เดือนมิถุนายน 2018 นับเป็นการครบรอบ 1 ปีกับการเขียนถึงปรากฏการณ์ #PRODUCE101 ในซีซั่นที่แล้ว (รวดเดียวจบ! รู้จักปรากฎการณ์ #PRODUCE101 ก่อนไปลุ้นผล “บอยแบนด์แห่งชาติ 11 คนสุดท้าย” พร้อมกัน คืนนี้! และนั่นหมายความว่าในเวลานี้ การออกอากาศรายการ PRODUCE 101 ในซีซั่นที่ 3 ภายใต้ชื่อ “PRODUCE 48” ได้เริ่มการแข่งขันขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความร้อนแรงของการแข่งขันในปีนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่การประกาศโปรเจค PRODUCE 48 กลางงานประกาศรางวัล 2017 Mnet Asian Music Awards (หรือ 2017 MAMA) ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ด้วยการเปิดตัวโชว์พิเศษที่ขึ้นแสดงร่วมกันระหว่าง AKB48 และศิลปินไอดอลจากเกาหลีใต้ซึ่งมีสมาชิกในวงที่เคยแจ้งเกิดผ่านเวที Survival ของ Mnet มารวมตัวกัน นับว่าเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆของทั้ง 2 ฝั่งตั้งแต่วันนั้น จนทำให้ซีซั่นที่ 3 ซึ่งเป็นการกลับมาค้นหาเกิร์ลกรุ๊ปอีกครั้งของ PRODUCE 101 มาในภาพลักษณ์ใหม่ที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าเดิม (รายการ PRODUCE 101 จะค้นหาไอดอลกรุ๊ปแห่งชาติในแต่ละซีซั่น สลับกันปีต่อปีระหว่างการคัดเลือกเกิร์ลกรุ๊ปและบอยแบนด์) https://www.youtube.com/watch?v=P_5qzkFgr9E) และนี่คือตัวอย่างบางส่วนสำหรับใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมเป็น “โปรดิวเซอร์แห่งชาติ” (= ชื่อเรียกผู้ชมรายการ PRODUCE 101 ที่จะทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ผู้คัดเลือกไอดอลกรุ๊ปแห่งชาติในแต่ละซีซั่น ผ่านการโหวตให้กับเด็กฝึกหัดที่ชื่นชอบ) กับ 6 เหตุผลที่ทำไมเราถึงไม่ควรพลาดรายการ PRODUCE 48 PRODUCE 101 กับการครองตำแหน่ง Content Platform ในการปั้น Idol Group ที่แข็งแกร่งที่สุดในเกาหลีใต้ เรียกว่าตั้งแต่เปิดตัวรายการ PRODUCE 101 ซีซั่น 1 เมื่อปี 2016 จนมาถึงวินาทีนี้ วงการบันเทิงเกาหลีใต้ได้ต้อนรับไอดอลจำนวนมาก (มากในระดับที่เรียกว่าแจ้งเกิดกันแทบ “ทั้งรายการ” ก็ว่าได้) ไอดอลเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ผู้ชนะในการค้นหาเกิร์ลกรุ๊ปในซีซั่นที่ 1 อย่าง I.O.I (ไอโอไอ) ไปจนถึงบอยกรุ๊ปแห่งชาติจากซีซั่นที่ 2 Wanna One (วอนนาวัน) เท่านั้น https://www.youtube.com/watch?v=1BVV9UqELbA แต่ยังรวมถึงเหล่าเด็กฝึกหัดจากทั้งสองซีซั่นที่แม้จะไม่ได้เดบิวต์เป็น 1 ใน 11 ผู้ชนะ ก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ชม สามารถกลับไปเดบิวต์ในสังกัดของตนเอง และก้าวขึ้นเป็นศิลปินตามความฝันได้สำเร็จ ไปจนถึงเด็กฝึกหัดที่เคยเป็นศิลปินมาก่อน ก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งหลังจบการแข่งขัน ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของ PRODUCE 101 สามารถแก้ไขจุดอ่อนของรายการประกวดร้องเพลงหรือค้นหาศิลปินหลายเวทีลงได้อย่างสิ้นเชิง นั่นคือการที่รายการไม่สามารถต่อยอดให้ผู้เข้าแข่งขันเข้าสู่วงการเพลงได้หลังจบการรายการแล้ว หรือแม้แต่การที่มีแค่ผู้ชนะเท่านั้นที่จะถูกจดจำได้ ซึ่งทำให้ความฝันของผู้เข้าแข่งขันที่อยากจะมีอาชีพในวงการนี้ จบลงด้วยการหายไปจากวงการแบบเงียบๆ ทิ้งไว้เพียงแค่ชื่อว่าเคยเป็นผู้ชนะจากรายการเท่านั้น แต่ไม่ได้มีผลงานใดๆในวงการบันเทิง การเดบิวต์ของบรรดาเด็กฝึกหัดจาก PRODUCE 101 ล้วนแล้วแต่ครองพาดหัวข่าวไม่เว้นแต่ละวันถึงความสำเร็จที่รวดเร็วและทรงพลัง แม้จะผลิตมาเพียง 2 ซีซั่นเท่านั้น ทำให้ PRODUCE 101 ขึ้นแท่นเป็นรายการที่ได้รับการยอมรับว่าจะสามารถพาเหล่าเด็กฝึกหัดไปถึงความฝันได้อย่างชัดเจนที่สุดในเวลานี้ ความร่วมมือระดับเอเชียที่พร้อมจะดูแลเกิร์ลกรุ๊ประดับโลก ความแข็งแกร่งของ Platform นี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในเกาหลีใต้เท่านั้น ในปี 2018 รายการ PRODUCE 101 ได้ขายลิขสิทธิ์เพื่อผลิตและออกอากาศในประเทศจีน (ที่หลายคนเรียกว่า PRODUCE 101 CHINA) และประกาศผลผู้ชนะที่จะเป็นเกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติกลุ่มแรกในเวอร์ชั่นจีนภายใต้ชื่อ “Rocket Girls” ไปแล้วเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมาด้วยคะแนนโหวตจากผู้ชมรายการที่ล้นหลามกว่าหลายร้อยล้านโหวต เป็นอีกเสียงสะท้อนความสำเร็จของรายการว่าสามารถดึงดูดและครองใจผู้ชมได้ไม่ว่าจะเผยแพร่ไปในภาษาหรือวัฒนธรรมใด คำว่า “ระดับโลก” ที่รายการได้ใช้เป็น Keyword หลักของการนำเสนอ PRODUCE 48 มาตั้งแต่ต้น ดูจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือเป็นเพียงแค่คำพูดเชิงการตลาดสำหรับเปิดตัวรายการเท่านั้น เพราะในเวลาที่รายการกำลังออกอากาศอยู่นี้ ผู้ชนะในซีซั่นที่ 2 อย่าง Wanna One กำลังอยู่ระหว่างการเดินสาย World Tour ที่จัดการแสดงขึ้นถึง 14 เมือง (นับถึงปัจจุบัน ซึ่งมีประกาศเพิ่มเติมสำหรับประเทศญี่ปุ่น) ไล่ตั้งแต่ฝั่งอเมริกาจนถึงเอเชีย ทั้งที่เดบิวต์มาได้เพียง 1 ปีเท่านั้นหลังจบการแข่งขัน ซึ่งศิลปินที่จะสามารถจัดคอนเสิร์ตในลักษณะนี้ได้ย่อมต้องมีฐานแฟนที่แข็งแรงครอบคลุมในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ Wanna One ยังถือเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่ถูกบันทึกว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ K-POP จากหลายสถิติด้วยกัน ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ทาง PRODUCE 101 ได้ทำให้เห็นว่าความสำเร็จนี้สามารถเกิดขึ้นได้จริงกับเหล่าเด็กฝึกหัดใน PRODUCE 48 ด้วยเช่นกัน ความแข็งแกร่งของระบบเด็กฝึกหัดจากค่ายบันเทิงเกาหลีใต้ที่ร่วมกันผลักดัน K-POP อย่างมีกลยุทธ์จนเป็นที่นิยมไปทั่วโลก เมื่อมารวมตัวกับเจ้าถิ่นในตลาดเพลงที่นับว่าเหนียวแน่นที่สุดแห่งหนึ่งในโลกอย่างตลาดเพลงญี่ปุ่น โดยผู้ก่อตั้งเกิร์ลกรุ๊ปที่ประสบความสำเร็จสูงสุดอย่าง AKB48 และวงสาขาทั้งหมด เรียกว่าเป็นการการันตีใบเบิกทางที่สวยงามในทั้งสองตลาดของว่าที่เกิร์ลกรุ๊ปวงต่อไปที่จะทำงานพร้อมกันใน 2 ประเทศ รวมถึงการไปสู่ระดับ Global ด้วยในเวลาเดียวกัน “พัฒนาการ และ การเอาใจช่วยจากผู้ชม” = หัวใจความสำเร็จที่แท้จริงของรายการ Survival ความดุเดือดของการแข่งขันที่เราได้เห็นกันมาตลอด 2 ซีซั่น การฝึกซ้อมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความมุ่งมั่นที่จะทำให้ความฝันกลายเป็นความจริง พัฒนาการที่ก้าวกระโดด และการช่วยเหลือกันของเหล่าผู้เข้าแข่งขัน สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เด็กฝึกหัดของทั้ง 2 ประเทศกลายมาเป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่มี Performance ที่สมบูรณ์ในแบบเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีซึ่งเป็นผลมาจากการฝึกหัดที่เข้มข้น ผสมกับการเป็นเกิร์ลกรุ๊ปมีความเป็นธรรมชาติ สื่อสารกับคนดูได้อย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นจุดเด่นของ AKB48 หากเราสังเกตผู้ชนะจากรายการกลุ่ม Survival ทั้งหมด จะเห็นว่าผู้ชมไม่ได้โฟกัสแค่ “ความสามารถ” ของผู้เข้าแข่งขันเพียงอย่างเดียว แต่มองไปถึง “พัฒนาการ” ของแต่ละคนที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันด้วย ทำให้รายการลักษณะนี้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดที่เหล่าเด็กฝึกหัด “ที่แม้จะยังไม่ได้พร้อมที่สุดในวันนี้” จะมีโอกาสได้เดบิวต์ ข้อแตกต่างนี้ทำให้ PRODUCE 101 โดดเด่นในสายตาผู้ชม เนื่องจากธรรมชาติของวงการบันเทิงเกาหลีนั้น เด็กฝึกหัดที่ไม่เข้าขั้น “สมบูรณ์แบบ” ในการพิจารณาของต้นสังกัด จะไม่สามารถเดบิวต์ได้ไม่ว่าจะทุ่มเทฝึกซ้อมมายาวนานแค่ไหนหรือเสียสละอะไรไปมากเพียงใดก็ตาม การที่รายการเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ทำหน้าที่โปรดิวเซอร์แห่งชาติ ทำให้เด็กฝึกหัดหลายคนที่ครองใจผู้ชมได้ สามารถมีพื้นที่ในการแสดงออกและได้รับโอกาสที่ในชีวิตจริงอาจจะเกิดขึ้นได้ยาก ในขณะที่เรื่องราวของ AKB48 กลุ่มเด็กสาวที่มีความฝัน ห้อมล้อมด้วยแฟนๆที่เป็นกำลังใจสำคัญที่จะช่วยให้สมาชิกแต่ละคนสามารถไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้ นับว่าเป็นการรวมสองความฝันจากสองประเทศที่มีผู้ชมเป็นผู้ตัดสิน และตามมาด้วยฐานการสนับสนุนที่แข็งแกร่งในอนาคตหลังจบการแข่งขันแล้ว “ไอดอลที่คุณพบได้” x “ไอดอลที่คนทั้งประเทศเป็นผู้เลือก” = โครงสร้างรางวัลของเด็กฝึกผู้ชนะ PRODUCE 48 PRODUCE 48 ได้ปรับแก้ข้อจำกัดในการทำงานของวงผู้ชนะการแข่งขันในปีนี้ไว้หลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือการขยายระยะเวลาของสัญญา จากเดิมในซีซั่นที่ 1 เด็กฝึกหัดที่ชนะการแข่งขันจะทำงานด้วยกันในฐานะศิลปินเป็นระยะเวลา 1 ปี ในซีซั่นที่ 2 ขยายเป็น 1 ปี 6 เดือน และในซีซั่นนี้ ประกาศให้ผู้ชนะทำงานร่วมกันเป็นระยะเวลา 2 ปี 6 เดือนด้วยกัน ไปจนถึงการเพิ่มจำนวนผู้ชนะจาก 11 คนเป็น 12 คน โดยไม่จำกัดสัญชาติ ผู้ชนะการแข่งขันจะเดบิวต์และทำกิจกรรมพร้อมกันใน 2 ประเทศทั้งเกาหลีและญี่ปุ่น โดยมีโปรดิวเซอร์ฮันซองซู (Pledis Entertainment – เกาหลี) และโปรดิวเซอร์ อากิโมโตะ ยาซูชิ (AKB48 – ญี่ปุ่น) ซึ่งมีผลงานโดดเด่นเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง นับเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้เดิมพันความฝันครั้งนี้ของเด็กฝึกหัดกลายเป็นโอกาสที่อาจไม่สามารถหาได้อีกในเวทีอื่น เมื่อดูเส้นทางความสำเร็จของไอดอลจากทั้ง PRODUCE 101 และ AKB48 แล้ว จะเห็นว่าทั้งคู่ให้ความสำคัญกับ “ผู้ชม ในฐานะผู้สร้างไอดอล“ เป็นกุญแจสำคัญมาตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อเกิดเป็นโปรเจค PRODUCE 48 แล้ว เท่ากับเป็นการรวมกลยุทธ์จากทั้งสองฝั่งที่ใช้ในการสร้างฐานแฟน เพื่อดึงดูดให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับเด็กๆผู้เข้าแข่งขันตั้งแต่ต้นจนจบ ต่อเนื่องไปจนถึงตอนทำงานเป็นศิลปินหลังจบการแข่งขัน เด็กฝึกหัดจากเกาหลีจะมีโอกาสได้ฐานแฟนที่ติดตาม AKB48 ไปจนถึงวงการเพลงญี่ปุ่นเพิ่มเติม (จากฐานผู้ชมที่แข็งแรงอยู่แล้วของรายการ PRODUCE 101 ตลอดสองซีซั่น) ในขณะที่แฟนรายการ PRODUCE 101 จากหลายประเทศก็จะมีโอกาสเริ่มต้นติดตามเรื่องราวของเด็กฝึกหัดชาวญี่ปุ่น ซึ่งที่จริงแล้วทุกคนทำงานในฐานะศิลปินและฝากผลงานไว้แล้วมากมายที่ญี่ปุ่น รอให้แฟนๆได้ค้นเจอเช่นกัน น่าสนใจว่ากลยุทธ์ในการโปรโมตของผู้ชนะจาก PRODUCE 48 อาจมีการผสมผสานโมเดลที่สร้างความสำเร็จให้กับ AKB48 มาแล้ว (อย่างเช่นการแสดงในเธียเตอร์หรืองานจับมือ) ได้ในอนาคต โดยมีความเป็นไปได้ที่อาจไม่ได้นำมาใช้โดยตรง แต่มาในรูปแบบของการที่ไอดอลผู้ชนะการแข่งขันในครั้งนี้จะถูกพบเจอได้ง่ายขึ้น มีพื้นที่ที่จะใกล้ชิดกับแฟนๆมากขึ้น ตรงนี้ถือเป็น Knowledge Sharing ที่น่าสนใจ เพราะแต่เดิมไอดอลเกาหลีนั้นมีความระมัดระวังในการรักษาระยะระหว่างศิลปินและแฟนคลับพอสมควร เมื่อผู้ชนะถูกดูแลร่วมกันโดยสองสังกัด ผู้ชมอาจมีโอกาสได้เห็นรูปแบบการโปรโมตใหม่ๆที่ไม่คาดคิดมาก่อนก็เป็นได้ รวมถึงเป็นการเพิ่มโอกาสที่ผู้ชมจะแชร์ความรู้เกี่ยวกับศิลปินในประเทศที่ตนเองชื่นชอบให้ผู้ชมอีกฝั่งได้ฟัง ซึ่งจะช่วยขยายฐานแฟนไปสู่ Content อื่นๆของทั้ง Mnet และ AKB48 ด้วยเช่นกัน “ONE DREAM” กำแพงที่กำลังจะหายไป เหลือเพียงเด็กฝึกหัดและผู้ชมที่มี “ความฝัน” ร่วมกัน ภาพที่กำลังเรียกเสียงชื่นชมหลังการออกอากาศเพียง 2 ตอนของ PRODUCE 48 คือการที่เด็กฝึกหัดทั้ง 2 ประเทศได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการทำภารกิจแรกของรายการ เหล่าเด็กฝึกหัดเกาหลีที่ถูกฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด ได้ใช้ทักษะที่มีเรียนรู้ท่าเต้น–ท่อนร้อง และช่วยเด็กฝึกหัดญี่ปุ่นที่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับระบบการ Training ที่เข้มข้นของการฝึกไอดอลเกาหลี รวมถึงปัญหาเรื่องภาษา เพื่อให้สามารถฝึกซ้อมตามกันได้ทัน ในขณะที่ความสดใส มุ่งมั่น เป็นธรรมชาติของเด็กฝึกหัดญี่ปุ่นก็ได้ค่อยๆเปลี่ยนทัศนคติต่อการเป็นไอดอล (ที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องมีเสน่ห์ด้านการแสดงบนเวทีเพียงอย่างเดียว) รวมถึงจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ เมื่อต้องเจอโจทย์การแข่งขันที่ไม่คุ้นเคย ไปยังเด็กฝึกหัดเกาหลีด้วยเช่นกัน กลายเป็นบรรยากาศการแข่งขันที่แม้จะเข้มข้น แต่ทำให้ผู้ชมได้เห็นถึงความสวยงามของ “ความฝัน” ที่มีร่วมกันของเด็กฝึกทั้ง 96 คน ซึ่งประกอบไปด้วยเด็กฝึกหัดจากเกาหลีจำนวน 57 คน และสมาชิกจาก AKB48 และวงสาขา จำนวน 39 คนด้วยกัน PRODUCE 48 การแข่งขันที่เพิ่งจะเริ่มต้น เพียงแค่การออกอากาศ 2 ตอนแรก รายการ PRODUCE 48 ประสบความสำเร็จทั้งในด้านเรตติ้งทางโทรทัศน์ที่เปิดตัวได้ใกล้เคียงกับซีซั่นที่ผ่านมา และเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในการออกอากาศตอนที่ 2 แสดงให้เห็นความสนใจอย่างต่อเนื่องจากผู้ชม ในขณะเดียวกันก็เริ่มเรียกความสนใจจาก Public ได้มากขึ้น นอกจากนี้ รายการยังคงรักษาอันดับการมีส่วนร่วมของผู้ชม ไม่ว่าจะเป็น Search Ranking ในสองประเทศ รวมถึงการพูดคุยผ่าน Hashtag ที่แม้แต่ในประเทศไทยเอง แท็ก #PRODUCE48 ครองอันดับ 1 และ 2 ระหว่างออกอากาศสดเช่นเดียวกัน โดยรายการมีแนวโน้มที่จะครองความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆตามความเข้มข้นของการแข่งขันซึ่งเป็นมาทุกซีซั่น จังหวะของการออกอากาศที่ถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี โดยเมื่อจบการออกอากาศในตอนที่ 1 จะถูกต่อยอดรายการด้วยกระแสจากวันประกาศผลงานเลือกตั้ง AKB48 53rd Single World Senbatsu General Election ก่อนจะเข้าสู่การออกอากาศในตอนที่ 2 (ที่ปูทางรอไว้แล้วสำหรับการเล่าเรื่องผลการเลือกตั้ง) หากเราสังเกตข้อความบนทวิตเตอร์ในปีนี้ จะพบว่ามีแฟนๆจากหลายประเทศจำนวนไม่น้อยที่ได้รับชมรายการ PRODUCE 48 กดเข้ามารับชมงานเลือกตั้งเป็นครั้งแรก เพราะต้องการรู้จักเด็กๆจาก AKB48 และวงสาขาให้มากขึ้น หรือแฟนๆของ AKB48 เอง เมื่อจบงานเลือกตั้งแล้ว ก็มีหลายเสียงที่อยากจะลองเริ่มติดตามรายการ PRODUCE 48 ต่อไป นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เห็นถึงพลังของ Content ที่ช่วยขยายฐานแฟนให้กับทั้งสองพันธมิตร และเป็นสัญญาณบวกในการเริ่มเปิดใจผู้ชมเพื่อต้อนรับว่าที่เกิร์ลกรุ๊ปใหม่ที่จะต้องพึ่งพาการสนับสนุนของโปรดิวเซอร์แห่งชาติทั้งสองประเทศในอนาคตอันใกล้นี้ ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ การออกอากาศในตอนที่ 3 ของ PRODUCE 48 จะเข้าสู่บรรยากาศของการแข่งขันที่แท้จริง หลังอุ่นเครื่องมาแล้วในรอบ Audition ซึ่งเด็กฝึกหัดทุกคนได้รับการตัดเกรด A-F จากคณะกรรมการจากโชว์ที่แต่ละคนเตรียมตัวมาเอง เมื่อเข้าสู่ภารกิจแรกของรายการ เด็กฝึกหัดทุกคนจะต้องฝึกฝนการแสดงเพลง Pick Me ซึ่งเป็นเพลงธีมของรายการในปีนี้ แถมยังมีความท้าทายใหม่ คือ การฝึกร้องและเต้นในทั้งภาษาเกาหลีและญี่ปุ่น ภายในระยะเพียงเวลา 3 วันเท่านั้น ก่อนจะถ่ายทำ VDO เดี่ยวเพื่อส่งเข้ารับการ Re-grade จากคณะกรรมการซึ่งจะเป็นการประกาศเกรดครั้งสุดท้าย และบอกถึงตำแหน่งยืนของเด็กฝึกหัดแต่ละคนบนเวทีในการถ่ายทำ Music Video และขึ้นแสดงในรายการต่างๆ โดยพื้นที่ที่ดีที่สุดเท่านั้นที่จะการันตีสปอตไลต์จากเหล่าโปรดิวเซอร์แห่งชาติ และจะมีผลอย่างยิ่งต่อการโหวตจัดลำดับที่กำลังจะเกิดขึ้น ก่อนจะเข้าสู่ภารกิจในรอบถัดไป โดยเราจะทราบผลเกรดสุดท้ายของเหล่าเด็กฝึก และการเตรียมตัวรับภารกิจใหม่กันในตอนที่ 3 นี้ อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ก็คงได้เวลาที่เราจะได้เริ่มทำหน้าที่โปรดิวเซอร์แห่งชาติ (อีกครั้ง) ด้วยการเปิดดูรายการและค้นหาเด็กฝึกหัดที่ชื่นชอบกันแล้วค่ะ It’s Showtime ! 😀