สรุป 10 ปรากฎการณ์ข่าวดังในประเทศไทยที่เกิดขึ้นตลอดปี 2018 จำกันได้ไหมว่ามีเรื่องไหนบ้าง

Writer : Sam Ponsan

: 24 ธันวาคม 2561

ในรอบปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีเหตุการณ์ข่าวดังเกิดขึ้นทุกวัน! แต่พอข่าวนี้ดังปุ๊บอีกไม่กี่วันก็มีข่าวใหม่มากลบกระแสข่าวเดิมวนลูปไปเรื่อยๆ แต่ในบรรดาข่าวดังหลายร้อยหลายพันข่าวในรอบปี 2018 จะมีกี่ข่าวที่น่าจดจำ น่าระลึกถึง หรือเตือนใจเราไม่ให้ลืมเหตุการณ์นี้ นี่คือบทสรุปข่าวหรือเหตุการณ์สำคัญในรอบปี 2018 ที่ผ่านมา 

มาดูกันว่าจดหมายเหตุของประเทศไทยที่ปรากฎในรูปแบบของข่าวสารบ้านเมืองทั้ง 10 ข่าวที่เราคัดสรรมานั้น คุณจำได้กี่ข่าว และตรงกับข่าวที่คุณจำได้บ้างไหม ไปดูกัน

‘หมูป่าติดถ้ำ’ เหตุการณ์ที่ทั่วโลกส่งใจให้ปลอดภัย

เหตุการณ์ที่เรามั่นใจว่าคือที่สุดของประเทศไทยในปีนี้ และคิดว่าคนยังคงจดจำบรรยากาศวันนั้นได้อย่างดีก็คือข่าวการหายตัวไปในถ้ำของสมาชิกทีมฟุตบอลเยาชนเล็กๆ ที่เชียงราย ‘หมูป่า อะคาเดมี แม่สาย’ ซึ่งประกอบด้วยนักฟุตบอล 12 คน และโค้ช 1 คนหายเข้าไปใน ‘วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน’ ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน หลังจากวันนั้นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเชียงรายก็กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญระดับโลกในทันที

เพราะการหายตัวไปของสมาชิกทีมหมูป่านั้นไม่ใช่การหายตัวไปในถ้ำแบบธรรมดาๆ แต่เป็นการทำภารกิจกู้ภัยค้นหาที่ระดมยอดฝีมือมาช่วยกันเนื่องจากเป็นการกู้ภัยที่ยากอีกเคสของโลก ด้วยอุปสรรคจากทางธรรมชาติที่เทคโนโลยีก็ไม่อาจจะช่วยได้ทั้งหมด เราจึงเห็นการร่วมมือกันในระดับนานาชาติทั้งหน่วยซีลจากไทย ทีมช่วยเหลือจากไทย นักดำน้ำในถ้ำจากอังกฤษ ทีมช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศ รวมไปถึง ‘อีลอน มัสก์’ แห่ง SpaceX ก็มาร่วมภารกิจนี้ด้วย

ในตอนจบ เราทราบกันดีว่าทั้ง 13 ชีวิตออกมาจากถ้ำได้อย่างปลอดภัย แต่ระหว่างทางก่อนที่ทีมค้นหาจะเจอ 13 ชีวิตที่ติดถ้ำ เราทุกคนต่างเกาะจอทีวี ไถทวีตเตอร์ รีเฟรชนิวสืฟีด รอลุ้นข่าวดีในแต่ละวัน เพราะระหว่างนั้นการค้นหามีอุปสรรคมากมายราวกับใครเขียนบทไว้ว่าการภารกิจสำเร็จต้องมีอุปสรรค จนในที่สุดเมื่อมีการประกาศข่าวว่าค้นพบทั้ง 13 หมูป่าแล้วและทุกคนปลอดภัยทั้งหมด บรรยากาศที่อัดอั้นมาตลอด 9 วันก็เหมือนปลดล็อค

แม้จะไม่สามารถพาพวกเขาออกจากถ้ำได้ในทันทีเนื่องจากการนำตัวพวกเขาออกมานั้นค่อนข้างยาก แต่ในที่สุดก็สามารถพาทุกชีวิตออกมาได้หมดหลังติดอยู่ในถ้ำเกือบ 20 วัน แต่ก็มีข่าวเศร้าคือเหตุการณ์ครั้งนี้เราได้สูญเสียหน่วยซีลนอกราชการ ‘จ่าแซม – นาวาตรี สมาน กุนัน’ ไป แต่การเสียสละของเขาเราเชื่อว่าทุกคนยังจดจำได้อย่างดีไม่มีลืมว่าเขากล้าหาญแค่ไหน รวมถึงความช่วยเหลือในระดับนานาชาติก็จะถูกพูดถึงไปอีกนานในฐานเหตุการณ์ที่ทั่วโลกเอาใจช่วย

‘ใครฆ่าเสือดำ?’ คำถามที่สังคมไทยสงสัย

เกิดข่าวดังในเช้าวันที่ 6 กุมภาพันธ์ว่า มีการจับกุม ‘เปรมชัย กรรณสูต’ CEO ของ ‘อิตาเลี่ยน – ไทย’ บริษัทก่อสร้างชื่อดังระดับท็อปของประเทศ ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ พร้อมกับพวกในแคมป์กลางป่า และที่น่าตกใจคือแคมป์ที่เปรมชัย อยู่นั้นมีอาวุธปืนและซาก ‘เสือดำ’ ที่ถูกชำแหละแล้วอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ทำให้สังคมให้ความสนใจในทันทีว่าคดีนี้จะจบลงอย่างไรเนื่องจากคนที่อยู่ในกลุ่มผู้กระทำผิดเป็นถึงนักธุรกิจใหญ่ระดับประเทศ

กระแสความไม่พอใจการกระทำดังกล่าวเริ่มลุกลามทำให้โลกโซเชียล รวมไปถึงสังคมนอกโลกโซเชียลต่างแสดงความคิดเห็นถึงกรณีนี้อย่างดุเดือด มีการสร้าง #ใครฆ่าเสือดำ ขึ้นมาและให้ข้อมูลต่างๆ มีการทำกราฟิตี้รูปเสือดำพ่นบนกำแพงเพื่อแสดงจุดยืนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งในเวลาต่อมาเสือดำก็กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของการเรียกร้องความเป็นธรรมให้สัตว์ป่า รวมถึงเรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา

ล่าสุดความเคลื่อนไหวของคดีเสือดำ เมื่อ 27 พฤศจิกายนเพิ่งมีการสืบพยานโจทก์นัดแรกโดยมีนายเปรมชัย พร้อมพวกถูกตั้ง 6 ข้อหาคือ

  • ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
  • ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย
  • ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำหรับบทสรุปของคดีความต้องไปลุ้นกันยาวๆ ยิ่งกว่ารอดู Avengers อาจจะเป็นปีหน้าที่เราทราบผลว่าศาลจะตัดสินอย่างไร ได้บ้าง แน่นอนว่าไม่ว่าศาลจะตัดสินเช่นไร คดีนี้ย่อมมีคนเกาะติดและรอคำตอบมากมายแน่นอน

‘เจ้าสัววิชัย’ ผู้สร้างตำนานเลสเตอร์ฯ เสียชีวิต

เกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญของไทย วงการธุรกิจโลก และวงการฟุตบอลอังกฤษที่ยิ่งใหญ่มากๆ ขึ้นแบบไม่คาดคิดเเมื่อฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของ ‘วิชัย ศรีวัฒนประภา’ หรือเจ้าสัววิชัย เจ้าของคิงพาวเวอร์ และเป็นประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ตกที่ลานจอดรถข้างสนามคิงพาวเวอร์ สเตเดียม สนามเหย้าของทีมจิ้งจอกสยาม แบบไม่มีใครคาดคิด หลังจบเกมการแข่งขันระหว่างเลสเตอร์ กับเวสแฮม ได้ไม่นาน ไม่มีปาฏิหารย์ใดๆ เกิดขึ้น ทุกคนในเครื่องเสียชีวิตหมดรวมถึงเจ้าสัววิชัย

การจากไปของเจ้าสัววิชัย นั่นไม่ได้สร้างความโศกเศร้าให้กับคนรอบข้างรวมถึงคนที่รู้จักเขาเท่านั้น แต่ชาวเลสเตอร์ ก็โศกเศร้าไม่แพ้กัน เพราะเจ้าสัววิชัยคือผู้ที่ทำให้ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ที่จะผลงานต่ำเตี้ยเรี่ยดิน สร้างตำนานเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ครั้งแรกจากความทุ่มเททำงาน และพิสูจน์ให้แฟนบอลเห็นว่าเขาคือประธานสโมสรที่รักฟุตบอลจริงๆ ไม่ได้ซื้อทีมเพื่อเป็นของเล่น

สำหรับสาเหตุที่ทำให้อุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในครั้งนี้ อยู่ในระหว่างสอบสวนกันอยู่ โดยข้อมูลล่าสุดที่เราได้มาคือเครื่องบินไม่ตอบสนองคำสั่งของนักบิน แม้วันนี้เขาจะจากไป แต่สิ่งที่เจ้าสัววิชัยสร้างโอกาสให้กับคนไทยผ่านการสนับสนุนทางด้านการเงิน สร้างโอกาสให้คนไทยผ่านโครงการต่างๆ รวมไปถึงการสร้างเมืองเลสเตอร์ให้เกิดใหม่ด้วยฟุตบอลนั้นจะคงอยู่ในความทรงจำของคนที่นับถือเขาตลอดไปในฐานะฮีโร่

‘ป้าทุบรถ’ ทุบรถคันเดียวสะเทือนถึงดวงดาว

เราคงจำกรณีข่าวดังเมื่อต้นปีกันได้เมื่อจู่ๆ มีการแชร์คลิปผู้หญิงคนหนึ่งถือค้อนทุบใส่รถกระบะที่จอดรถขวางหน้าบ้าน และในครั้งแรกทุกคนต่างด่าว่าป้าคนนี้ทำไมถึงทำพฤติกรรมแบบนี้มนุษย์ป้าชัดๆ

แต่เมื่อได้ทราบความจริงว่าแท้ที่จริงแล้วผู้หญิงที่ชาวเน็ตตั้งฉายาให้ว่า ‘ป้าทุบรถ’ ทุบรถคันนี้เพราะอะไร ทุกคนก็พร้อมใจกันกันมาเชียร์ป้า และให้ความสนใจกับข่าวนี้แทนก่อนมาเจอความจริงว่า โดยที่ผ่านมาบ้านหลังนี้มีปัญหาจนทำให้เธออยู่บ้านไม่มีความสุขเพราะมีตลาดมาตั้งอยู่บริเวณบ้านถึง 4 ตลาด ทำให้เธอเจอปัญหาตั้งแต่ปี 2546 จนส่งผลให้เธอมาทุบรถกระบะคันนี้ และปัญหาเหล่านั้นได้แก่

  • บ้านโดนล้อมด้วยตลาด และเบียดบังพื้นที่หน้าบ้าน ทั้งที่เดิมทีพื้นที่หมู่บ้านเสรี เป็นหมู่บ้านเพื่ออยู่อาศัยแต่ไม่สามารถตั้งตลาดได้
  • มีรถจอดมาขวางหน้าบ้านหลังมีตลาดเกือบตลอดทุกวัน
  • มีเสียงจากตลาดรบกวนชาวบ้านตลอดทั้งวัน
  • หลังจากที่เธอร้องเรียน บ้านของเธอเคยโดนลอบวางเพลิง ใส่ร้ายป้ายสีเรื่องค้าประเวณี ใส่ร้ายเรื่องค้ายาเสพติด และรบกวนความเป็นอยู่ตลอดเวลา
  • โดนคนในตลาดด่าทอให้ได้รับความเสียหายเสมอ
  • มีรถมาจอดขนถ่ายสินค้าหน้าบ้านแบบไม่เกรงใจ
  • มีความสกปรกเกิดขึ้นตลอดบริเวณโดยรอบบ้าน และพื้นที่พิพาท

เมื่อเรื่องราวของป้าทุบรถเป็นข่าวดัง ทำให้เธอกลับมาต่อสู้เพื่อทวงความเป็นธรรมและสิทธิ์ความเป็นอยู่ของตัวเองอีกครั้ง ซึ่งเธอมีเรื่องที่ต้องฟ้องศาลหลายคดี แต่ล่าสุดที่ชนะคดีคือคนที่จอดรถขวางหน้าบ้านป้าถูกศาลตัดสินปรับ 5,000 บาท และจำคุก 15 วัน แต่โทษจำคุกโดนรอลงอาญา ส่วนคดีอื่นๆ นั้นต้องติดตามกันต่อไป กรณีนี้ป้าทุบรถชนะคดีทำให้คนที่ชอบจอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่นดูไว้เป็นบทเรียนว่าอย่าจอดขวางหน้าบ้านใคร

‘ปลดล็อคทางการเมือง’ ประกาศวันเลือกตั้งแล้ว

หนึ่งข่าวที่หลายคนรอที่จะได้ยินมานานคือการประกาศวันเลือกตั้ง (จริงๆ) สักทีหลังจากที่ประเด็นการให้มีการจัดเลือกตั้งนั้นถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีก แต่รอบนี้ชัวร์แล้วเพราะรัฐบาลของลุงตู่ ประกาศว่าวันเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์แน่นอน พร้อมมีคำสั่งปลดล็อคให้บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ไปสมัครเพื่อรวมส่ง ส.ส. เข้าสู่สนามเลือกตั้ง และอนุญาตให้มีการทำกิจกรรมทางการเมืองได้แล้ว

แม้ในส่วนของกฎรหมายที่ถูกแก้ไขในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นที่ตั้งขอสังเกตถึงความไม่เป็นธรรมโดยเฉพาะการสรรหานายกฯ ซึ่งระบุไว้ว่า ส.ว. ที่ คสช. คัดสรรมาสามารถโหวตเลือกนายกฯ ได้ รวมถึงความคลุมเครือเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง การใช้บัตรเลือกตั้งที่ไม่มีโลโก้พรรค (แต่ตอนหลังเรื่องนี้ถูกยกเลิกไปแล้วเพราะโดนวิจารณ์หนัก) และเรื่องอื่นๆ

แต่พรรคการเมืองทั้งหมดก็ยังคงเดินหน้าหาเสียงกัน หากไม่มีอะไรผิดพลาด การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2557

‘หวย 30 ล้านบาท’ คดีที่ยังไม่ถึงตอนจบ

ใครจะไปคาดคิดว่าการถูกหวย 30 ล้านบาทของอดีตนายตำรวจคนหนึ่งชื่อ ‘หมวดจรูญ วิมูล’ จะกลายเป็นข่าวที่มากกว่าการถูกหวยจำนวนมหาศาลเพราะจู่ๆ หมวดจรูญ ก็ถูก ‘ครูปรีชา ใคร่ครวญ’ แจ้งตำรวจจับโดยกล่าวหาว่าหวยของลุงจรูญนั้นไม่ใช่ของลุงจรูญ แต่เป็นหวยที่ครูปรีชาทำตก ก่อนโดนลุงจรูญสอยไป แล้วบังเอิญถูกรางวัลด้วย

คดีนี้กลายเป็นที่สนใจทันทีเพราะและมีการขุดคุ้ยเรื่องราวต่างๆ มากมายในคำให้การของทั้งคู่ กลายเป็นคดีความยืดเยื้อมาจนถึงปลายปีนี้ เนื่องจากตอนนี้คดียังไม่ถึงตอนจบ ดังนั้นต้องไปลุ้นกันต่อในปีหน้าว่าตกลงใครกันแน่ที่จอจี้ ทว่าเราเชื่อว่าตอนนี้มีหลายคนได้คำตอบในใจแล้วล่ะว่าหวยเป็นของใคร

เปิดตัว ‘iConSiam’ ห้างใหม่ยิ่งใหญ่สมเป็น iCon แห่ง Siam

13 พฤศจิกายนที่ผ่านกรุงเทพฯ เปิดตัวห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อันเต็มไปด้วยความหรูหรา ไฮโซ และยิ่งใหญ่สมกับชื่อ ‘iConSiam’ ซึ่งทำให้ย่านฝั่งธนฯ คึกคักไปในทันที ความน่าสนใจของห้างนี้ก็คือการอุดมไปด้วยร้านค้าไฮแบรนด์มากมาย รวมไปถึงการมี Apple Store สาขาแรกประเทศไทยก็เรียกเสียงฮือฮาได้เหมือนกันเพราะไม่ใช่ว่า Apple Store จะยอมไปตั้งสาขาได้ง่ายๆ

IconSiam เป็นห้างที่ลงทุนสูงมากๆ โดยตัวเลขล่าสุดบอกว่าใช้งบในการสร้างทั้งห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงคอนโดที่กลายเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไปแล้วเรียบร้อยถึง 54,000 ล้านบาท ในส่วนของวันเปิดตัวห้างก็ทุ่มงบในงานวันนั้นวันเดียวถึง 1,000 ล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเมกะโปรเจกต์ระดับยิ่งใหญ่ของชาติจริงๆ

ทว่าความยิ่งใหญ่ของห้างก็มาพร้อมกับเสี่ยงกร่นด่าทั้งการตำหนิของคนในพื้นที่ว่าทำให้รถติดเพราะจากเดิมรถก็ติดจากการสร้างรถไฟฟ้าสีทองอยู่แล้ว บางส่วนก็บอกว่าทำไมห้างเยอะจัง อยากได้พื้นที่สีเขียวเพิ่ม และอีกมากมาย แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ชาวเจริญนคร และฝั่งธนฯ มีห้างใหญ่เป็นของตัวเองแล้ว

‘เรือนักท่องเที่ยวจีนล่มที่ภูเก็ต’ รอยร้าวของการท่องเที่ยวไทย – จีน

เย็นวันที่ 5 กรกฎาคมเกิดเหตุสลด และเป็นข่าวใหญ่ในวงการการท่องเที่ยวเมืองไทยคือเรือที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจีน ‘ฟีนิกซ์ พีซีไดฟ์วิ่ง’ ถูกคลื่นซัดอัปปางลงกลางทะเลบริเวณเกาะเฮ ของภูเก็ต เหตุการณ์นั้นมีผู้เสียชีวิตหลายคน และเกิดความไม่พอใจในหมู่นักท่องเที่ยวจีนที่มองว่าทางการไทยไม่ให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือ

รวมไปถึงการให้สัมภาษณ์ของบิ๊กป้อม รองนายกฯ ที่ให้สัมภาษณ์หลังถูกถามว่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวจีนอย่างไรหลังเกิดเหตุการณ์นี้ว่า  “คนจีนเป็นเป็นคนนำนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา เป็นเรื่องของนักท่องเที่ยวเขา เขาทำของเขาเอง เขาฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เราจะให้ไปเรียกความเชื่อมั่นได้อย่างไร” ก็ทำให้ทางจีนไม่พอใจด้วยและมีการวิจารณ์คำพูดของบิ๊กป้อมในหนังสือพิมพ์สองภาษาของจีน  ‘โกลบอล ไทมส์’ ว่าเป็นคำพูดที่ ‘ไม่เหมาะสม’

ต่อมาภายหลังพลเอกประวิตร จะออกมาให้สัมภาษณ์และขอโทษในกรณีนี้ กระนั้นกระแสเรือล่มก็ทำให้จีนให้ระวังเรื่องการมาเที่ยวในไทย และมีรายงานว่ากระแสการท่องเที่ยไทยของคนจีนก็ลดลง และเบนเข็มไปประเทศใกล้เคียงแทนเนื่องจากกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัย

ทำให้ดูเหมือนว่าเรื่องความปลอดภัยจากเหตุนี้กลายเป็นหนึ่งในรอยร้าวของการท่องเที่ยวไทยที่คนจีนหมดความเชื่อมั่นลงเรื่อยๆ ถ้ายังไม่ประสานรอยร้าวนี้อีกก็อาจจะมีปัญหาในระยะยาว เนื่องจากประเทศไทยยังคงพึงรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสูง และจีนคือลูกค้ารายใหญ่

‘บ้านป่าแหว่ง’ โครงการฉาวแห่งปีที่ตอนนี้ก็ยังรู้ว่าจะรื้อไหม

อีกหนึ่งข่าวที่พีคมากตั้งแต่ต้นปี 2018 คือการที่โลกโซเชียลแชร์ภาพของบ้านพักหรู ที่อยู่บนผืนป่าดอยสุเทพ ซึ่งจากภาพมุมสูงจะเห็นว่าบ้านพักดังกล่าวที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นานพักของข้าราชการตุลาการเนื่องจากคนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เรียกร้องให้มีการรื้อบ้านหลังดังกล่าวออกมา โดยให้เหตุผลว่าแม้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ราชพัสดุอยู่ในความดูแลของกองทัพ แต่การถางป่าเพื่อสร้างบ้านพักข้าราชการที่หรูหราเกินไปโดยใช้ภาษีประชาชนนั้นดูเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมนัก

สำหรับ ‘โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 พร้อมบ้านพักข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม’ เป็นโครงการที่ใช้งบทั้งหมด 955 ล้านบาท มีพื้นที่ 147 ไร่ 3 งาน 41 ตารางวา แบ่งออกเป็น 3 โครงการย่อยได้แก่

  • โครงการที่ 1 ก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 พร้อมสิ่งก่อสร้าง มูลค่า 290 ล้านบาท
  • โครงการที่ 2 บ้านพักตุลาการ 16 หน่วย, บ้านพักผู้พิพากษา จำนวน 38 หน่วย, บ้านพักผู้อำนวยการ 1 หน่วย. อาคารชุดข้าราชการศาลยุติธรรม 36 หน่วย มูลค่า 321 ล้านบาท
  • โครงการที่ 3 บ้านพัก 9 หน่วย และอาคารชุดพักอาศัยข้าราชการตุลาการ 64 หน่วย มูลค่า 342 ล้านบาท

เมื่อมีเรื่องการใช้จ่ายภาษีจำนวนหมาศาลไปกับเรื่องที่ดูโต่งแจ้งไม่เหมาะสมเช่นนี้เลยทำให้ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงคนไทยคนอื่นๆ หันมามองปัญหานี้ว่าจะหาทางออกอย่างไร แต่ทางเดียวที่ภาคประชาชนยื่นข้อเสนอไปคือ…รื้อเท่านั้น

ตอนแรกก็เหมือนจะยอมรื้อแต่โดยดี แต่ล่าสุด ข่าวเมื่อ 7 พฤศจิกายนข่าวออกมาว่า ยังไม่มีมติว่าจะรื้อถอนหรือไม่ ฝ่ายที่ร้องเรียนจึงเตรียมที่จะเคลื่อนไหวต่อไป

‘นาฬิกาหรู 25 เรือนของบิ๊กป้อม’ ที่ยังไม่รู้ว่าตกลงนาฬิกาคือของใคร

ปีนี้น่าจะเป็นปีที่พีคมากๆ ของบิ๊กป้อม เพราะตั้งแต่เปิดปีใหม่มาได้ไม่กี่วันงานก็เข้ารองนายกฯ ทันที เพราะสื่อและสังคมตั้งคำถามถึงที่มาของนาฬิกาสุดหรูในข้อมือเขาว่า ลุง…ได้มายังไง เพราะนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือนั้นไม่ใช่ราคาหลักหมื่น หรือหลักแสน แต่หลักล้าน! รวมแล้วกว่า 25 เรือน (ที่เห็นในข่าวเท่านั้น มีอีกกี่เรือนเราเองก็ไม่ทราบ) หากคำนวณราคาออกมาแล้วมูลค่ารวมสูงถึงเกือบ 40 ล้าน

ซึ่งต่อมารูปลุงป้อมโชว์นาฬิกากลายเป็นมีมบนอินเตอร์เน็ตทันที พร้อมกับวลีเด็ดในการตอบคำถามสื่อถึงที่มาของนาฬิกาหรูก็กลายเป็นมีม เพราะรองนายกฯ สายแทงค์ ตอบว่า “นาฬิกายืมเพื่อนมา” และพอถามว่าแล้วเพื่อนคนไหน ทำไมไม่เอาคืน บิ๊กป็อมก็ตอบคำถามได้น่ารักว่า “เพื่อนตายไปแล้ว” .อ่ะ…จ้าาาาาา

แน่นอน ปปช. ไม่ได้นิ่งเฉยแต่รับเรื่องนี้ไว้ไปตรวจสอบ ตั้งแต่ต้นปีและมีการเรียกลุงป้อมมาถามไถ่ ลุงก็ตอบคำถามสื่อไปว่านาฬิกาทั้งหมดคืนเพื่อนไปแล้ว อย่างไรก็ตามล่าสุด 23 ธันวาคม ปปช. ก็ออกมาให้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเตรียมชงเรื่องนาฬิกาปริศนา 25 เรือนของบิ๊กป้อม เข้าที่ประชุมเพื่อหาข้อเท็จจริงในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ แต่ผลการชี้มูลจะเป็นอย่างไร…ก็โปรดติดตามตอนต่อไป

 

Writer Profile : Sam Ponsan
นักเขียนหนุ่มสุดเท่ที่ชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซค์เป็นชีวิตจิตใจ ขนาดฝนตกยังยอมขี่รถตากฝนเลยเพราะคิดว่าทำแล้วเท่ งานอดิเรกของเขาคือการไปออกกำลังกายเพราะเชื่อว่าทำแล้วเท่ ปัจจุบันก็ยังชอบทำ Content อะไรเท่ๆ ลงเว็บ Mango Zero ด้วย แหม่...เท่จริงๆ
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post

[NEWS] ถอดแบบมาเป๊ะ! 4 พรรคเลือกตั้งประธานนักเรียนนโยบายดี แถมมีสว. ร่วมโหวต


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save