หลายคนที่เดินทางบ่อยๆ ด้วยรถสาธารณะ คงเผชิญกับปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ไม่รับ รถมาไม่ตรงเวลา หรือการโก่งราคาที่สูงขึ้นกว่าปกติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองจึงทำให้เกิดแอปพลิเคชันเรียกรถมากมาย เพื่อมาตอบโจทย์ปัญหาให้เราสามารถกดเรียกรถผ่านมือถือได้ตลอดทุกที่ทุกเวลา แต่ว่ากันว่าถ้าอยากปราบเซียน…ก็ต้องลองเจอด่านลาสต์บอสสักหน่อย วันนี้ Mango Zero เลยอยากลองมาเปรียบเทียบข้อดี และข้อเสียของแอปฯ เรียกรถแต่ละเจ้าดู ว่าท่ามกลางสถานการณ์คนเยอะ อย่างคอนเสิร์ต หรืองานอีเวนต์ เจ้าไหนจะเวิร์คและคุ้มที่สุด! มาดูกันเลย ปล. เป็นเพียงความคิดเห็น และประสบการณ์ของเรานะฮะ Grab 🛻 หนึ่งในแอปเรียกรถอันดับต้นๆ ยอดนิยมที่ผู้คนเรียกใช้กัน อาจเพราะเป็นแอปเรียกรถเจ้าแรกๆ ที่เริ่มสร้างขึ้น บวกกับหน้าตาที่ใช้งานง่าย และฟีเจอร์ที่หลากหลาย ช่วยให้เราเลือกใช้งานได้อย่างสะดวก ฟีเจอร์เด่น ❇️ เพิ่มจุดรับ-ส่งได้หลายที่ แวะส่งเดอะแกงค์กลับบ้านก่อน ไม่ต้องแยกรถกันไป Silent Mode โหมดงดการสนทนา ขออยู่เงียบๆ พี่คนขับวอนอย่าชวนคุยค้าบบบบบ Ride Cover คุ้มครองผู้โดยสารผ่านวงเงินประกันอุบัติเหตุ จ่ายเพียงแค่ 5 บาทต่อการเดินทางเท่านั้น สามารถแชร์ข้อมูลของคนขับ และการเดินทางแบบเรียลไทม์ให้คนอื่นได้ รวมถึงมีปุ่ม Emergency Button ให้เรากดในกรณีฉุกเฉิน Sayanora หากเราไม่ประทับใจกับพฤติกรรมของคนขับ สามารถเลือกฟีเจอร์นี้ในการเซย์บ้ายบายต่อคนขับได้ โดยแกร้บจะป้องกันไม่ให้เรากับพี่คนขับได้โคจรกลับมาพบกันอีก อัตราค่าโดยสาร 💸 ค่าบริการเริ่มต้นที่ 30 บาท โดยคิดเป็นกม. ละ 9 บาท สำหรับค่าทางด่วนเราต้องรับผิดชอบเอง ตั้งแต่ต้นทางถึงจุดหมาย สำหรับไปสนามบินจะบวกเพิ่มอีก +150 บาท *ค่าโดยสารจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลาเร่งด่วน เช่น งานอีเวนต์ , คอนเสิร์ต หรือฝนตก* ข้อดี 🙂 มีรถให้บริการจำนวนมาก และหลากหลายรูปแบบตามไลฟ์สไตล์ สามารถจองรถเรียกล่วงหน้าได้ 7 วันก่อนเดินทาง สามารถเลือก Grab Car Lady ได้ สำหรับสาวๆ ที่กังวลใจกลับบ้านตอนดึก ระบบ GrabAcademy สอนถึงวิธีการรับงาน และมาตรการต่างๆ ตรวจคัดกรองคนขับถึงประวัติอาชญากรรม ข้อด้อย 🙃 ณ ปัจจุบันราคาค่าโดยสารแพงขึ้นจากเมื่อก่อน ต้องคอยเช็คระบบการจองอยู่เสมอ เพราะคนขับสามารถยกเลิกการจองล่วงหน้าของเราได้เหมือนกัน บางพื้นที่ใช้เวลารอนานมากขึ้นกว่าจะเรียกรถได้ ในสถานการณ์คนเยอะ 🙋🏻♀️ 7.5/10 Lineman 🚕 เชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งแอปที่คนไทยหลายคนคุ้นเคย โดยส่วนใหญ่เรามักจะสั่งอาหารจากแอปนี้กัน แต่รู้มั้ยบริการเรียกรถแท็กซี่ของเขาก็สุดยอด และสะดวกสบายอีกด้วย ฟีเจอร์เด่น ❇️ มีปุ่ม Contact Police ให้ติดต่อได้กรณีฉุกเฉินตลอดเส้นทาง ติดตามข้อมูลทุกอย่างได้ผ่าน @LINE OA อัตราค่าโดยสาร 💸 คิดตามมิเตอร์รถแท็กซี่ โดยเพิ่มค่าบริการเรียกแค่ 20 บาท สำหรับค่าทางด่วนเราจะต้องเป็นผู้จ่ายทั้งหมดตลอดเส้นทาง ข้อดี 🙂 มีการคัดกรองคนขับจากเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ทุกคน ทราบค่าโดยสารล่วนหน้าจากระบบประมาณราคา สามารถแชร์ข้อมูลการเดินทางผ่าน Line ได้ คนขับมีความชำนาญเส้นทางสูง เพราะส่วนใหญ่เป็นคนขับแท็กซี่อยู่แล้ว จ่ายผ่าน Rabbit Line Pay ได้ ข้อด้อย 🙃 รถให้บริการมีเพียงแต่แท็กซี่เท่านั้น ใช้เวลาในการหารถนานในบางพื้นที่ ในส่วนของต่างจังหวัดยังเปิดพื้นที่ให้บริการน้อยอยู่ ไม่ได้ครอบคลุมทุกภาค ไม่มีโหมดส่วนตัว อาจจะทำให้บางครั้งคนขับชวนพูดคุยตลอดเส้นทางได้ ฟีเจอร์ลูกเล่นมีน้อย ไม่ได้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ในสถานการณ์คนเยอะ 🙋🏻♀️ 7/10 Bolt 🚗 แอปฯ เรียกรถชูราคาสบายกระเป๋า พร้อมหน้าตาที่ใช้งานง่ายคล้ายกับการใช้ Google Maps รวมถึงสมัครง่ายอีกด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้ใช้ให้ความสนใจสูงในขณะนี้ ฟีเจอร์เด่น ❇️ Bolt Ladies ให้ผู้โดยสารสามารถเลือกให้ผู้หญิงเป็นคนขับได้ Share my ETA สามารถคัดลอกลิงก์ข้อมูลการเดินทางให้กับเพื่อน หรือคนสนิทได้ อัตราค่าโดยสาร 💸 ค่าบริการเริ่มต้นที่ 40 บาท โดยคิดเป็นกม. ละ 7.80 บาท สำหรับค่าทางด่วนเราจะต้องเป็นผู้จ่ายทั้งหมดตลอดเส้นทาง ข้อดี 🙂 ราคาค่าโดยสารถูก จ่ายง่าย สบายกระเป๋า ในพื้นที่กรุงเทพฯ คนขับพร้อมรับบริการไวกว่า คิดค่าคอมมิชชันกับพาร์ทเนอร์คนขับถูกกว่าเจ้าอื่น สามารถแชร์ข้อมูลการเดินทางให้คนอื่นได้ ข้อด้อย 🙃 ไม่มีระบบตรวจสอบประวัติอาชญากรรมคนขับ บางครั้งคนขับ และรถที่มารับไม่ตรงกับในระบบที่ลงทะเบียนไว้ แอปฯ มีให้เลือกรับเงินสดเพียงอย่างเดียว แต่ส่วนใหญ่คนขับก็ให้โอนได้ ไม่มี Contact Center ให้ติดต่อ และระบบร้องเรียนค่อนข้างล่าช้า ในสถานการณ์คนเยอะ 🙋🏻♀️ 8/10 Caab 🚙 ทางเลือกใหม่สำหรับคนที่สนใจเดินทางด้วยบริการมาตรฐานใหม่ โดดเด่นด้วยรถสีน้ำเงินรูปทรงคลาสสิกที่มีต้นแบบมาจากลอนดอนแท็กซี่ ฟังก์ชันด้วยเทคโนโลยีตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ ฟีเจอร์เด่น ❇️ มีปุ่ม SOS ในกรณีฉุกเฉิน และกล้องบันทึกภาพเพื่อความปลอดภัยในรถยนต์ สามารถใช้ไวไฟฟรี รวมถึงมีพอร์ต USB สำหรับชาร์จไฟอุปกรณ์ Gadget ที่ใช้งาน จองรถล่วงหน้าได้ ตั้งแต่เวลาตี 5 – 4 ทุ่ม มีการติดตั้งฉากกั้นใสที่กันเสียงได้ระหว่างคนขับ และผู้โดยสารเพื่อความเป็นส่วนตัว อัตราค่าโดยสาร 💸 เริ่มต้นที่ 60 บาท กิโลเมตรต่อไป 6 – 8 บาท กรณีรถติด 2.5 บาท / นาที ค่าจองรถล่วงหน้า 50 บาท สำหรับเดินทางไปสนามบินบวกเพิ่ม +50 บาท ข้อดี 🙂 รถแท็กซี่มีการดีไซน์ที่สวยงาม สะอาด และรองรับได้ถึง 5 ที่นั่ง มีการคัดเลือกอบรบคนขับให้ได้มาตรฐานสูง ภายในรถยนต์มีการออกแบบเทคโนโลยีต่างๆ ที่ตอบโจทย์ต่อผู้ใช้งาน รถสามารถรองรับผู้โดยสารที่มีข้อจำกัดทางเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็น ผู้ใช้วีลแชร์ ผู้ใช้ไม้ค้ำยัน ไปจนถึงผู้บกพร่องทางการได้ยินและการมองเห็น มีบริการจุดจอดรถตามสถานที่ต่างๆ ได้แก่ ดิ เอ็มโพเรียม ดิ เอ็มควอเทียร์, สยามพารากอน, ไอคอนสยาม, สยามดิสคัฟเวอรี่, เซ็นทรัลเวิลด์, ซีคอนสแควร์, รพ.สมิติเวช, รพ.กรุงเทพ และ รพ.พญาไทนวมินทร์ ข้อด้อย 🙃 ราคาค่าโดยสารค่อนข้างสูง พื้นที่ให้บริการมีแค่ในส่วนภาคกลาง ภาคอื่นยังไม่รองรับ จำนวนรถมีให้บริการน้อย ช่วงเวลาเร่งด่วนอาจจะไม่ทันใจ ในสถานการณ์คนเยอะ 🙋🏻♀️ 6/10