นอกจากรายการ The Face Thailand จะให้ความเพลิดเพลินแก่เราในทุกเย็นวันเสาร์แล้ว หากชมให้ลึกซึ้งกว่านั้น รายการนี้ยังให้แง่คิดต่างๆ ให้เรานำมาปรับใช้ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องงานหรือเรื่องชีวิตประจำวันทั่วไปก็ตาม มาดูกันว่าภายใต้ความดราม่า (ที่เหมือนจะไม่มีสาระนั้น) มีสาระอะไรให้เราจับต้องได้บ้าง 1. เมื่ออยู่ในเกมแล้ว เราก็ต้องเล่นไปตามเกมที่เขากำหนดมาให้ จากโจทย์ Zorb Ball Catwalk กับการเดินแบบในลูกบอล ที่ทีมบีได้รับชัยชนะไปหลังจากแพ้ติดต่อกันมาหลายสัปดาห์ มาถึงครั้งนี้เมนเทอร์บีเลยจัด (ความงง) มาให้คนดูแบบเต็มๆ กับการตัดสินในห้องดำโดยให้ผู้เข้าแข่งขันเป่ายิ้งฉุบเพื่อคัดคนที่จะได้ไปต่อ ทำเอาฮาน่า สาวเพศทางเลือกคนเดียวที่เหลือในรายการถึงกับงง และรู้สึกว่าการตัดสินแบบนี้ ‘ไม่โอเค !’ แต่ก็ต้องยอมทำตามเกมที่บีกำหนดมาไว้ให้ ซึ่งถึงจะเป็นการตัดสินที่แปลกและอาจดูเหมือนไม่ให้เกียรติผู้เข้าแข่งขัน แต่ก็ถือว่าฮาน่าได้ทำเต็มที่แล้วในการใช้เหตุผลคุยกับพี่บีในห้องดำ เพราะถึงอย่างไรคนที่จะตัดสินว่าการกระทำนี้ยุติธรรมหรือไม่ ก็คือคนดู และจากกระแสต่างๆ ก็เชื่อคนดูเห็นด้วยว่าการกระทำนี้ ‘ตลกและเด็ก’ มากๆ 2. ถึงจะเป็นหัวหน้า แต่ถ้าทำพลาดก็ต้องยอมรับความผิด และขอโทษให้เป็น จากการแข่งขันถ่ายแบบให้กับแชมพู TRESemmé โดยโจทย์คือการพรีเซนต์ให้ผมพลิ้วสวย (เหมือนกับว่าผมสวยตั้งแต่ตื่นนอน) แต่เมนเทอร์ลูกเกดกลับตีโจทย์ให้ลูกทีมถ่ายแบบได้เซ็กซี่เกินไป จนโดนติว่าออกนอกโจทย์ไปนิดนึง ทำให้ลูกเกดถึงกับเฟลตัวเองนิดๆ และยอมรับผิดกับลูกทีม โดยได้กล่าวถึงขนาดว่า “คนที่ทำให้แพ้คือพี่เอง และถ้าทำได้พี่จะส่งตัวเองเข้าไปในห้องดำ” ทำให้ได้ใจทั้งลูกทีมและคนดูไปเต็มๆ 3. ทุกคนจะเก่งได้ ถ้าอยู่ในที่ที่เหมาะสมหรือตำแหน่งที่ลงตัว ในทีมเมนเทอร์มาช่า (ที่ตอนนี้กลายเป็นทีมคริส) เราจะเห็นตัวเต็งคนหนึ่งซึ่งลอยลำมาตั้งแต่เริ่มต้นรายการ ก็คือ “จูลี่” เธอมีความสวยที่สะดุดตาแต่กลับมีพัฒนาการที่ไม่ค่อยจะสะดุดใจคนดูเสียเท่าไหร่ แต่เมื่อเปลี่ยนเมนเทอร์ กลายเป็นทีมคริส เธอกลับค่อยๆ แสดงศักยภาพให้ทุกคนได้เห็น อย่างเช่นการชนะมาสเตอร์คลาสติดกันถึง 2 สัปดาห์ และความมั่นใจในตัวเธอก็เปล่งประกายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นเพราะว่าในตอนแรกที่เป็นเมนเทอร์มาช่า เธออาจจะยังไม่มีอะไรบางอย่างจุดประกายให้ลุกขึ้นมาสู้ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น เพราะหากเปรียบกับชีวิตการทำงาน บางครั้งคนที่มีความสามารถเมื่อไปอยู่ทีมที่ไม่เหมาะสมหรือตำแหน่งงานที่ไม่ใช่ตัวเอง ความสามารถนั้นก็จะถูกบดบังจนไม่มีใครมองเห็น 4. ต้องทำงานเป็นทีม เพราะถ้าเพื่อนในทีมชนะ เราก็ชนะด้วย รายการ The Face Thailand เป็นรายการที่เฟ้นหาผู้ชนะเพียงคนเดียว จาก 3 ทีม และ 15 ผู้เข้าแข่งขัน จึงไม่แปลกเลยที่ผู้เข้าแข่งขันจะอยากเอาชนะมากๆ แม้กระทั่งในทีมตัวเอง แต่ในแคมเปญถ่ายแบบของ TRESemmé ฮาน่าในทีมคริส ได้แสดงสปิริตให้เราได้เห็น โดยการให้คำแนะนำแก่น้องๆ ในทีม (เรียกว่าทำหน้าที่แทนพี่คริสเลยก็ว่าได้) เป็นการเพิ่มไอเดียท่าทางในการถ่ายแบบของเกรซ จนในที่สุดเกรซก็ได้เป็นเจ้าของภาพที่สวยที่สุดในแคมเปญ และทำให้ทีมคริสชนะ 5. เป็นหัวหน้าทีมต้องปกป้องลูกน้อง และหากลูกน้องทำผิดก็ต้องตักเตือน หลังจากชนะแคมเปญ คริสต้องคัดลูกทีมของบีหรือไม่ก็ลูกเกดออกหนึ่งคน ตามกฏของรายการ แต่ด้วยความที่เพิ่งมารับหน้าที่ได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ คริสเลยอยากให้เมนเทอร์ของผู้เข้าแข่งขันได้ออกมาพูดเพื่อสู้ให้เด็กของตัวเองได้อยู่ต่อ แต่กลับเป็นว่าเมนเทอร์ลูกเกด เป็นเพียงคนเดียวที่มาสู้ให้เด็กของตัวเองได้อยู่ต่อ โดยนอกจากความเป็นเมนเทอร์แล้ว พี่ลูกเกดยังใส่อินเนอร์ความเป็นแม่ได้อย่างแท้จริง จนฟ้า (ลูกทีม) ถึงกับร้องไห้ และเชื่อว่าคนดูเองก็มองเห็นว่าสิ่งที่ทำนั้นเกิดจากความจริงใจ 6. หัวหน้าที่ดี ต้องทำให้ลูกน้องดูเพื่อเป็นตัวอย่าง การแข่งขันของ The Face Thailand ผู้เข้าแข่งขันต้องเจอกับโจทย์ต่างๆ มากมาย ซึ่งบางโจทย์นั้นก็ยากเย็นเหลือเกิน จนขนาดเราที่เป็นคนดูยังแอบคิดว่า ‘ใครมันจะไปทำได้?’ แต่ในฐานะเมนเทอร์ของทั้ง 3 ทีม กลับแสดงเป็นตัวอย่างเพื่อเรียกสปิริตในตัวลูกทีม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมมากสำหรับหัวหน้าที่จะทำให้ลูกน้องเชื่อและมั่นใจว่าตัวเขาเองก็จะทำสิ่งต่างๆ ได้ 7. ต้องแยกแยะให้ออกระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ในรายการ เมนเทอร์ทั้ง 3 ต่างสร้างดราม่าและทะเลาะกันออกทีวีทุกสัปดาห์ แต่ความเป็นจริงแล้วนั้นเขาก็ดูรักกันดี ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เพราะทำงานบนพื้นฐานของความมืออาชีพ แว่วๆ มาว่าหลังจากถ่ายรายการฉากเหวี่ยงๆ ทะเลาะกันจบแล้ว เมนเทอร์บีก็ได้เป่าเค้กวันเกิดโดยมีเหล่าเมนเทอร์ลูกเกดและคริสร่วมอวยพรด้วยนะ 8. ถ้าอยากได้ใจใคร ต้องแสดงความเต็มที่ และใส่สปิริตให้เขาเห็น ตลอดทั้ง The Face Thailand Season 1 และ 2 เราจะได้เห็นและมักรอชมความเต็มที่ของผู้เข้าแข่งขัน ว่าจะทำแคมเปญออกมาได้ขนาดไหน ซึ่งทั้งสองซีซั่นที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นสปิริตในตัวของพวกเขากันมาโดยตลอด แต่ฉากจำคงต้องยกให้กับ ติช่า ที่มีประโยคเด็ดว่า “ถ้าพี่บีให้ติช่ากระโดด ติช่าจะถามพี่บีว่าให้กระโดดสูงแค่ไหน และถ้าพี่บีให้ติช่าดำน้ำ ติช่าจะถามพี่บีว่าให้ดำลึกแค่ไหน” เรียกว่าได้ใจทุกคนกันไปแบบเต็มๆ แต่น่าเสียดายที่เรายังไม่เห็นความเต็มที่แบบซีซั่นก่อนๆ ใน The Face Thailand Season 3 มีเพียงผู้เข้าแข่งขันบางคนเท่านั้นที่พอจะแสดงออกว่าต้องการเป็นผู้ชนะจริงๆ เลยอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้รายการในปีนี้ ดูไม่ได้แข่งกันที่ความสามารถ แต่กลับเน้นดราม่าจนเหมือนกับละครน้ำเน่าทั่วไป