ในภาวะที่เศรษฐกิจไม่แน่ไม่นอนจากผลกระทบโควิด อีกหนึ่งเทรนด์ฮิตที่คนรุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจกันมากขึ้น นั่นก็คือ การสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการลงทุนให้เงินทำงานแทนเรา เพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋าให้อุ่นใจมากขึ้น ยิ่งในยุคที่มีการเปลี่ยนผ่านการลงทุนจากสินทรัพย์ยุคดั้งเดิม เข้าสู่ยุคสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น สามารถเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่ยังมีเงินทุนไม่มาก เป็นโอกาสให้กับนักลงทุนรายย่อย รวมถึงนักลงทุนอายุน้อยเข้ามาลงทุนได้เร็วขึ้น ถือเป็นนวัตกรรมทางการเงิน ที่ใครเรียนรู้ได้ก่อนย่อมได้เปรียบ โดยเฉพาะสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง ‘คริปโทเคอเรนซี’ ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ หันไปทางไหน ใคร ๆ ก็พูดถึง นั่นก็เพราะผลตอบแทนที่พุ่งพรวดจนน่าจับตาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่อย่าลืมว่า… ‘ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน’ เพราะแม้ ‘คริปโทเคอเรนซี’ จะให้ผลตอบแทนที่สูงมาก แต่ก็ผันผวนตลอด 24 ชม.เลยเช่นกัน ดังนั้นสำหรับนักลงทุนมือใหม่แล้ว ถ้าอยากจะก้าวเท้าเข้าสู่โลกคริปโท ควรรู้อะไรก่อนบ้าง ? Mango Zero ได้มีโอกาสเข้าไปเก็บความรู้พร้อมอัพเดทเทรนด์ ด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมาฝาก จากงาน ‘THE WISDOM The Symbol Of Your Vision: The Future of Digital Disruption and Investment’ ที่เป็น Exclusive Live ด้านเศรษฐกิจและการลงทุนที่ธนาคารกสิกรไทยเชิญกูรูด้าน WealthTech มาให้ข้อมูลแน่นๆ เราสรุปข้อมูลบางส่วนที่น่าสนใจมาให้ทุกคนได้เข้าใจโลกแห่งคริปโทเคอเรนซีมากขึ้น ‘คริปโทเคอเรนซี’ คืออะไร ? คริปโทเคอเรนซี (Cryptocurrency) คือ สินทรัพย์ดิจิทัลชนิดหนึ่งที่มีการเข้ารหัส มีราคากลางในการซื้อขายแปรผันตามกลไกตลาด สามารถเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนคุณค่าได้เหมือนกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ได้ เพียงแต่ไม่ได้มีลักษณะทางกายภาพที่จับต้องได้เหมือนเหรียญหรือธนบัตรที่ใช้กันในปัจจุบัน ซึ่งในกลุ่มนักลงทุนนิยมเรียกกันติดปากว่า “เหรียญ” ซึ่งมาจากเหรียญดิจิทัลนั่นเอง เดิมทีคริปโทเริ่มเป็นที่นิยมจากในกลุ่มนักคอมพิวเตอร์ แต่ในปัจจุบันคนหันมาสนใจกันมากขึ้น เกิดเป็นธุรกิจแลกเปลี่ยนเหรียญหรือการเทรดเพื่อเก็งกำไร นอกจากนี้ความนิยมคริปโท เป็นที่ยอมรับมากขึ้น จนหลาย ๆ ธุรกิจเองก็เริ่มเปิดให้ใช้สกุลเงินดิจิทัลในการซื้อขายกันแล้ว อย่างเช่น TESLA, Master Card, PayPal หรือแม้กระทั่งในบ้านเราอย่าง นันยาง และ Major Cineplex ก็เปิดให้ซื้อสินค้าและบริการด้วยเหรียญดิจิทัลได้แล้ว กลไกโลกคริปโทเป็นยังไง ทำไมใคร ๆ ก็บอกว่าปลอดภัย ? วิธีการทำงานของคริปโทเคอเรนซีนั้น ทำงานผ่านระบบ Blockchain ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ ที่สามารถควบคุมตัวมันเองได้ โดยไม่ต้องผ่านการควบคุมจัดการจากตัวกลาง หรือหน่วยงานทางการเงินจากรัฐบาลประเทศไหน แต่จะใช้หลักการบันทึกข้อมูลธุรกรรมผ่านตัวระบบบล็อกเชนในเครือข่ายเป็นล้านกว่าเครื่องพร้อมกัน ช่วยให้การชำระเงินออนไลน์ รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ระหว่างบุคคล เป็นไปอย่างน่าเชื่อถือ ปลอดภัย และรับรองความถูกต้องได้ ทำให้ข้อมูลธุรกรรมนั้น ยากต่อการถูกบิดเบือนและไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของใคร คริปโทเคอเรนซี จึงค่อนข้างเป็นที่นิยมในชาวไนจีเรีย, เวียดนาม และฟิลิปปินส์ จากการสำรวจของ Statiata Global Consumer Survey เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศนี้ เป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก ออกไปทำงานต่างแดน นิยมเลือกโอนเงินส่งกลับบ้านด้วยสกุลเงินดิจิทัล เนื่องจากไม่ต้องผ่านองค์กรตัวกลาง ที่เก็บค่าธรรมเนียมสูงลิ่วต่อการทำธุรกรรมต่างแดนแต่ละครั้ง สกุลเงินยอดนิยม ปัจจุบันมีสกุลเงินดิจิทัลเกิดขึ้นจำนวนกว่า 10,000 สกุลเงิน และมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่สกุลเงินที่นิยมและคุ้นหูที่สุดก็ ได้แก่ ‘บิตคอยน์’ (Bitcoin) หรือ BTC ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกของโลก เกิดขึ้นในปี 2009 โดย ‘ซาโตชิ นากาโมโต’ มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดตอนนี้ (เคยราคาพุ่งทะยานไปถึง 2 ล้านบาทต่อเหรียญกันเลยทีเดียว) ปัจจุบันมีมูลค่าเกินครึ่งของตลาดคริปโต รวมกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากก็จะมีสกุลเงินดิจิทัลที่เกิดขึ้นมาภายหลัง หรือที่เรียกว่าเหรียญทางเลือก (Alternative Coin) ที่เป็นที่นิยมรองลงมา ได้แก่ อีเทอเรียม (Ethereum) หรือ ETH, ริปเปิ้ล (Ripple) หรือ XRP, ไบแนนซ์คอยน์ (Binance Coin) หรือ BNB, เทเทอร์ (Tether) หรือ USDT รวมไปถึง ด็อกคอยน์ (Dogecoin) หรือ DOGE เหรียญหมาชิบะที่ใคร ๆ ก็รัก เป็นต้น จะเริ่มเทรดได้ที่ไหน ? คริปโทเคอเรนซีนั้น นิยมซื้อขายเหรียญผ่านเว็บไซต์เทรดเพื่อเก็งกำไร ซึ่งก็มีให้เลือกใช้หลากหลาย ซึ่งก็มีค่าธรรมเนียมการซื้อ-ขาย และเปิดตลาดสกุลเงินแตกต่างกันไป ทั้งเว็บไซต์สัญชาติไทยอย่าง Bitkub(บิทคับ) หรือ Satang Pro (สตางค์โปร) รวมไปถึงเว็บไซต์ต่างชาติอย่าง Binance(ไบแนนซ์) หรือ Huobi(หั่วปี้) นอกจากนี้เว็บไซต์อื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ควรเลือกแพลตฟอร์มที่ได้รับการรับรอง จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เพื่อความอุ่นใจ สบายใจยามลงเงิน สำหรับนักลงทุนมือใหม่กันดีกว่า จำให้ขึ้นใจก่อนลงทุนใน ‘คริปโทเคอเรนซี’ ‘คริปโทเคอเรนซี’ เป็นทั้งโอกาสที่ดีและความเสี่ยง เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมาก เฉลี่ยราว ๆ 100 – 200% เมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นไทยที่มีความผันผวนเฉลี่ย 10 – 20% เลยทีเดียว แถมยังเป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง อาจสร้างความขวัญผวาให้กับมือใหม่ได้ แต่ไม่ต้องกลัวไป เพราะวันนี้เรามีทริคดี ๆ ด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล จากงาน ‘THE WISDOM The Symbol Of Your Vision: The Future of Digital Disruption and Investment’ สัมมนาออนไลน์ด้านเศรษฐกิจและการลงทุน สำหรับลูกค้าเดอะวิสดอม ธนาคารกสิกรไทย มาใช้เป็นข้อเตือนใจให้นักลงทุนมือใหม่ นำไปใช้ ดังนี้ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ควรใช้เงินเย็นในการลงทุนเท่านั้น ลงทุนในจำนวนเท่าที่เราจะยอมสูญเสียได้ และควรมีเงินสำรองฉุกเฉินเพียงพอก่อนเริ่มลงทุน ‘คริปโทเคอเรนซี’ ยังคงเป็นเรื่องใหม่ในยุคนี้ ที่ยังไม่มีกรณีศึกษามากนัก มือใหม่จึงควรซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับการอนุญาติแล้ว จะปลอดภัยกว่า การเติบโตของมูลค่าเหรียญนั้น ขึ้นอยู่กับว่ายิ่งมีเน็ตเวิร์คใหญ่ ความต้องการซื้อสูง ย่อมมีบล็อคเชนมาก และราคายิ่งดี อย่างเช่น บิตคอยด์ในขณะนี้ แต่อย่าลืมว่าในตลาดเสรี เน็ตเวิร์คยอดนิยมสามารถย้ายได้ตลอดเวลา ดังนั้นควรลงทุนในช่องทางที่หลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยง ‘ไม่ควรมองสิ่งใหม่ ในมุมมองของสิ่งเก่า’คริปโทเคอเรนซีและบล็อกเชน เป็นระบบใหม่ ที่ไม่สามารถเทียบเคียงกับวิถีการลงทุนในอดีตได้ ดังนั้นควรศึกษาตรวจสอบความพร้อมด้านความรู้ของตัวเองศึกษาวิธีซื้อขายกลไกตลาดให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ขึ้น