บรรดาเพจวิจารณ์หนังทั้งหมดที่มีอยู่ในบ้านเราตอนนี้ หากนับกันจริงๆ คงบอกไม่ได้ว่ามีกี่เพจ แต่ถ้าให้บอกว่าเพจไหนที่เป็นตัวจริง หนึ่งในนั้นคือ ‘อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก’ เพจวิจารณ์หนังมันๆ ที่มีผู้ติดตามหกแสนคนบนเฟซบุ๊ค อวยไส้แตกฯ เป็นเพจที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากหมู่คนรักหนัง เนื่องจากการวิจารณ์ของเขาตรงไปตรงมา ดีก็ชม ไม่ดีก็ด่า บทความที่วิจารณ์ก็เหมือนเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟัง วันนี้ Mango Zero มีโอกาสพูดคุยกับแอดมินของเพจ ‘อวดไส้แตกแหกไส้ฉีก’ เพื่อคลายข้อสงสัยในสิ่งที่เขาไม่เคยบอก ทั้งแรงบันดาลใจในการทำเพจ มุมมองของคนทำเพจ รวมไปถึงเขารับเงินมาเพื่อ ‘อวย’ หนังจริงเหมือนชื่อเพจไหม ทุกประเด็นเขายินดีที่จะ ‘แหก’ ทุกข้อสงสัยให้เราได้เห็นความจริง อยากเป็นนักวิจารณ์หนังตั้งแต่เมื่อไหร่ อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : เรามีความฝันอยากจะเป็นนักวิจารณ์หนังตั้งแต่เด็ก เคยพยายามส่งบทวิจารณ์ไปตามนิตยสารต่างๆ ก็ไม่ได้รับเลือก แต่ช่วงหนึ่งของชีวิตเคยมีโอกาสเขียนบทความวิจารณ์หนังลงนิตยสารฉบับหนึ่ง แต่ความที่ไม่สามารถทำเป็นอาชีพจริงจังได้ เลยไปทำงานอื่น จนช่วงหนึ่งเราเขียนวิจารณ์หนังลงพันทิปล็อคอินก็ไม่มีนะไปยืมล็อคอินเพื่อนมาใช้ สมัยนั้นล็อคอินดังๆ ที่เขียนวิจารณ์หนังที่คนชอบเยอะรวมถึงเราด้วยก็คือ ‘ผมอยู่ข้างหลังคุณ’ เขาเขียนในเชิงจริงจังมาก แต่เราไม่ระดับนั้น ในกระทู้เราใช้ภาษาที่เป็นกันเองต่างกับคนอื่นๆ ที่วิจารณ์ในเชิงจริงจัง เราพยายามเขียนในมุมของคนดูว่าสนุกอย่างไร ห่วยอย่างไรว่ากันไปตามเนื้อผ้า รีวิวหนังเรื่องไหนที่ทำให้คุณเป็นที่รู้จัก อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : รีวิวที่พีคที่สุดคือ ‘คู่กรรม’ คนอ่านเยอะมากๆ ซึ่งในบทวิจารณ์เราสับเละเทะเลยว่าไม่ดีอย่างไร เขียนทิ้งไว้ตอนกลางคืน ปรากฎว่าตื่นมาขึ้นกระทู้แนะนำเลย มีคะแนนโหวตเป็นพัน หลังจากนั้นเวลาเขียนวิจารณ์อะไรคนก็จำได้ และได้ขึ้นกระทู้แนะนำบ่อยมาก จนถึงขั้นโดนด่าว่ารับเงินค่ายหนังมาดิสเครดิตหนังเรื่องอื่นแน่ๆ (หัวเราะ) ซึ่งเราไม่รู้จักใครเลย หนังก็เสียเงินไปดูเอง วิจารณ์ก็ตามเนื้อผ้าจริงๆ ไม่มีใครจ้างทั้งนั้น ใครคือแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเป็นนักวิจารณ์หนัง อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : เรามีไอดอลเป็นนักวิจารณ์หนังนามปากกาว่า ‘ตีตั๋ว’ (มงคลชัย ชัยวิสุทธิ์) เขาเป็นนักเขียนรุ่นเก่า เราชอบการเรียงลำดับในการเล่าเรื่อง การวิจารณ์หนังช่วงแรกของเราก็ได้รับอิทธิพลมาจากเขานี่แหละ แต่การวิจารณ์ของคุณตีตั๋วเป็นทางการ และเก่งมากซึ่งเราไม่มีทางทำอย่างเขาได้ แต่ความที่เรามีความชอบสองอย่างคือชอบดูหนัง และชอบเขียนหนังสือ เราเลยอยากจะเป็นนักวิจารณ์หนังแบบเขาบ้าง จุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณสร้างเพจ ‘อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก’ เริ่มต้นตอนไหน อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : เราโดนพันทิปแบน (หัวเราะ) ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะเราไปวิจารณ์หนังเรื่องหนึ่งรุนแรงไปหรือเปล่า จนโดนพันทิปที่ไม่แน่ใจว่าเป็นพันธมิตรกับหนังเรื่องนั้นไหมแบนเราเลย ก็เลยออกมาตั้งเพจเอง เพราะเรายังอยากที่จะเล่าถึงหนังที่ไปดูมาให้คนอื่นได้อ่านต่อ เลยตั้งเพจนี้ขึ้นมา ทำไมต้อง ‘อวยไส้แตก แหกไส้ฉีก’ อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : ตอนที่คิดชื่อเพจก็พยายามคิดอยู่หลายชื่อมากๆ แต่ยังไม่โดนใจ เรามีโจทย์ในใจว่าต้องให้มีคำว่า ‘แหก’ ส่วนคำว่า ‘อวยไส้แตก’ มันผุดขึ้นมาเอง คำมันดูมันดีนะ คิดไปคิดมาก็เลยได้ชื่อเพจ ‘อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก’ มา ซึ่งยอมรับว่าตอนแรกไม่มั่นใจเลยว่าจะมีคนชอบ เสน่ห์ของเพจคุณคืออะไร อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : เราวิจารณ์หนังในลักษณะเหมือนเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟัง สไตล์การเล่าเรื่องก็ยังเหมือนกับสมัยที่อยู่ในพันทิป มีการให้คะแนน พร้อมสรุปสั้นๆ ถึงหนังเรื่องนั้นว่าชอบเพราะอะไร ไม่ชอบเพราะอะไร แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้คนรู้จักเพจมากขึ้นน่าจะเป็นเพราะเราวิจารณ์หนังของ ‘พจน์ อานนท์’ ซึ่งเราสับเละเลย เราไม่ได้วิจารณ์ด้วยความอคติ แต่วิจารณ์ตามความรู้สึกที่ได้ดูมาว่าหนังมันห่วยจริง พอมีเพจใหญ่ๆ เข้ามาอ่านแล้วเห็นด้วยก็เลยแชร์ออกไป อีกอย่างเราก็รีวิวหนังแมส ลูกเพจก็ชอบอ่าน เพจจึงค่อยๆ เติบโตไปเรื่อยๆ การวิจารณ์หนังค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก ไม่กลัวดราม่าเหรอ อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : เราไม่แคร์เลยครับ เพราะเขียนอะไรไปก็โดนด่า โดนแขวะอยู่ดี เขียนชมเยอะก็หาว่ารับเงิน เขียนด่าก็หาว่าเขาไม่ให้เงิน (หัวเราะ) เราชินแล้ว แต่เมื่อก่อนยอมรับว่าเฮิร์ทที่โดนด่าว่ารับเงินมาด่าหนังเรื่องอื่น หรือรับเงินมาอวยหนัง ถึงขั้นเก็บมานอนคิดเลย พอช่วงหลังเรารู้ว่าคงไม่สามารถเอาใจใครได้ทุกคน ก็เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำว่าเราไม่ได้หลอกใคร กดดันไหมกับทุกครั้งที่จะโพสต์บทวิจารณ์หนังสักเรื่อง อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : เมื่อก่อนกดดันนะ แต่ตอนนี้ไม่กดดันแล้ว เรารู้สึกว่าเขียนแล้วก็จบเลย ถ้าย้อนไปสมัยก่อนคงเครียดเข้าใจได้ว่ามันเขียนให้ถูกใจคนทั้งหมดไม่ได้แน่นอน ซึ่งเราเข้าใจคนทำหนังนะที่ไม่สามารถสร้างหนังให้ถูกใจคนทั้งหมดได้ คุณไม่กลัวมีปัญหากับผู้กำกับที่คุณด่าหนังเขาบ่อยๆ เหรอ อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : ไม่กลัวเลย เราอยากจะบอกว่าผู้กำกับรุ่นใหญ่ และคนที่มีฝีมือ เขาไม่เคยมีปัญหากับเราหรือนักวิจารณ์คนอื่นเลย ส่วนใหญ่พวกที่มีปัญหากับคำวิจารณ์คือพวกกระจอกที่ไม่ยอมรับความจริง นี่พูดอย่างตรงไปตรงมาเลย ถ้าเขามีฝีมือเขาคงรับคำวิจารณ์คนได้ และเอาไปพัฒนางานในครั้งต่อไป แต่คนบางจำพวกเขาจะมีอีโก้ คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำดีที่สุดแล้ว ใครก็แตะไม่ได้ รับคำวิจารณ์ไม่ได้ ซึ่งเราไม่กลัวผู้กำกับประเภทนี้ มีคนตั้งคำถามถึงคุณว่าอคติกับผู้กำกับหรือเปล่า อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : เราเคยวิจารณ์งานของคุณกอล์ฟ (ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ) ด้วย ตอนนั้นเราวิจารณ์สับหนังเขาเละไปสองเรื่องคือ ‘เลิฟสุดจิ้น ฟินสุโค่ย’ และ ‘รด.เขาชนผี ที่เขาชนไก่’ เราด่าสับเละเลย จนเขามากำกับหนังเรื่อง ‘ปั๊มน้ำมัน’ เราได้ไปดูมาพอดี ตอนดูจบเราเขียนวิจารณ์ลงเพจเลยว่า นี่เป็นหนังที่ดีที่สุดของคุณกอล์ฟ ซึ่งต่อมาหนังเรื่องนั้น ก็ได้รางวัลสุพรรณหงส์ด้วย สิ่งนี้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วว่า เราไม่ได้อคติกับใคร ไม่ได้แปลว่าผู้กำกับคนไหนทำหนังไม่ดีแล้วเราจะตามด่าไปตลอด อย่างคุณพจ อานนท์ ตอนเขากำกับเรื่อง ‘หลวงพี่แจ๊ด 4G’ เราบอกว่าหนังไม่ดีหรอก แต่ทำไมมันสนุก และน่าจะได้เงินเยอะ ตอนชมไปก็โดนด่าหาว่ารับเงินอีก (หัวเราะ) แต่พอมาทำ ‘ป๊าด 888 แรงทะลุนรก’ เราด่าเละเลย ตัวคุณกลัวการโดนวิจารณ์ไหม อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : ใครจะวิจารณ์เราก็ได้ ตามสบายไม่ตอบโต้ (หัวเราะ) แต่ถ้าคอมเมนต์ไหนอ่านแล้วมันจริงอย่างที่เขาแนะนำ เรายอมรับความจริง และยินดีมากๆ คุณไม่เคยรับเงินมาเพื่ออวยหนังใช่ไหม อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : ทุกวันนี้เพจเรามีรายได้การลงข่าวประชาสัมพันธ์เท่านั้น ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่เรารับก็จะไม่ค่อยรับอะไรที่เป็นหนังหรือภาพยนตร์โดยตรง เราเน้นไปโปรดักส์อื่นๆ เลย เราก็จะบอกอยู่ในเพจว่านี่คือโฆษณานะ ต้องขอบคุณผู้มีอุปการะคุณที่เข้าใจ แต่ที่ยืนยันเด็ดขาดเลยคือเราไม่รับงานรีวิวหนังเลย เพราะรีวิวหนังคือวิญญาณถ้าเรารับงานรีวิวหนังมันก็คือการขายวิญญาณ หากจะรับงานเกี่ยวกับหนัง อย่างมากที่สุดคือเราจะแค่พรีวิว หรือแชร์ตัวอย่างหนังเท่านั้น บางเรื่องดีจริงๆ เราก็แชร์ให้ฟรีๆ ด้วยซ้ำ ช่วงที่ถูกกล่าวหาว่ารับจ้างมารีวิวหนังเสียใจไหม อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : ตลอดเวลาที่ผ่านมาเพจอวยไส้แตก โดนด่าว่ารับเงินเยอะที่สุด (หัวเราะ) ช่วงแรกยอมรับว่ารู้สึกไม่ดีเลย แต่ช่วงหลังก็คิดว่าในเมื่อมันไม่จริงเราจะไปกังวลทำไม ถ้าเรารับเงินจริง ก็ต้องมีคนเอาบิลล์มาแฉเราแล้วล่ะว่าเราโกหกที่บอกว่าไม่เคยรับงานวิจารณ์หนัง จากความคิดที่เคยอยากเป็นนักวิจารณ์หนัง มาวันนี้คุณเรียกตัวเองว่า ‘นักวิจารณ์หนัง’ หรือยัง อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : เราไม่คิดว่าตัวเองเป็นนักวิจารณ์หนังเลย เราคิดว่าตัวเองเป็นแค่คนดูหนังที่เล่าหนังที่ดูมาให้เพื่อนฟังก็เท่านั้นเอง ซึ่งมันเป็นท่าทีที่เป็นมิตรมากกว่า เราเคยเขียนวิจารณ์หนังนะ แต่มันรู้สึกเหมือนฝืนตัวเองเกินไป เราดูหนังมาแล้วอยากจะเล่าให้เพื่อนฟังมากกว่า มีอะไรจะฝากบอกเด็กรุ่นใหม่ที่อยากทำเพจวิจารณ์หนังบ้าง อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก : อยากให้หวงแหนตัวตน และจิตวิญญาญ อยากให้มองว่างานรีวิว งานวิจารณ์หนังก็คือจิตวิญญาณของเรา ถ้ารับเงินมาก็ไม่ต่างอะไรกับการขายวิญญาณตัวเองเลย