[7/10] รีวิว ‘Avengers : Infinity War’ สนุก แต่อาจไม่ประทับใจมากนัก (มีสปอยด์นิดนึงอ่านได้) หลังรอคอยมายาวนานถึง 6 ปีนับตั้งแต่มีการเปิดตัวว่าจักรวาลมาร์เวลจะมีตัวร้ายชื่อทานอส เป็นบอสใหญ่ตัวสุดท้ายใน The Avengers ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลงแล้วเมื่อ Avengers Infinity War เข้าฉาย และผลตอบรับของภาพยนตร์เรื่องมีเสียงแตกไปทั้งสองฝั่ง มีทั้งชอบสุดๆ และไม่ชอบเพราะผิดหวัง แล้วเราล่ะรู้สึกอย่างไรทำไมถึงให้ 7 เต็ม 10 อยากมาชวนแลกเปลี่ยนกันในรีวิวนี้ Avengers Infinity War เป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 19 ของจักรวาล Marvel Cinematic Universe ซึ่งภาคนี้กำกับด้วยสองพี่น้อง ‘แอนโทนี รุสโซ’ และ ‘โจ รุสโซ’ ที่ผ่านมาพวกเขากำกับภาพยนตร์ฮีโร่มาแล้วสองเรื่องก่อนหน้านั้นคือ Captain America : The Winter Soldier Captain America : Civil War ครั้งนี้ทั้งคู่ได้รับความไว้ใจจาก Marvel Studio ให้กำกับหนังมหากาพย์ปิดตำนานฮีโณ่ นั่นแปลว่าพวกเขาต้องสามารถคุมหนังได้แบบเอาอยู่ หนังที่เชื่อมจักรวาล MCU ซึ่งถูกคาดหวังไว้สูง เกริ่นนำสั้นๆ ก่อนว่าจักรวาลมาร์เวลเฟส 3 นั้นหนึ่งในโปรเจคต์ยักษ์คือ Infinity War ซึ่งแฟนมาร์เวลรู้ดีว่าที่ปูเรื่องมาทั้งหมดตั้งแต่ Iron Man จนถึงวันนี้ก็เพื่อที่จะมาเชื่อมจักรวาลทั้งหมดก่อนจะเปลี่ยนผ่านไปสู่เรื่องราวใหม่ของฮีโร่ตัวใหม่ที่รอการปั้นทั้งสไปร์เดอร์แมน แบล็คเเพนเธอร์ กัปตันมาร์เวล และเเอนท์แมน จึงไม่แปลที่คนจะคาดหวังความสมบูรณ์แบบ เพราะอุตสาห์ปูเรื่องมายาวนานตั้ง 10 ปี พูดถึงบทสรุปสุดท้ายสักทีก็ต้องยิ่งใหญ่หน่อย แน่นอนความคาดหวังนี่แหละที่นำมาซึ่งเสียงวิจารณ์ในแง่ลบว่า Infinity War สนุกนะ แต่อาจจะยังไม่ดีพอ แม้ผู้กำกับจะเป็นสองพี่น้องรุสโซ ที่ทำกัปตันอเมริกาทั้งสองภาคออกมาได้สนุกสุดยอดก็มีคนรู้สึกผิดหวัง หากมองในฐานะแฟนบอยที่ติดตามหนังมาร์เวลทุกเรื่อง (ไม่ได้โม้พูดจริง) เราก็คิดว่าเขาทำหนังออกมาได้สนุก ลุ้นมือจิกเบาะในบางฉาก แต่รู้สึกว่าขาดความยิ่งใหญ่ที่คิดไว้ในหัว ซึ่งไม่แน่ใจว่านี่คือการกั๊ก แล้วไปปล่อยหนักๆ ใน Avengers 4 หรือเปล่า ภาพรวมของเราจึงรู้สึกว่า “หนักมือกว่านี้อีกก็ได้นะพี่ อย่ายั้ง…” เนื้อเรื่องเข้มข้น ไม่ยืดเยื้อแม้หนังจะนาน 150 นาที ถึงแม้เราจะรู้สึกว่า ‘ไม่อิ่ม’ แต่อย่างไรก็ตามเนื้อเรื่องของ Infinity War นั้นกลับไม่น่าเบื่อเลย อาจจะเพราะเนื่องจากเรื่องราวของทานอสถูกปูมาแล้วในเอนเครดิตของหนังในจักรวาลมาร์เวลหลายเรื่องแล้วจึงไม่ต้องมานั่งปูเรื่องอะไรอีก มาถึงก็ใส่ยับโชว์ความโฉดของทานอสตั้งแต่ฉากแรก แม้ฮีโร่จะออกมากันเยอะระดับหลักสิบกว่าตัว แต่มีการเฉลี่ยเรื่องราวออกมาได้เท่าๆ กันไม่รู้สึกหนักหรือเอียงไปที่ใคร ในเรื่องจะแบ่งเรื่องราวของฮีโร่ออกเป็นสี่กลุ่มคือ กลุ่มบนดาวโลกที่นำทีมโดยกัปตันอเมริกา, กลุ่มที่ดาวไททันนำโดยไอรอนแมน ,กลุ่มที่พาธอร์ไปตีค้อนใหม่ และกลุ่มที่ไปดาวไททัน การดำเนินเรื่องนั้นไม่ได้ปล่อยให้เราพักหายใจหายคอ ไม่ได้รู้สึกเบื่อยิ่งสองฉากใหญ่ช่วงท้ายทั้งการต่อสู้บนดาวไททัน และดาวโลกยิ่งทำให้เราเอาใจช่วยฮีโร่ทุกคนอย่าใครตายไปมากกว่านี้เลย หรือถ้าตายก็อยากให้ตายเท่ๆ อย่าตายแบบไม่ให้ราคาเลย ปรากฎว่ามีฮีโร่ตาย (ไม่บอกว่ากี่คน) และเป็นความตายที่เท่มากๆ มันต้องอย่างงี้ ตายคือตาย อย่าไปอิดออด (ถึงบางตัวเราจะรู้อยู่แล้วว่าไม่ตายจริงหรอก) เนื้อเรื่องเข้มข้น ไม่ยืดเยื้อแม้หนังจะนาน 150 นาที ถึงแม้เราจะรู้สึกว่า ‘ไม่อิ่ม’ แต่อย่างไรก็ตามเนื้อเรื่องของ Infinity War นั้นกลับไม่น่าเบื่อเลย อาจจะเพราะเนื่องจากเรื่องราวของทานอสถูกปูมาแล้วในเอนเครดิตของหนังในจักรวาลมาร์เวลหลายเรื่องแล้วจึงไม่ต้องมานั่งปูเรื่องอะไรอีก มาถึงก็ใส่ยับโชว์ความโฉดของทานอสตั้งแต่ฉากแรก แม้ฮีโร่จะออกมากันเยอะระดับหลักสิบกว่าตัว แต่มีการเฉลี่ยเรื่องราวออกมาได้เท่าๆ กันไม่รู้สึกหนักหรือเอียงไปที่ใคร ในเรื่องจะแบ่งเรื่องราวของฮีโร่ออกเป็นสี่กลุ่มคือ กลุ่มบนดาวโลกที่นำทีมโดยกัปตันอเมริกา, กลุ่มที่ดาวไททันนำโดยไอรอนแมน ,กลุ่มที่พาธอร์ไปตีค้อนใหม่ และกลุ่มที่ไปดาวไททัน การดำเนินเรื่องนั้นไม่ได้ปล่อยให้เราพักหายใจหายคอ ไม่ได้รู้สึกเบื่อยิ่งสองฉากใหญ่ช่วงท้ายทั้งการต่อสู้บนดาวไททัน และดาวโลกยิ่งทำให้เราเอาใจช่วยฮีโร่ทุกคนอย่าใครตายไปมากกว่านี้เลย หรือถ้าตายก็อยากให้ตายเท่ๆ อย่าตายแบบไม่ให้ราคาเลย ปรากฎว่ามีฮีโร่ตาย (ไม่บอกว่ากี่คน) และเป็นความตายที่เท่มากๆ มันต้องอย่างงี้ ตายคือตาย อย่าไปอิดออด (ถึงบางตัวเราจะรู้อยู่แล้วว่าไม่ตายจริงหรอก) แทรกความฮาสมกับเป็นมาร์เวล หนังมาร์เวลมีเสน่ห์ที่ความฮาด้วยไม่ใช่แค่ซัดกันนัว ซึ่งใน Infinity War ก็ไม่ได้ทำให้หนังดูเครียดทั้งเรื่อง แต่ยังแฝงมุกอยู่ในทุกช่วงเวลา ต่อให้เป็นฉากต่อสู้หน้าสิ่วหน้าขวานแค่ไหน ก็ยังอุตสาห์จะเล่นมุกอีกเนอะ ซึ่งน่ารักดี หลายซีนติดอยู่ในใจเราแม้จะเดินออกจากโรงแล้วก็ตาม สิ่งที่อยากชมมาร์เวลคือเซ้นส์ของมุกตลกนั้นมีเสน่ห์มากกว่าในหนังฮีโร่ของดีซี (เราขอบหนังฮีโร่ทุกเรื่องไม่เกี่ยวค่ายต้องออกก่อน เดี๋ยวจะหาว่าลำเอียง) อย่างใน Justice League เราก็ชอบในมุกที่แทรกอยู่ในหนังแต่มันไม่ได้มีจังหวะที่เราชอบทั้งหมด หลายมุกแค่หึหึ ไม่ได้ฮาก๊ากเหมือนใน Infinity War มิติของตัวละครและการแบ่งความสำคัญทำได้ดี ที่อยากจะชมมากๆ คือตัวละครใน Infinity War ไม่ได้แบนราบหรือเล่าแต่เรื่องราวของฮีโร่ แต่ยังแบ่งเวลากว่าครึ่งของหนังเพื่อเล่าเรื่องของทานอสทั้งความวิบัติฉิบหายที่ทานอสทำ และจิตใจของทานอส ที่ทำให้เราได้เห็นว่า เฮ้ย! ทานอสก็มีจิตใจ มีความคิดนี่หว่า ไม่ใช่แค่ยักษ์บ้าไล่ล้างจักรวาล สิ่งที่ทานอสทำมีที่มาที่ไป มีเหตุผล แต่วิธีการมันสุดโต่งไปหน่อยเท่านั้นเอง ซึ่งความมีมิติของตัวละครไม่แบนนี่แหละเป็นเสน่ห์ของมาร์เวล แต่ก็อยู่ที่ว่ามาร์เวลจะใช้มิติของตัวละครได้อย่างสมบูรณ์จนจบหรือไม่ แต่ในภาคนี้ทำได้ดีมากจนกระทั่งจบเรื่อง เสน่ห์ของหนังฮีโร่ของมาร์เวลไม่ใช่ใครหมัดหนักกว่าก็ได้เปรียบ ดังนั้นต่อให้เป็นฮีโร่ระดับพลังมนุษย์อย่างแบล็ควิโดว์ ก็ยังมีบทบาทที่เป็นไปได้ในการต่อสู้ มิติของตัวละครและการแบ่งความสำคัญทำได้ดี ที่อยากจะชมมากๆ คือตัวละครใน Infinity War ไม่ได้แบนราบหรือเล่าแต่เรื่องราวของฮีโร่ แต่ยังแบ่งเวลากว่าครึ่งของหนังเพื่อเล่าเรื่องของทานอสทั้งความวิบัติฉิบหายที่ทานอสทำ และจิตใจของทานอส ที่ทำให้เราได้เห็นว่า เฮ้ย! ทานอสก็มีจิตใจ มีความคิดนี่หว่า ไม่ใช่แค่ยักษ์บ้าไล่ล้างจักรวาล สิ่งที่ทานอสทำมีที่มาที่ไป มีเหตุผล แต่วิธีการมันสุดโต่งไปหน่อยเท่านั้นเอง ซึ่งความมีมิติของตัวละครไม่แบนนี่แหละเป็นเสน่ห์ของมาร์เวล แต่ก็อยู่ที่ว่ามาร์เวลจะใช้มิติของตัวละครได้อย่างสมบูรณ์จนจบหรือไม่ แต่ในภาคนี้ทำได้ดีมากจนกระทั่งจบเรื่อง เสน่ห์ของหนังฮีโร่ของมาร์เวลไม่ใช่ใครหมัดหนักกว่าก็ได้เปรียบ ดังนั้นต่อให้เป็นฮีโร่ระดับพลังมนุษย์อย่างแบล็ควิโดว์ ก็ยังมีบทบาทที่เป็นไปได้ในการต่อสู้ ฉากใหญ่ทำได้มัน! ออกแบบการต่อสู้ได้สนุกลุ้นมือจิกเบาะ ฉากต่อสู้นี่ต้องบอกว่า สนุกสัXcxv*76&cv-0e-gxbs90cspviaw มันฉิบห@vopwjpsauif88s59paovli0-3v;.av (ไม่ได้พิมพ์ผิดนะแต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง) เอาเป็นว่าโคตรสนุกลุ้นเอาใจช่วยเพราะถ้าปกติหนังฮีโร่มันก็ออกมาแนวเดิมคือธรรมะชนะอธรรม แต่คราวนี้เหมือนจะไม่ใช่สักทีเดียว เพราะสถานการณ์เอียงไปทุกทาง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฮีโร่บนโลกแทบจะจนมุม หาทุกสรรพวิธีมาใช้ ในระหว่างต่อสู้มีเซอร์ไพร้ส์มากมาย โดยเฉพาะฉากใหญ่บนดาวไททันกับฉากที่วากานด้า เป็นการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าเป็นการแลกกันของจริง ไม่ได้ฝ่ายใดฝ่ายนึงโดนยำตีนอย่างเดียว แต่เป็นการสลับกันยำตีนวัดกันที่ความเท่ล้วนๆ ในจังหวะทีเด็ดทีขาด หรือจังหวะจุดเปลี่ยนก็ทำได้ดีมาก กระทั่งตอนจบก็ทำให้เรารู้สึกว่า…. เมื่อไหร่จะปีหน้าโว้ยยย รอไม่ไหวแล้ว อย่างไรก็ตาม เรารู้สึกว่ายังไม่สุด มันยังใส่ยับได้อีกซึ่งเราคิดว่าภาคสองคงจะใส่ยับมากกว่านี้แน่ๆ บทสรุป ไปดูเถอะถ้าคุณเป็นแฟนมาร์เวล แม้ไม่ดูมาครบทุกเรื่องและอาจจะต้องใช้ความคิดนึงนึงว่า “เอ้…เมื่อกี้หมายถึงอะไร” แต่คุณจะสนุกไปกับมัน ตอนจบบางคนอาจจะไม่ชอบ แม้จะจบเคลียร์มากแล้วก็เถอะ มีเอนเครดิต ต้องดูเลย!! เช็กรอบหนัง บท 80% การลำดับเรื่อง 70% ภาพ 75% จังหวะตัดต่อ 65% นักแสดง 90% คะแนนรวม 70%