หลังจากที่มีการประกาศล็อกดาวน์ปิดสถานที่ต่างๆ ใน 10 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ระบาดสูงทั้ง กรุงเทพฯ, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา และสงขลา ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเนื่องจากทำงานไม่ได้ และขาดรายได้ ล่าสุดทางคณะรัฐมนตรี นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา นายกฯ และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้มีการหาลือกันเพื่อหามาตรการเยียวแต่สายอาชีพที่เดือดร้อนจากการล็อกดาวน์ครั้งนี้ โดยมีการกำหนดงบประมาณจากเงินกู้ เพื่อเยียวยาครั้งนี้รวม 4.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งที่ประชุมได้สรุปมาว่าจะนำงบ 30,000 ล้านบาท มาเยียวยา นายจ้าง กลุ่มแรงงานในระบบประกันสังคม และนอกระบบประกันสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการ และมาตรการควบคุมการระบาดเพิ่ม 9 สาขาอาชีพ ได้แก่ สาขาการก่อสร้าง สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร สาขาศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ สาขาบริการด้านอื่น ๆ สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาขายส่งและการขายปลีก, การซ่อมยานยนต์ สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ สาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร โดยแบ่งการชดเชยรายได้เป็น ผู้ประกันตนในประกันสังคม มาตรา 33 สัญชาติไทย ได้รับเงินช่วยเหลือคนละ 2,500 บาท รวมถึงได้รับเงินชดเชย 50% ของเงินเดือนแต่ไม่เกิน 7,500 บาท เมื่อรวมกับเงินช่วยเหลือจะไม่เกิน 10,000 บาท เป็นเวลา 1 เดือน นายจ้างได้รับเงินชดเชย 3,000 บาท ตามจำนวนลูกจ้างไม่เกิน 200 คน ผู้ประกันตนในประกันสังคม มาตรา 39 หรือ 40 สัญชาติไทย รับเงินช่วยเหลือ 1 เดือน 5,000 บาท ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่อยู่นอกระบบประกันสังคมสัญชาติไทย และไม่ได้ลงทะเบียนในมาตรา 33, 39 และ 40 ให้ไปลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 กับสำนักงานประกันสังคมภายในกรกฎาคมนี้ เพื่อจะได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท นอกจากนี้งบประมาณอีก 12,000 ล้านบาท จะถูกนำไปช่วยเหลือค่าใช้จ่ายของประชาชนใน 10 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบด้วยการลดค่าใช้จ่ายจากค่าน้ำ – ค่าไฟ เป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งค่าไฟ จะเริ่มต้นลดตั้งแต่รอบบิลเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ส่วนค่าน้ำ จะเริ่มลดในรอบบิลสิงหาคม – กันยายน และยังมีมาตรการลดค่าเทอม หรือค่าธรรมเนียมในสถาบันการศึกษาเทอมที่ 1 เป็นกรณีพิเศษด้วย เนื่องจากมีการเรียนออนไลน์ ที่มา : https://bit.ly/3i2wY0S , https://bit.ly/3i3lN81, https://bit.ly/36A6Qoy