[7.7/10] รีวิว Ghost in the Shell น้อยครั้งที่จะเห็นฮอลลีวูดส์สร้างหนังที่มีต้นแบบมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น และถ้าได้สร้างมาเมื่อไหร่ โอกาสแป๊กแทบจะมีสูงลิบ แต่พอมีข่าวว่า ‘Ghost in the Shell’ การ์ตูนระดับตำนานจะถูกสร้างเป็นหนัง พร้อมกับเฉลยว่า ‘สกาเล็ต โจฮัดสัน’ รับบทนำ ก็ทำให้คนดูใจชื้นขึ้นมาบ้าง ไม่นานหลังจากนั้นก็มีตัวอย่างหนังปล่อยออกมาให้เห็น และปรากฎว่าผลตอบรับดี และจากตัวอย่างก็ดูเหมือนว่าจะเคารพต้นฉบับที่เป็นมังงะแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว คนดูหนังเลยคาดหวังว่าหนังเรื่องนี้อย่างน้อยที่สุดไม่จะพลาด รู้จักกับ Ghost in the Shell + Ghost in the Shell เป็นมังงะผลงานวาดของ ‘ชิโระ มาซามูเนะ’ นักวาดการ์ตูนรุ่นเก๋า + ตีพิมพ์ครั้งแรกภายใต้ลิขสิทธิ์ของโคดันฉะ เมื่อปี 1986 ในลักษณะการ์ตูนชุดจบในเล่ม + ชื่อในภาษาญี่ปุ่นคือ Kôkaku Kidôtai + เนื้อเรื่องพูดถึงญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 21 (คนละไทม์ไลน์กับในภาพยนตร์) ซึ่งเป็นยุคที่คนกับหุ่นยนต์มีความเกี่ยวข้องกัน และ ‘ผู้พันโมโตโกะ คุซานางิ’ เจ้าหน้าที่ขององค์กร Public Security Section 9 ที่มีร่างกายเป็นไซบอร์ค แต่มีสมองและความรู้สึกนึกคิดเป็นมนุษย์ ทำหน้าที่คอยปราบปรามอาชญากรไซบอร์ค + Ghost in the Shell เป็นการ์ตูนที่ล้ำมากๆ ในยุคนั้น การ์ตูนไม่ได้บู๊มาก ออกแนวเชิงสอบสวน ผสมฉากบู๊ ที่แฝงเรื่องปรัชญญา จิตวิญญาณ และตัวตนของการมีอยู่ไม่ว่าจะเป็นคนหรือ AI + ความที่การ์ตูนฮิตมาก จึงถูกสร้างเป็นแอนิเมชั่นฉายโรงถึงสองภาคคือ Ghost in the shell (1995) และ Innocence (2004) + ส่วนแอนิเมชั่นซีรีย์ถูกสร้างออกมาสามซีซั่นคือ Stand Alone Complex, Stand Alone Complex 2nd GIG และ Stand Alone Complex Solid State Society ซึ่งเนื้อเรื่องในซีรีย์กับหนังโรงหนังเกิดขึ้นคนละจักรวาลกัน + ถือเป็นการ์ตูนขึ้นหิ้งระดับตำนาน ที่ว่ากันว่าเป็นแรงบันดาลใจของ The Matrix เลยทีเดียว เมื่อ Ghost in the Shell ลุยจอเงินในฐานะไลฟ์แอคชั่น การสร้างแอนิเมชั่นให้ออกมาในรูปแบบของไลฟ์แอคชั่นนั้นไม่แปลกที่จะถูกสาวกของ Ghost in the Shell ตั้งคำถามว่าหากทำออกมาแล้วจะดีหรือไม่ แต่จากตัวอย่างภาพยนตร์ การเคสติ้งนักแสดงทั้งบทของผู้พันโมโตโกะ, บาดู, โทงุสะ หรือหัวหน้าหน่วยไดสุเกะ อารามากิ และฉากไฮไลท์หลายฉากถือว่าทำได้ดี มีความเคารพต้นฉบับอย่างไม่ตัดทอน ถึงจะยังไมไ่ด้เผยเนื้อเรื่องใดออกมา แต่การแสดงให้เห็นถึงความเคารพต่อต้นฉบับก็ได้ใจคนดูไปเกินครึ่งแล้ว กระนั้นก็มีกระแสบ่นนิดๆ ว่าผู้พันโมโตโกะ เป็นคนญี่ปุ่น แต่ทำไมถึงเอาสการ์เล็ต มารับบทนำล่ะ ทำไม่ไม่เอานักแสดงญี่ปุ่น หรือนักแสดงเอเชียมารับบทแทน แต่ ‘สตีเว่น พอล’ โปรดิวเซอร์ของโปรเจค นี้บอกว่า อย่าคิดว่าหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นให้มองภาพกว้างว่าเนื้อเรื่องสากลมาก อย่างให้มองว่าโลกในหนังมันคือโลกทั้งใบ ดังนั้นในหนังเราจะได้เห็นคนหลายเชื้อชาติปรากฎอยู่ แม้ดูเหมือนไม่ตอบโจทย์ แต่คำถามของข้อสงสัยนี้ก็อยู่ในหนังเรียบร้อย ดังนั้นใครที่สงสัยถ้าได้ดูหนังก็จะกระจ่างเองว่าทำไม เนื้อเรื่องต่างจากการ์ตูน เส้นเรื่องหลักเล่าถึง ‘ผู้พันมีร่า คิลเลี่ยน’ ไซบอร์กที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยบริษัทแฮงก้า ร่างกายทั้งหมดเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาโดยมนุษย์แต่มีเพียงสมองเท่านั้นที่ยังเป็นของคน เธอถูกช่วยชีวิตเอาไว้เนื่องจากโดนโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายจนสูญเสียร่างกายไปทั้งหมด เหลือแค่สมองเท่านั้นที่ยังใช้งานได้ ทางฮันก้า จึงทำการทดลองปลุกชีพเธอขึ้นมาใหม่โดยใช้วิทยการที่สุดยอดเพื่อสร้างไซบอร์กที่มีจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์อยู่ภายใน ซึ่งเธอคือต้นแบบที่ทำได้ หนึ่งปีให้หลังเธอถูกบรรจุเข้าเป็นหนึ่งในผู้นำหน่วยต่อต้านการกระทำผิดโดยไซบอร์ก วันหนึ่งผู้พันมีร่า โดนแฮคเพราะทำภารกิจแล้วพลาด จนทำให้เธอสงสัยถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง และเริ่มสงสัยในความทรงจำสุดท้ายของมนุษย์ก่อนตายที่เธอพอจะเหลืออยู่ว่าสุดท้ายอะไรจริง อะไรไม่จริง โดยมีคนที่พยายามจะหยุดยั้งการตามหาความจริงของเธอเพื่อผลอะไรบางอย่าง เนื้อเรื่องต่างจากการ์ตูน แต่สมบูรณ์ในรายละเอียด สำหรับ Ghost in the Shell ฉบับจอเงินนั้นเนื้อเรื่องไม่ตรงกับในมังงะ แต่ก็ยังยึดโยงแก่นของเรื่องที่ว่าด้วยเรื่องของจิตวิญญาณความเป็นคน และการเชื่อมั่นทุกสิ่งย่อมอยากมีตัวตนไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือปัญญาประดิษฐ์ เส้นเรื่องหลักเล่าถึง ‘ผู้พันมีร่า คิลเลี่ยน’ ไซบอร์กที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยบริษัทแฮงก้า ร่างกายทั้งหมดเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาโดยมนุษย์แต่มีเพียงสมองเท่านั้นที่ยังเป็นของคน เธอถูกช่วยชีวิตเอาไว้เนื่องจากโดนโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายจนสูญเสียร่างกายไปทั้งหมด เหลือแค่สมองเท่านั้นที่ยังใช้งานได้ ทางแฮงก้า จึงทำการทดลองปลุกชีพเธอขึ้นมาใหม่โดยใช้วิทยการที่สุดยอดเพื่อสร้างไซบอร์กที่มีจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์อยู่ภายใน ซึ่งเธอคือต้นแบบที่ทำได้ หนึ่งปีให้หลังเธอถูกบรรจุเข้าเป็นหนึ่งในผู้นำต่อต้านการกระทำผิดโดยไซบอร์ก ซึ่งมี ‘อารามากิ ไดสุเกะ’ (ทาเคชิ คิตาโน่) เป็นผู้นำองค์กร Section 9 เธอนำทีมทำภารกิจต่างๆ มากมายในฐานะผู้พัน วันหนึ่งผู้พันมีร่า เกิดโดนแฮคเพราะทำภารกิจแล้วพลาด จนทำให้เธอสงสัยถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง และเริ่มสงสัยในความทรงจำสุดท้ายของมนุษย์ก่อนตายที่เธอพอจะเหลืออยู่ว่าสุดท้ายอะไรจริง อะไรไม่จริง โดยมีชายปริศนาชื่อ ‘คูเซ่’ (ไมเคิล พิทท์) มาบอกความจริงถึงตัวตนที่เธออยากจะรู้ โดยมีคนที่พยายามจะหยุดยั้งการตามหาความจริงของเธอเพื่อผลอะไรบางอย่าง เคารพต้นฉบับไว้ในหลายจุด แม้เนื้อเรื่องจะไม่ตรงกับต้นฉบับทั้งในซีรีย์ และแอนิเมชั่นจอเงิน แต่หลายฉากที่แฟนๆ ของแอนิเมชั่นเรื่องนี้หุ้นเคยในหนังให้เห็นทั้งหมด ซึ่งที่เห็นในตัวอย่างนั้นเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกหลายฉาก หรือบางรายละเอียดที่ไม่สามารถเล่าได้เพราะจะเป็นการสปอยด์ ก็ยังคงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ รวมไปถึงมุมกล้องที่เห็นในหนัง หลายช็อตเรียกว่าหลุดออกมาจากอนิเมะเลย ซึ่งถ้าเราเป็นแฟนที่เคยดูการ์ตูนมาก่อนจะฟินมาก ในส่วนของตัวละครหลักก็เช่นกัน แม้จะมีการแก้ไขรายละเอียดแหล่งที่มาของตัวละครในบ้างตัว แต่ตัวละครหลักนั้นแทบจะถอดแบบออกมาจากมังงะเปี๊ยบอย่างน่าปรบมือ (ไม่นับดราม่าเรื่องทำไมนางเอกไม่ใช่คนเอเชีย) โดยเฉพาะผู้พันมีร่า ตรึงตาตรึงใจทุกฉากแทบอยากจะก้มกราบผู้กำกับที่แคสติ้งเอาสกาเล็ต มาเล่น สนุก และอาจมีง่วงบ้าง แต่ไม่น่าเบื่อ สำหรับคนที่คาดหวังว่าการดำเนินเรื่องจะต้องบู๊แหลกลาน ยิงกันแบบนับกระสุนไม่ทัน ต้องขอบอกเลยว่ามันไม่ขนาดนั้นหรอก ถึงจะเป็นหนังแอคชั่นไซไฟ แต่ก็ไม่ได้ยิงกันจนไร้เหตุผล เนื่องเรื่องในบางช่วงดึงดำเนินเรื่องอย่างสนุก ชวนลุ้น น่าติดตาม ขณะที่บางช่วงอาจจะเนือยๆ ชวนง่วง บางคนหลับไปเลยก็มีทว่ามันก็ไม่ได้น่าเบื่อถึงขั้นนอนหาวหวอด หรืออยากจะลุกออกจากโรง อย่างไรก็ตามเราอยากให้จับทุกบทสนทนา เพราะทุกการเชื่องโยงของเนื้อเรื่อง มีที่มาที่ไปทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามหากเทียบความเข้มข้นกับฉบับการ์ตูนแล้ว ถือว่าการ์ตูนออกตัวนำไปก่อนในเรื่องความเข้มข้น และซับซ้อน ขณะที่หนังยังเล่าในประเด็นที่ดูเบากว่าเยอะ คนทีดู่การ์ตูนมาก่อนอาจจะเบื่อ แต่คนที่ไม่เคยดูการ์ตูนมาก่อนอาจสนุกกว่า สนุก และอาจมีง่วงบ้าง แต่ไม่น่าเบื่อ สำหรับคนที่คาดหวังว่าการดำเนินเรื่องจะต้องบู๊แหลกลาน ยิงกันแบบนับกระสุนไม่ทัน ต้องขอบอกเลยว่ามันไม่ขนาดนั้นหรอก ถึงจะเป็นหนังแอคชั่นไซไฟ แต่ก็ไม่ได้ยิงกันจนไร้เหตุผล เนื่องเรื่องในบางช่วงดึงดำเนินเรื่องอย่างสนุก ชวนลุ้น น่าติดตาม ขณะที่บางช่วงอาจจะเนือยๆ ชวนง่วง บางคนหลับไปเลยก็มีทว่ามันก็ไม่ได้น่าเบื่อถึงขั้นนอนหาวหวอด หรืออยากจะลุกออกจากโรง อย่างไรก็ตามเราอยากให้จับทุกบทสนทนา เพราะทุกการเชื่องโยงของเนื้อเรื่อง มีที่มาที่ไปทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามหากเทียบความเข้มข้นกับฉบับการ์ตูนแล้ว ถือว่าการ์ตูนออกตัวนำไปก่อนในเรื่องความเข้มข้น และซับซ้อน ขณะที่หนังยังเล่าในประเด็นที่ดูเบากว่าเยอะ คนทีดู่การ์ตูนมาก่อนอาจจะเบื่อ แต่คนที่ไม่เคยดูการ์ตูนมาก่อนอาจสนุกกว่า ถ้าชอบสกาเล็ต และเป็นแฟน Ghost in the Shell ไปดู โดยสรุปอย่างรวบรัดเราคิดว่าหนังเรื่องนี้ไม่เสียดายเงิน ไปดูได้ และหากตั้งใจดู และเข้าใจในแก่นของเรื่องคุณจะพบว่านี่มันหนังแอคชั่น ไซไฟ กึ่งปรัชญาชัดๆ เพราะเราจะได้เห็นถึงการตั้งคำถามของการมีตัวตน และการเฝ้าพยายามตามหา ‘ราก’ ของผู้พันมีร่า ที่หมกมุ่นอยู่กับ ‘อดีต’ ทั้งที่ตัวเองนั่นเป็น ‘อนาคต’ ของมวลมนุษยชาติ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าแม้เราจะอยู่ในสถานะสิ่งมีชีวิตที่ วิญญาณ (Ghost) สิงสถิตย์อยู่ในร่างต้น (Shell) ในรูปแบบไหน แต่ชีวิตที่เกิดใหม่มันจะไม่มีคุณค่าใดๆ เลยถ้าเราไม่รู้ว่ารากของตัวเอง สรุป ไม่เสียดายค่าตั๋วไปดูเถอะ สกาเล็ต โจฮัดสัน 100% นักแสดงอื่นๆ 80% บท 75% ความล้ำของฉาก 90% ความสนุก 75% คะแนนรวม 77%