ธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาอย่างต่อเนื่อง กับการร่วมลงความเห็นตั้งฉายาจากผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ในฐานะของผู้ที่นั่งแท่นติดตามการทำงานของเหล่าส.ส. และส.ว. อย่างใกล้ชิดเพื่อเป็นการสรุปรวบจบครบทุกเหตุการณ์และการทำงานในปีนี้ เริ่มกันที่ฉายาของสภาผู้แทนฯ “3 วันหนี 4 วันล่ม” ที่ได้มาจากสภาล่มแล้วล่มอีกตั้งแต่ต้นปีจนท้ายปี ทั้งฝ่ายค้านที่เล่นแง่นับองค์ประชุม ทั้งที่ฝ่ายตนก็ขาดประชุม รวมถึงฝั่งรัฐบาลที่ไม่รักษาองค์ประชุมให้ครบถ้วน ละเลยการประชุมอันเป็นหน้าที่สำคัญ ส่วนฉายาของวุฒิสภาในปีนี้ คือ “ตรา ป.” ได้มาจากการที่ส.ว. ยังทำหน้ารักษาผลประโยชน์ของ 2 ป. แบบไม่มีแตกแถว คือ ป.ประยุทธ์ – พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ป.ประวิทย์ – พล.อ. ประวิตรวงษ์สุวรรณ ที่จะขาดไปไม่ได้คือวาทะเด็ดแห่งปีอย่าง “เรื่องปฏิวัติผมไม่ได้เกี่ยวข้อง นี่ครับคนปฏิวัติ..ท่านนายกฯ คนเดียว” จากพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เกิดขึ้นระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 20 ก.ค. ขณะที่ผู้ถูกกล่าวถึงไม่สะทกสะท้านกับคำพูดดังกล่าวและยิ้มรับอย่างชอบใจ นอกจากนี้ยังมีฉายารายบุคคล ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชวน หลีกภัยได้รับฉายา “ชน ซวนเซ” พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา “พรเพชร พักก่อน” ฉายา “หมอ (ง) ชลน่าน” ตกเป็นของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน คู่กัดแห่งปีคือ กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา vs. รังสิมันต์ โรม พรรคก้าวไกล ปิดท้ายด้วยตำแหน่ง “ดาวดับ” ของ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ พรรคไทยศรีวิไลย์ ส่วนเหตุการณ์แห่งปี คือ เกมพลิกสูตรหาร 100 จะมีก็แต่ตำแหน่งดาวเด่น และคนดีศรีสภา (ซึ่งว่างเว้นมากกว่า 4 ปี) ที่ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภามองไม่เห็นวี่แววว่าจะมี ส.ส. หรือส.ว. คนใดได้รับตำแหน่งดังกล่าว ที่มา : bbc