“อายุเป็นเพียงตัวเลข” คำพูดติดปากของใครหลายคน แต่รู้หรือไม่ว่าตัวเลขของอายุอาจจะไม่ใช่แค่ตัวเลขอย่างที่ชอบพูดกัน แต่สามารถบอกอะไรได้มากกว่าที่คิด เพราะตัวเลขอายุจริง ๆ กับตัวเลขอายุการเผาผลาญของคุณมันอาจจะไม่ตรงกันก็ได้! หากคุณกำลังสงสัยหรือมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า แล้วการเผาผลาญของคนเรานั้นจะเป็นอย่างไรเมื่ออายุมากขึ้น และควรจะทำตัวอย่างไรเมื่อระบบเผาผลาญในร่างกายของเราเปลี่ยนไป เรามีคำตอบที่จะมาบอกคุณ ยิ่งรู้เร็วก็ยิ่งดูแลร่างกายเราได้เร็วทั้งในเรื่องอาหารการกิน และการออกกำลังกาย จะได้ไม่เป็นคนที่อายุยังน้อย แต่น้ำหนักปาไปจะร้อยโลแล้วนะ Metabolic Age “อายุ 30 แล้วหน้าเด็กเหมือน 20 ต้น ๆ เลยนะ” แบบนี้เรียกว่าหน้าอ่อนกว่าวัย เห็นได้เองโดยสายตา แต่ถ้าหากคุณอยากรู้ว่าอัตราการเผาผลาญของใครอ่อนกว่าวัย หรือแก่กว่าวัยต้องวัดค่า “Metabolic Age” หรือ อัตราการเผาผลาญพลังงานเทียบเท่าอายุ ถ้าหากคุณอายุ 30 ปี แต่ผลออกมาว่าระบบการเผาผลาญของคุณเท่ากับ 45 ปีละก็ ขอบอกเลยว่าต้องทำอะไรสักอย่างกับตัวเองแล้ว เพราะยิ่งตัวเลขอายุการเผาผลาญมากกว่าอายุจริงเท่าไหร่ ก็เท่ากับว่าคุณมีอัตราการเผาผลาญที่แย่ลงเท่านั้น และเมื่อการเผาผลาญแย่ลง ก็จะทำให้พลังงานส่วนเกินที่เหลือกลายเป็นไขมันสะสมในร่างกายแทน วิ่งๆๆ วิ่งแบบพี่ตูน ใช่แล้ว ถ้าระบบเผาผลาญของคุณเกินอายุไปมากอย่างที่ยกตัวอย่าง วิธีที่จะเบิร์นไขมันให้หมดไปได้หลังการกินทุกครั้งคุณคงต้องออกไปวิ่งแบบพี่ตูน อ่านมาถึงตรงนี้สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง ควบคุมอาหารได้บ้างไม่ได้บ้าง มีเวลาออกกำลังกายบ้างไม่มีบ้าง หรือเรียกง่าย ๆ ว่าชาว Part-Time Diet ทั้งหลายคงท้อ! แต่อย่าเพิ่งท้อแท้กันไปเพราะล่าสุดมีรายงานผลการวิจัยของภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลที่ดำเนินงานร่วมกับ ผลิตภัณฑ์เวย์โปรตีนตรา My Whey เกี่ยวกับ “ผลของการรับประทานเวย์โปรตีนต่อการเปลี่ยนแปลงสุขภาพทางคลินิกในกลุ่มผู้มีน้ำหนักเกินและโรคอ้วน” เปิดเผยว่า “การกินเวย์โปรตีนเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ช่วยลดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายได้” งานวิจัยนี้ได้ทำการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 80 คน เป็นชายและหญิง อายุ 18 – 55 ปี ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) 23 kg/m2 ขึ้นไป หรือสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (มีน้ำหนักเกินและรูปร่างอ้วน) โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม (กลุ่มละ 20 คน) ได้แก่ กลุ่มที่ 1 คือ ไม่กินเวย์โปรตีน และ ไม่ออกกำลังกาย กลุ่มที่ 2 คือ ไม่กินเวย์โปรตีน และ ออกกำลังกาย กลุ่มที่ 3 คือ กินเวย์โปรตีน และ ไม่ออกกำลังกาย กลุ่มที่ 4 คือ กินเวย์โปรตีน และ ออกกำลังกาย (กลุ่มที่กินเวย์โปรตีน คือ กินผลิตภัณฑ์เวย์โปรตีน ตรา My Whey วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า – เย็น ปริมาณโปรตีน ครั้งละ 29 กรัม และออกกำลังกาย คือ การเดินวันละ 10,000 ก้าว หรือออกกำลังกายประเภทอื่น วันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน) ข้อมูลที่น่าสนใจและเป็นอีกทางเลือกในการกำจัดไขมัน คือ ผลการเปลี่ยนแปลงสุขภาพทางร่างกายในเรื่องของเปอร์เซ็นต์ไขมัน (%Fat) เมื่อเปรียบเทียบกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ได้ออกกำลังกายทั้ง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 (ไม่กินเวย์โปรตีน และไม่ออกกำลังกาย) กลุ่มที่ 3 (กินเวย์โปรตีน และไม่ออกกำลังกาย) เวย์โปรตีนเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ช่วยลดเปอร์เซ็นต์ไขมัน อายุการเผาผลาญก็ลดด้วย หลังจากผ่านไป 12 สัปดาห์ ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มที่ 1 (ไม่กินเวย์โปรตีน และไม่ออกกำลังกาย) มีเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น 1.13% ในขณะที่กลุ่มที่ 3 (กินเวย์โปรตีน และไม่ออกกำลังกาย) มีเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายลดลง 0.23% จากผลการวิจัยจะเห็นได้ว่า ถึงจะไม่ได้ออกกำลังกาย แต่การกินเวย์โปรตีนก็มีส่วนช่วยทำให้เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายลดลงได้ เพราะเวย์โปรตีนจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และช่วยกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายลดลง แต่หากจะให้เปอร์เซ็นต์ไขมันลดลงได้ดียิ่งขึ้นไปอีก จะต้องกินเวย์โปรตีนควบคู่กับการออกกำลังกายไปด้วย เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานให้กับร่างกายได้มากยิ่งขึ้น เมื่อระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพ อายุการเผาผลาญในร่างกายก็จะสามารถลดลงกว่าอายุจริงได้ สำหรับใครก็ตามที่ไม่ค่อยมีเวลา และกำลังมองหาทางเลือกในการกำจัดไขมัน การเปลี่ยนตัวเองเพียงนิดเดียวด้วยการกิน My Whey ก็จะช่วยให้หมดกังวลเรื่องไขมัน และมีสุขภาพดีขึ้นได้อย่างแน่นอนสอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ FB: mywheyglobal Website: https://www.mywhey.global/ #mywheyglobal