ปัญหาเรื่องการกลั่นแกล้งกัน หรือการ Bullying นั้นไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในโลกยุคโซเชียลที่เราจะเห็นคำว่า Bullying หรือ Cyber Bullying กันเกลื่อนเพียงแต่ว่าการกลั่นแกล้งกันนั้นมีมาทุกยุค ทุกสมัย แต่เราอาจจะมองข้ามคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ทว่าจริงๆ แล้วเรื่องของการกลั่นแกล้งกันนั้น ไม่ใช่เรื่องไกลตัวคุณเลย และบางทีคุณเองก็อาจจะมีส่วนในการ Bullying คนอื่นแบบที่คุณเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แล้วพฤติกรรมแบบไหนที่เรียกว่าเป็นการ ‘กลั่นแกล้งคนอื่น’ ที่เราเผลอทำลงไป ถ้าไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่ไปกระทำคนอื่น หรือเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการกลั่นแหล้งคนอื่นอย่างไม่เจตนา เรามีพฤติกรรมเหล่านั้นมาบอกแล้วลองสำรวจตัวเองดูสิว่าคุณ…เคยทำอย่างนั้น หรือยังคงทำแบบนั้นอยู่หรือเปล่า แสดงความเห็นเชิงลบในเรื่องส่วนตัว บางคนอาจจะคิดว่าการแสดงความเห็นตรงๆ นั้นทุกคนก็รับได้ หรือมีชุดความคิดที่เข้าข้างตัวเองว่า “เอ้า! ก็เราเป็นคนพูดตรงไง ผิดตรงไหนล่ะ หรือชอบให้พูดโกหกล่ะ” การพูดตรงๆ เพื่อแสดงความคิดเห็นนั้นไม่ผิด แต่อาจจะผิดตรงที่การวิจารณ์คนอื่นแบบไม่ผ่านการคิดแล้วกลับคิดว่าตัวเองเป็นคนพูดตรงนั้น…เป็นความคิดที่ผิด โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นหรือวิจารณ์ในสิ่งที่เป็นเรื่องส่วนบุคคล ซึ่งเราควรจะเลี่ยงการใช้ความเห็นส่วนตัวไปตัดสินทุกอย่าง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือบนโลกออนไลน์เราจะเห็นการแสดงความเห็นไม่ผ่านการคิดเยอะมาก เนื่องจากพอไม่ต้องเผชิญหน้ากัน คนที่คอมเมนต์ผ่านคีย์บอร์ดก็จะมีความมันมือกว่าปกติ แล้วพ่นความคิดเห็นที่เป็นการ Bullying คนอื่นออกไปอย่างไม่ยั้งมือ ซึ่งคำพูดที่เป็นเสมือนยาพิษก็ไปทำร้ายจิตใจคนรับสาร แบบที่คนวิจารณ์เองก็อาจจะไม่รู้ตัวเช่นกันว่าทำอะไรลงไป เอ๊ะ! หรืออาจจะรู้ตัว ล้อเลียนเรื่องความแตกต่าง แซวเรื่องน้ำหนักตัว เรียกคนอ้วนว่าเบาหวิว เรียกคนผอมว่าแห้ง เรียกคนสูงว่าเปรต เรียกคนเตี้ยว่าแคระ เรียกคนอื่นว่าสุดสวยสุดหล่อ ทั้งที่เจ้าตัวเองก็รู้ว่าไม่ใช่ความจริง และอีกสารพัดการพูดหยอกล้อในเรื่องของกายภาพคนอื่นนี่แหละคือต้นกำเนิดของการแกล้งกันด้วยคำพูดที่เราได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ลองนึกย้อนกลับไปดูว่าเราเคยเรียกเพื่อนด้วยคำพูดทำนองนี้หรือเปล่า ซึ่งเราเชื่อว่ามี เราถูกปลูกฝังด้วยชุดความคิดว่า “ก็แค่ล้อเล่น…จะจริงจังทำไม” ใช่! บางคนเขาไม่โกรธเพราะมองว่าเป็นเรื่องล้อเล่น แต่บางคนเรื่องอ้วน ผอม สูง ต่ำ ดำ ขาวไม่ใช่สิ่งที่ควรไปล้อเล่น ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ เพราะอาจจะทำให้คนที่โดนล้อนั้นเก็บเอาไปคิดมากถึงขั้นฆ่าตัวตายไปเลยก็มี การจะแซว หรือล้อกับใครไม่ใช่เรื่องปกติทั่วๆ ไปที่จะคิดว่า แหม…ใครๆ ก็ทำกันป่าววะจะซีเรียสทำไม แต่จริงๆ มันคือเรื่องที่ไม่ควรทำกับใครทั้งนั้น ต่อให้สนิทกันแค่ไหน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนโดนพูดประโยคที่แทงใจดำใส่นั้นเขาจะไม่คิดมาก แตะเนื้อต้องตัวแบบไม่เหมาะสม การถูกเนื้อต้องตัว ไม่ว่ากระทำกับเพศไหนพฤติกรรมนี้คือการ Bullying รูปแบบหนึ่งที่เป็นเชิงการคุกคามทางเพศ ซึ่งคนที่ถูกกระทำในลักษณะนี้จะรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยแน่นอน ในที่นี้เราพูดถึงคนที่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ซึ่งเขาอาจจะทำไปโดยไม่คิดอะไร เพราะคนกลุ่มนี้จะมีชุดความคิดที่ว่า “ก็สนิทกันไง ไม่เห็นเป็นอะไรเลย จับมือ โอบไหล่ มันก็เรื่องธรรมดา” ทว่าจริงๆ แล้วเขาอาจจะลืมนึกไปว่าบางที การกระทำบางอย่างก็เป็นการละเมิดสิทธิ์คนๆ นั้น ยิ่งการสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวยิ่งไม่ควรทำกับใครเลย แม้ว่าจะสนิทกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนก็ตาม ใช้สีหน้า แววตา หรือท่าทางเพื่อเหยียด บางทีไม่ต้องใช้คำพูด แต่สีหน้า แววตา หรือพฤติกรรมของเราก็สามารถรบกวน หรือกลั่นแกล้งคนอื่นได้แบบที่เราเองก็ไม่รู้ตัวว่า เอ้า! นี่เราทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ หรือรู้สึกไม่ปลอดภัยเหรอถึงจะสนิทกันแค่ไหนก็ต้องยั้งติดสักนิด ดังนั้นก่อนจะทำอะไรด้วยความเคยชิน การแสดงสีหน้า หรือแววตาบางอย่างใส่คนอื่นในเชิงล้อเลียน หรือคุกคาม ด้วยความสนุกส่วนตัว หรือคิดว่า ไม่เป็นอะไรหรอก แค่ขำๆ …อยากให้ย้อนกลับมาคิดสักนิดว่าเราควรทำแบบนั้นไม่ว่ากันใครไหม? ก็ไม่ควรใช่เปล่า ตอกย้ำเรื่องในอดีต อดีตที่ผ่านมาของบางคนก็เป็นต้นกำเนิดของการที่ทำให้เกิดเป็นปมด้อยมาจนถึงวันนี้ ซึ่งการที่เราเอาเรื่องในอดีตมาล้อหรือตอกย้ำอีกฝ่ายนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่ารักเลย แม้อาจจะคิดว่า “เอ้า! ก็เรื่องมันนานมาแล้ว” “ลืมๆ ไปบ้างก็ได้” “จะมายึดติดทำไม” หรือ “ปล่อยวางบ้างนะเราน่ะ” แต่ในความเป็นจริงแล้วการล้อเลียน หรือตอกย้ำเรื่อในอดีต ไม่ว่าจะบริบทไหนก็ไม่ควรทำกับใครทั้งนั้น เพราะคนที่สนุกปากมีแต่คนพูดเท่านั้น เราไม่มีทางรู้เลยว่าเรื่องในอดีตของคนอื่นทำร้ายจิตใจเขาแค่ไหน ดังนั้นอย่าเอาความสนุกของตัวเองไปทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูดเหมือนยาพิษ เหมือนที่พี่ตูน บอกไว้ว่า “คำพูดที่ไม่เคยคิด จริงๆ มันคือยาพิษ…”