ปัญหาของกรุงเทพฯ ที่เราน่าจะรู้กันดีคือ ‘รถติด’ เรียกได้ว่าน่าจะเป็นหนึ่งในปัญหาที่ไม่ว่าผ่านมากี่ ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร รถติดก็ยังเป็นปัญหาคลาสสิคเสมอของกรุงเทพฯ แม้จะมีคนเคยบอกว่ารถไฟฟ้าจะทำให้รถติดในกรุงเทพฯ น้อยลง ซึ่งไม่จริงเลย ทุกวันนี้รถติดแบบไม่เลือกช่วงเวลา บางวันติดเช้า บางทีติดค่ำ บางที่ติดทุกวัน โอ้ย~~ แต่อย่างไรก็ตามรถติดมันก็ต้องมีสาเหตุใช่ไหมล่ะ ดังนั้นรถติดอย่าเพิ่งหัวร้อน เรามาดูกันดีกว่าว่าแท้ที่จริงแล้วกรุงเทพฯ รถติดมหาศาลนั้นคิดอะไร หรือสิ่งใดที่เป็นสาเหตุของรถติด มาดูกันกับ 8 เหตุผลที่ทำไมรถในกรุงเทพฯ ถึงได้ติดกันขนาดนี้ จะได้เข้าใจเหตุผลของรถติดที่มากขึ้น หัวจะได้ร้อนน้อยลง (มั้งนะ…) สาเหตุของรถติดไม่ใช่แค่จำนวนรถที่มากขึ้นเท่านั้น แต่มีอะไรอีกบ้าง มาดู… เพราะผังเมืองไม่เอื้อ นี่คือปัญหาที่เรียกได้ว่าเป็นปัญหาระดับเชิงโครงสร้างอย่างแท้จริง เพราะผังเมืองของกรุงเทพฯ ถ้ามากางดูกันตรงๆ เลยว่าผังเมืองของกรุงเทพฯ นั้นพื้นที่สำคัญจะกระจุกอยู่รวมกัน ไม่ได้กระจาย และแม้กรุงเทพฯ จะมีถนนย่อยเยอะมากที่สามารถเชื่อมต่อถึงกันหมดก็จริง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์รถติด หรือรถระบายออกช้าในถนนสายรอง และถนนสายอื่นๆ ที่ใกล้เคียงจะโดนผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปด้วย อีกสาเหตุคือทางแยกอยู่ใกล้กับห้างใหญ่ ตึกออฟฟิศ หรือคอนโด ก็ทำให้การจราจรได้รับผลกระทบตามไปด้วยเพราะมีทั้งรถเข้า รถออกห้างตลอดเวลา รถคันอื่นที่ไม่ได้เข้าไปในสถานที่นั้นด้วยก็ได้รับกระทบไปตามๆ กัน ปัญหานี้ถ้าจะแก้จริงๆ คงไม่สามารถแก้ได้ในปีหรือสองปี เรียกว่าแก้ไม่น่าจะได้คงไม่ผิดนักเพราะถ้ารื้อผังเมืองนี่เรื่องใหญ่ เพราะมีคนจอดรถริมถนน ต่อให้โครงสร้างแย่แค่ไหนแต่ถ้าวินัยของคนใช้รถ ใช้ถนนมีสำนึก ปัญหารถติดก็จะรถลง แต่ทุกวันนี้ตรงกันข้าม คนใช้รถใช้ถนนบางส่วนก็ลืมไปว่าถนนสายนี้มีรถคันอื่นใช้อยู่ร่วมกับเรานะ โดยเฉพาะมนุษย์ประเภทที่อยากจอดตรงไหนก็จอดโดยโนแคร์ โนสนว่าบนถนนรถจะเยอะแค่ไหน อยากจอดก็จะจอดตรงนี้อ่ะ เปิดไฟกระพริบ แปลว่าสังคมต้องเข้าใจว่าขอจอดหน่อยสิ ซึ่งการขอจอดหน่อยนี่แหละแป๊บเดียวเองคือต้นเหตุของรถติดบรรลัยเลยละคุณ เพราะรถสาธารณะทำเสียพื้นผิวจราจร นอกจากรถส่วนตัวที่สร้างความบรรลัยไส้ให้กับเพื่อนร่วมถนนแล้ว รถเมล์ รถตู้ แท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก สองแถว นี่ก็ตัวจี๊ดเลย เพราะบางทีพี่ไม่จอดในป้าย แต่จอดเลนกลางดื้อๆ รถที่ตามมาที่หลังก็ต้องหยุดรอพี่เขา หรือบางที่มีวินรถตู้อยู่ริมถนน แม้จะไม่ใช่ถนนหลัก แต่การจอดรถริมถนนก็ทำให้เสียพื้นที่จราจรไปหนึ่งเลนแล้ว แม้จะแค่นิดเดียว แต่รถที่เลี้ยวมาก็ต้องเบี่ยงหลบจนเคลื่อนตัวช้าตามไปด้วยจนกระทบไปถึงถนนหลัก เป็นการทำมาหากินที่เดือดร้อนคนอื่นทีเดียว เพราะกลับรถในที่ห้ามกลับ การกลับรถทำให้เสียพื้นผิวจราจรไปหนึ่งส่วนอยู่แล้ว แต่หากกลับรถในจุดที่จัดไว้ให้ ก็จะไม่ค่อยเดือดร้อนคนอื่นเท่าไหร่ แต่บางคนครับคุณผู้ชม เลือกไปกลับรถในจุดที่ไม่ใช่ที่กลับรถเลย ก็บังเอิญว่ามันใกล้ไงก็เลยตีไฟเลี้ยวขวาจอดชิดตั้งท่าจะกลับรถ ซึ่งรถที่เขาขับตรงมาติดรถคันหน้าที่จะกลับรถอ่ะ ทำไมล่ะ น้ำใจมีไหม ทีนี้เป็นยังไงครับ รถคันอื่นก็ต้องเปิดไฟเลี้ยวขวาขอทางจนรถคันอื่นก็ชะลอต่อกันเป็นทอดๆ เพราะฝนตก ฝนตก รถติดน่าจะสามารถบรรจุอยุ่ในคำขวัญใหม่ของกรุงเทพฯ ได้เลย เพราะเมื่อฝนตกทีไรการจราจรที่เคยลื่นไหล จะถูกละลายหายไปกับสายฝน กลายเป็นการจราจรติดหนึบแทนเพราะเมื่อฝนตก คนจะระมัดระวังการขับขี่มากขึ้นเนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี แค่บางทีฝนตกนั้นอาจจะยังบรรลัยไม่พอ พระเจ้าก็ประทานอุบัติเหตุมา 1 ea เพื่อทดสอบความอดทนของมนุษย์อีกขึ้นว่าทนไหวไหม ต้องไหวสิ ทนไม่ไหวก็ทำอะไรไม่ได้ วะฮ่าๆๆๆๆ เพราะมีอุบัติเหตุ เวลาเจอรถติดในจุดที่ไม่คิดว่ารถจะติดสองเหตุผลที่เราพอจะนึกออกก็คือ มีด่านหรือเปล่าวะ กับรถชนกันหรือเปล่าวะ ซึ่งมีด่านนี่ตัดออกไปได้เลย ด่านไม่เคยทำให้รถติดอยู่แล้วววว ดังนั้นอุบัติเหตุจึงเป็นแพะเบอร์ใหญ่ แน่นอนว่าเวลาเกิดอุบัติเหตุรถจะต้องติดกันเป็นธรรมดา แต่สาเหตุมาจากรถติดไม่ได้มาจากอุบัติเหตุอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมาเพราะคนชะลอดูอุบัติเหตุด้วย คือไม่ทราบว่าจะอยากชะลอดูทำไม ก็รีบๆ ขับผ่านไปเลยสิ รถข้างหลังเขาอยากดู เอ้ย! อยากจะไปจากตรงนี้เหมือนกัน เพราะทำถนน กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ปรับปรุงถนนบ่อยมากๆ เมืองหนึ่ง เมื่อวานยังดีอยู่เลย ทำไมวันนี้ซ่อมแล้ว (วะ) บางทีไม่ได้ทำถนนก็ทำรถไฟฟ้า ไม่ทำรถไฟฟ้าก็ซ่อมท่อ ไม่ซ่อมท่อก็ทำฟุตบาท ไม่ทำฟุตบาทก็ทำถนน เป็นแบบนี้วนไปแบบนี้เรื่อยๆ ค่า ซึ่งเวลาทำถนนก็แน่นอนพื้นผิวจราจรเสียไปส่วนหนึ่ง รถติดทันที แม้จะปิดแค่ไม่กี่เมตรก็ตาม แต่สามารถสร้างความบรรลัยบนถนนได้เป็นกิโลฯ พลังงานทำร้ายล้างสุดยอดจริงๆ เพราะเป็นวันศุกร์ ศุกร์คือวัน Apocalypse บนท้องถนนอย่างแท้ทรู โดยเฉพาะวันศุกร์สิ้นเดือน ซึ่งมีพลังทำลายร้าง บนถนนสูงมากถึงขนาดที่ว่าสามารถทำให้ถนนกลายเป็นลานจอดรถได้เลยทีเดียว น่ากลัวที่สุด แถมความแออัดยังลามไปจนถึงระบบขนส่งอื่นๆ ด้วย