5 โรคฮิตที่มาพร้อมกับซัมเมอร์

Writer : nardpradabt

: 20 เมษายน 2561

5 diseases with summer

หน้าร้อน นอกจากความร้อน กลิ่นอายซัมเมอร์ วันหยุด ชุดบิกินี่ บัตรสวนสยาม ดรีมเวิลด์ลดราคา ก็ต้องมี 5 โรคฮิตนี้ตามมาแน่นอน เพราะ อย่างที่รู้กันว่า อากาศที่ร้อนเหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคอย่างมาก โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุการเกิดโรคระบบทางเดินอาหาร ตามไปดูดีกว่าว่า จะมีโรคฮิตที่มากับหน้าร้อน มีโรคอะไรบ้าง

5 โรคที่มากับหน้าร้อน ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ โรคบิด ไข้รากสาดน้อยหรือไข้ไทฟอยด์ และ โรคอหิวาตกโรค ข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานในปี 2560 พบผู้ป่วย 5 โรคนี้รวม 1,120,372 ราย เสียชีวิต 7 ราย ในรอบ 2 เดือน.  ปี 2561 พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษแล้ว 262,572 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งทำให้หน้าร้อน นี่ ร้ายกว่าที่เราคิดไว้เยอะ

1. โรคอุจจาระร่วง

เป็นโรคที่พบว่าคนเป็นมากอันดับ 1 ต้นเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส พยาธิ ที่จะมากับอาหาร และเครื่องดื่มที่ไม่สะอาด หรือ เกิดจาก ภูมิแพ้ จากสารก่อภูมิแพ้ มักพบในอาหาร หรือ ยาบางชนิด และ การขาดสารอาหาร ความสามารถในการสร้างน้ำย่อยลดลง

อาการของโรคอุจจาระร่วง

จะมีไข้ต่ำๆ เป็นหวัด มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ที่สำคัญคือ ถ่ายอุจจาระเหลว หรือ มูกเลือดปะปนออกมา ถ่ายเหลวเป็นน้ำเกินกว่า 3 ครั้ง/วัน ละหากมีการถ่ายอุจจาระในลักษณะดังกล่าวนานเกิน 2 สัปดาห์ ถือว่าเป็นโรคอุจจาระร่วงแบบเรื้อรัง

การรักษา

ดื่มน้ำสะอาด หรือ น้ำเกลือแร่ ทดแทนน้ำที่สูญเสียจากการอุจจาระเหลว และ ถ้าอาการหนักมาก อาจใช้ร่วมกับยาที่แพทย์สั่ง หรือ สามารถซื้อยาแก้ท้องร่วงมาแทนในการรักษาเบื้องต้นได้

การป้องกันโรค

ดูแลรักษาสุขอนามัยของตัวเองให้ดี เรื่องอาหารต้องให้ความใส่ใจ การปรุงอาหารที่สุกใหม่ สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารสุกๆดิบๆ หรือ ดิบไปเลย และ สุขอนามัยในการเข้าห้องน้ำ การใส่ใจการล้างมือทุกครั้งที่ออกจากห้องน้ำ การใช้ห้องน้ำที่ถูกสุขลักษณะ รวมถึง ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ควรระวังหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่อาจทำให้เกิดอาหารภูมิแพ้ท้องร่วงได้ รวมถึงการรับประทานยาชนิดต่างๆควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อน

2. โรคอาหารเป็นพิษ

เป็นโรคที่เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำดื่มที่มีการปนเปื้อน ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อาการส่วนใหญ่จะไม่ร้ายแรง แต่หากเกิดอาการรุนแรงขึ้นอาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะเสียน้ำและเกลือแร่จนเป็นอันตรายได้ อาหารเป็นพิษสามารถเกิดขึ้นกับทุกเพศ ทุกวัย ทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆ

อาการของโรคอาหารเป็นพิษ

รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนติดต่อกันหรือหลายครั้ง เกิดอาการปวดท้องแบบบิดเกร็ง เป็นพักๆ เนื่องจากการบีบตัวของลำไส้ เกิดการถ่ายอุจจาระที่มีมูกหรือเลือดปน มีอาการสูญเสียน้ำ เช่น รู้สึกอ่อนเพลีย กระหายน้ำ ปัสสาวะน้อย ไม่อยากหาร เบื่ออาหาร จนถึง อาการด้านระบบประสาท เช่น มองไม่ชัด เหน็บชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นต้น

การรักษา

ดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่หรือผงเกลือแร่ทดแทนการสูญเสียน้ำและแร่ธาตุในร่างกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่ออาการดีขึ้น ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย ควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน น้ำอัดลม อาหารไขมันสูง อาหารรสชาติจัด ถ้าเกิดอาการรุนแรงอาจให้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ยาบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือทำการรักษาตามสาเหตุการเกิด

การป้องกัน

ดูแลรักษาอนามัยที่ดีส่วนบุคคล เริ่มจากการรักษาความสะอาด การให้ความสำคัญกับการล้างมือ ก่อนรับประทานอาหาร และ หลังการขับถ่าย การรับประทานอาหารที่ดี สุก สดใหม่ และ สะอาด เพื่อป้องกันโรคอาหารเป็นพิษในหน้าร้อนนี้ ให้มั่นใจว่าอาหารที่เรารับประทานนั้นปลอดภัยกับเราจริงๆ

3.โรคบิด

คืออาการท้องเสียอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียชิเกลลา (Shigella) หรือเกิดจากติดเชื้อจากสัตว์เซลล์เดียวอย่างตัวอะมีบา (E. histolytica) โดยอาการหลัก ๆ ของโรคบิดที่พบได้แก่ อาการท้องเสีย ถ่ายอุจจาระบ่อย เมื่อถ่ายอุจจาระจะมีมูกหรือมูกเลือดออกมาด้วย และปวดท้องเป็นพักๆ

อาการของโรคบิด

เกิดอาการท้องเสียรุนแรง โรคบิดจะมีอาการอุจจาระเป็นน้ำ มีมูกหรือมูกเลือดปนออกมากับอุจจาระ ร่วมกับอาการปวดเกร็ง ปวดบีบที่ท้องเป็นพัก ๆ คลื่นไส้ อาเจียน และมีไข้ขึ้นสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ซึ่งหากเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียในโรคบิดชนิดไม่มีตัว ก็อาจหายได้โดยไม่ต้องทำการรักษาใด ๆ แต่ส่วนใหญ่ต้องรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อ  หากเป็นโรคบิดชนิดมีตัว นอกจากอาการข้างต้นแล้ว ตัวอะมีบาก็อาจเข้าไปสู่กระแสเลือด และแพร่ไปยังอวัยวะภายในต่าง ซึ่งตัวอะมีบาจะเข้าไปทำให้เนื้อเยื่อในอวัยวะถูกทำลาย หรือก่อให้เกิดฝีที่อวัยวะต่าง ๆ และนำไปสู่อาการติดเชื้อ หรืออาการอื่น ๆ ที่รุนแรงขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที จะทำให้เสียชีวิตได้

การรักษา

สำหรับกรณีที่ไม่รุนแรง สามารถหายเองได้ ไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยยา แต่ถ้ารุนแรงต้องได้รับการรักษาด้วยยา และ ต้องได้รับการรักษากับแพทย์เนื่องจากมีความอันตรายถึงชีวิต จากเชื้อโรค และ ภาวะแทรกซ้อน

การป้องกัน

ให้ความสำคัญในการักษาความสะอาด ล้างมือทำความสะอาดทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ ล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น      ดื่มน้ำที่สะอาด ปลอดภัย

4.โรคไข้ไทฟอยด์

เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Salmonella Typhi ซึ่งเกิดโดยเฉพาะกับเด็ก เป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ จากการปนเปื้อนของน้ำและอาหารหรือการสัมผัสกับผู้ที่มีเชื้อนี้ โดยมีอาการที่พบได้ทั่วไป เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องผูกและท้องเสีย

อาการของโรคไข้ไทฟอยด์

อาการเด่นชัดจะเริ่มในสัปดาห์ที่ 3-4 เริ่มจากการไข้ขึ้นสุง ปวดหัว เบื่ออาหาร อ่อนแรง ซึม เหงื่อออก ท้องเสีย ปวดท้อง หากไม่ได้รับการรักษา อาจจะมีอาการเพ้อเพราะพิษไข้ อ่อนเพลีย ซึม ปิดตาได้ไม่สนิท หรือปิดตาลงได้ครึ่งเดียว รวมถึงอาจมีความรุนแรงจนทำให้เกิดอาการโคม่า

การรักษา

สามารถพักรักษาได้เองที่บ้าน ในราที่รุนแรงต้องทำการรักษากับแพทย์

การป้องกัน

สุขลักษณะในการทำความสะอาด และ การรับประทานอาหารที่ปลอดภัย สะอาด ดื่มน้ำดื่มที่สะอาด ไม่ปนเปื้อน เนื่องจากเป็นดรคที่สามารถแพร่สู่คนอื่นได้ ผู้ป่วยจึงต้องทานยาให้ครบตามแพทย์สั่ง ล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงการใช้มือจับอาหาร จนกว่าจะหายขาด โดยแพทย์สั่ง

5. โรคอหิวาตกโรค

คือโรคท้องร่วงรุนแรงที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย วิบริโอ โคเลอรี (Vibrio Cholerae) ภายในลำไส้ ซึ่งผู้ป่วยได้รับเชื้อจากการรับประทานอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนแบคทีเรียชนิดนี้ ผู้ที่ได้รับเชื้อมักปรากฏอาการของโรคในระดับอ่อน และบางครั้งก็รุนแรงได้ โดยประมาณ 1 ใน 10 หรือคิดเป็นร้อยละ 5-10 ของผู้ป่วย จะมีอาการรุนแรง ได้แก่ ถ่ายเหลวเป็นน้ำมาก อาเจียน ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็วและนำไปสู่ภาวะขาดน้ำและช็อคได้ หากไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยสามารถเสียชีวิตภายในไม่กี่ชั่วโมง

อาการของโรคอหิวาตกโรค

ท้องร่วงอย่างรุนแรง เกิดจากการติดเชื้ออหิวาต์นั้นจะเกิดขึ้นทันทีและอาจก่อให้เกิดการสูญเสียของเหลวในร่างกายซึ่งถือว่าอันตราย ผู้ป่วยอาจสูญเสียน้ำในร่างกายมาก ลักษณะของอุจจาระจะเหลว โดยภายในอุจจาระมีเกล็ดสีขาวซึ่งเป็นเมือกหรือเนื้อเยื่อของกระเพาะอาหารขนาดเท่าเม็ดข้าว และอาจมีกลิ่นเหม็นคาว เกิดอาการ คลื่นไส้ อาเจียน และ เกิดอาการขาดน้ำตามมาเนื่องจากสุญเสียน้ำในร่างกาย อาการอื่นๆ เช่น ซึม หงุดหงิดง่าย ปัสสาวะน้อย ความดันต่ำ หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นตะคริว และ อาจเกิดอาการช็อค

การรักษา

การดื่มน้ำเกลือแร่ หรือ ผงเกลือแร่ เพื่อทดแทนน้ำและแร่ธาตุที่ร่างกายสูญเสียไป การร่วมด้วยกับยาปฏิชีวนะ และ การได้รับแร่ธาตุสังกะสี เพื่อช่วยลดและย่นระยะเวลาที่เกิดขึ้น

การป้องกัน

ล้างมือให้สะอาด รับประทานอาหารปรุงสุก สะอาด ดื่มน้ำสะอาด ไม่ปนเปื้อน ไม่รับประทานอาหารสุกๆดิบๆ และ ระวังผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเนยนม (เรื่องนมที่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ เพราะจะปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย)

ที่มา :  .pobpad  และ bangkokbiznews

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save