงทำทุกอย่างเพื่อช่วยเขาหนีจากนรกในห้องแล็บไปให้ได้
แฟนหนังหลายคนยกให้เป็นงานที่ดีที่สุดของ กิเยร์โม่ เดล โตโร่ นับตั้งแต่ Pan’s Labyrinth (2006) จากรสชาติที่กำลัง ‘พอดี’ ในเทพนิยายรักแฟนตาซีที่เป็นทางถนัดของเขา เพราะถ้าทำแบบล้นจนเกินงามก็คงจะเลี่ยนไปเลย
นอกจากจะเป็นเจ้าของรางวัลสิงโตทองคำประจำปี 2017 หนังยังเข้าชิงออสการ์ถึง 13 สาขา และคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ 4 สาขา คือ Best Director, Best Production Design, Best Original Score และ Best Picture!

 

The Woman Who Left (2016)

ถ้าเอ่ยชื่อ ลาฟ ดิอาซ กลางวง Cinephile หรือนักดูหนังปีลึก ไม่น่ามีใครไม่รู้จักผู้กำกับชั้นครูชาวฟิลิปปินส์ ผู้ลือชาในสไตล์หนังที่สะท้อนความเจ็บปวดสิ้นหวังของมนุษย์อย่างเนิบช้า ค่อยๆ กัดกร่อนเข้าไปถึงความรู้สึกคนดู…ที่สำคัญ ต้องยาววววทุกเรื่อง
 
เรื่องนี้ก็ใช่ ตลอด 228 นาที ดิอาซพาเราเข้าไปในโลกขาวดำแสนช้ำชอกของ โฮราเชีย อดีตครูหญิงวัยกลางคนที่ถูกตัดสินโทษจำคุกถึง 30 ปีจากความผิดที่เธอไม่ได้ก่อ จนเมื่อได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ โฮราเชียก็ต้องมีชีวิตเดิมที่เริ่มใหม่อีกครั้งในโลกใบที่เธอแทบไม่รู้จักแล้ว หากก็ทำให้เธอรู้ว่า ยังมีเพื่อนมนุษย์อีกมากมายที่ประสบชะตากรรมไม่ต่างกับเธอ
 
คนที่ได้ชมและชอบในหนัง พูดเหมือนกันว่า แม้เรื่องราวในหนังจะสุดแสนเรียบง่าย แต่มันก็ซับซ้อนและสวยงาม ทั้งยังเป็น 4 ชั่วโมงที่ไม่รู้สึกว่านานเลย

From Afar (2015)

 
หนังยาวเรื่องแรกของผู้กำกับชาวเวเนซุเอลา ลอเรนโซ่ วิกัส บอกเล่าความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้นอย่างประหลาดของเศรษฐีเกย์วัย 50 กับเด็กชายแห่งแก๊งหัวโจกวัย 17 โดยมีฉากหลังเป็นเหตุกาณ์ความไม่สงบกลางกรุงการากัส เวเนซุเอลา
 
วิกัสมอบบทบาทให้คนดูเป็น ‘ผู้จ้องมอง’ อย่างเต็มตัว ปล่อยให้เราติดอยู่ในเกมจิตวิทยาที่การคาดเดาต่างๆ นาๆ ถึงฉากต่อๆ ไปนั้นแทบไม่มีประโยชน์ เมื่อเราไม่มีทางรู้แน่ชัดได้เลยว่าความสัมพันธ์ฉันอะไรก็ไม่รู้ของสองคนต่างวัยจะสุดสิ้นที่ตรงไหน
 
หนังได้รางวัลสิงโตทองคำอย่างพลิกล็อคทุกโผ ขณะเดียวกันก็ได้พร้อมกับเสียงโห่จากคนดูในการฉายหลังประกาศรางวัลเสร็จ น่าจะเพราะหลายคนอยากให้หนังของผู้กำกับคนอื่นในปีนั้นคว้ารางวัลนี้มากกว่า
 
ถึงอย่างนั้น มันคงไม่สำคัญกับวิกัสมากไปกว่าการได้ทำหนังด้วยความหวังว่า เหตุการณ์วุ่นวายในบ้านเกิดจะบรรเทา
เลือกซื้อโทรทัศน์คมชัดระดับ 4K เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้ ที่นี่
Writer Profile : kantapetch
หมาผู้พยายามน่ารักเท่าโลก
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post
[Special Interview] ทีมนักพากษ์ไทยจาก Disney’s Encanto เมืองเวทมนตร์คนมหัศจรรย์

[Special Interview] ทีมนักพากษ์ไทยจาก Disney’s Encanto เมืองเวทมนตร์คนมหัศจรรย์

[SPECIAL INTERVIEW] เขินแรงแดงเป็นอ๊ะอาย นักพากย์ไทยเสียงใสในภาพยนตร์ Turning Red


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save