จากข่าวการตามหา เด็กๆ และ โค้ช 13 คน ภายในถ้ำหลวง ทำให้เรารู้สึกว่า ‘เราควรเอาจริงเอาจังกับวิชาที่เด็กๆ ทุกคนต้องเรียนผ่านมานั้นคือ ลูกเสือ เนตรนารี หรือ ยุวกาชาด’ กันได้แล้ว ที่ต้องสอนวิชาในการเอาตัวรอดในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่รู้ว่าวันหนึ่งเราจะเจอหรือไม่ แต่รู้ไว้ไม่เสียหลาย มีประโยชน์ต่อตัวเราเองและผู้อื่น
ให้วิชาที่เหมือนคาบว่าง มานั่งร้องเพลง แสดงบทบาทสมมุติ ใส่ชุดร้อนๆ เรียกจัดแถว หันซ้ายที ขวาที มีประโยชน์มากกว่าเดิมกันเถอะ
หาทิศกันเถอะ
ตอนเรียนใครๆ ก็บอกให้ “หาทิศเหนือ” การหาทิศเหนือจะทำให้เรารู้ทิศต่างๆ ว่าอยู่ตรงไหน เหมือนถ้าเราเจอทิศเหนือ จะเดินทางไปทิศไหนมันก็ง่ายหมดนั้นแหละ
- หาทิศตอนกลางวัน การหาทิศตอนกลางวันต้องใช้อุปกรณ์ที่สำคัญ คือ พระอาทิตย์ ในกรณีที่เราไม่ได้พกเข็มทิศติดตัว เราต้องจำไว้ว่า “ถ้าพระอาทิตย์ขึ้นทางไหน ทางขวามือเราคือ ทิศใต้” หรือ ถ้าเรามีนาฬิกา เพียงแค่หยิบนาฬิกาข้อมืออกมาแล้วหันเข็มสั้นไปทางพระอาทิตย์ มองที่หน้าปัดนาฬิกา ตรงกลางระหว่าง 12 นาฬิกา กับ เข็มสั้น นั้นคือเส้นเหนือ-ใต้ หากไม่รู้ว่าทิศไหนเหนือทิศไหนใต้ จำไว้ว่า ดวงอาทิตย์ก็ยังขึ้นทิศตะวันออก และ ตกทางทิศตะวันตกเสมอ
- หาทิศตอนกลางคืน การหลงทางในเวลากลางคืน เป็นสิ่งที่อันตรายมาก ดังนั้นเราต้องตั้งสติไว้ให้มาก และ แหงนมองฟ้า จะพบดวงดาวที่ส่องสว่างมากที่สุด นั้นคือ “ดาวเหนือ” นั้นก็คือทิศเหนือนั้นเอง ในเวลากลางคืนควรหาที่พักสำหรับหลบภัยต่อสิ่งอันตราย เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตัวเรา
ทิ้งร่องรอย
ใครบอกว่าทิ้งร่องรอยไม่สำคัญ อย่างนิทานเรื่อง ฮันเซลและเกรเทล ที่เด็กทั้งคู่โรยขนมปังเพื่อสร้างร่องรอยนั้น ก็ทำให้เด็กทั้งสองจำทางกลับบ้านได้ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ข้อดีคือ ทำให้เราไม่เดินวนกลับมาที่เดิม เป็นสัญลักษณ์ช่วยจำของเราไม่ให้หลง หรือ สามารถวกกลับมาที่เดิมถ้าเราต้องการ และ สอง ทำให้คนที่ติดตามเรา ค้นหาเราได้โดยง่าย นี่จึงเป็นประโยชน์ที่ดีที่เราต้องสร้างร่องรอยให้กับเราเอง
หาที่พักปลอดภัย
รู้แน่ว่าหลงป่า ใกล้ค่ำแล้วด้วย การหาที่พักก่อนพลบค่ำเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะ ความมืดในเวลากลางคืนเป็นสิ่งน่ากลัวเวลาหลงทางในป่า ในเขา สิ่งที่ทำได้ คือการหาทำเลที่ตั้งที่ดี แล้วทำเลไหนมันดีล่ะ
- ทำเลที่เราควรอยู่ เราควรหาพื้นที่แห้งและสูง สังเกตจากชายเขาป่า อยู่ทางไหน ให้ยึดแนวนั้นเป็นหลัก เพราะ สุดชายเขามักจะมีแหล่งน้ำ และอาจจะได้พบชาวบ้าน บ้านคนมักติดกับแหล่งน้ำ
- ไม่ควรไปอาศัยในพื้นที่ใกล้น้ำมากจนเกินไป เพราะ มีความชื้นสูง เป็นจุดนั้นจะเป็นแหล่งเพาะยุงที่อาจมีเชื้อไข้มาลาเรีย อาจทำให้เราได้โรคมาจากป่าแถมมาด้วย และ ป้องกันการเกิดน้ำป่าไหลหลาก
- หลีกเลี่ยงการนอนใต้ต้นไม้ เพราะ เป็นที่อยู่ของแมลง และ สัตว์เลื้อยคลาน ทั้งยังป้องกันอันตรายที่มาจากกิ่งไม้หัก หรือ หินร่วง
- การสร้างที่พัก เช่น การนำเศษใบไม้ ใบหญ้า มาปูเพื่อไว้ใช้นอน สร้างความอบอุ่น และ กันพวกสัตว์ แมลง กัด ต่อย
หากิ่งไม้
ในป่านั้นหนาวมาก ตอนกลางคืน ความชื้นในป่านั้นสูงมาก อาจทำให้เราหนาว ชื้น เป็นหวัดไม่สบายได้ ทางที่ดีควรหากิ่งไม้มาทำเป็นฟืนให้ความอบอุ่นในเวลากลางคืน เป็นไฟให้แสงสว่าง อีกทั้งยังเป็นการสร้างร่องรอยให้กับตัวเราอีกด้วย ถ้าหากเรามีของที่พอจะมาทำเชื้อเพลิงได้ เช่น พลาสติก วาสลีน สเปรย์ น้ำหอม หรือ หากไม่มีก็ใช้เศษกิ่งไม้ กิ่งไม้แห้ง นำมาถูๆ ปั่นๆ จนกว่าจะติดไฟ หรือ ถ้าคุณมีไฟแช็กติดตัว นั้นเป็นเรื่องดีๆ ในชีวิตคุณแล้ว
หาแหล่งน้ำ หาอาหาร
วิธีการหาแหล่งน้ำ
น้ำเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ขาดอาหารหลายวันขาดได้ แต่ขาดน้ำ 2-3 วัน จะมีผลต่อร่างกายมากแล้ว ดังนั้นไม่มีอาหาร แต่มีน้ำเราจะรอด
- เดินหาที่สูงและแห้ง สังเกตจากชายป่า ให้ยึดแนวนั้นเป็นหลัก เพราะ สุดชายป่ามักจะมีแหล่งน้ำ และ นำไปสู่บ้านเรือนคน (ถ้าเราโชคดี)
- น้ำธรรมชาติที่หาได้ตาม ลำต้น ข้อปล้องของไม้ในป่า เช่น เถาวัลย์ ไผ่ กล้วยป่า ลักษณะที่มีข้อปล้อง เนื่องจากเป็นพืชที่กักเก็บน้ำไว้เลี้ยงลำต้นนั้นเอง วิธีการ คือ หาลำต้นที่มีขนาดกลม ตัดออกมาสูงที่สุดที่เราสามารถตัดได้ด้วยมีดที่คม แล้วตัดที่โคนเถาวัลย์ น้ำจะออกมา
- วิธีการ “ชิมคอย” คือ วิธีการชิมทีละนิดก่อนแล้วค่อยดูอาการ สัก 15 นาที ถ้าไม่เกิดอาการแพ้ น้ำนั้นสามารถดื่มได้
- เมื่อน้ำหยุดไหล น้ำในเถสวัลย์ไม่ได้หมด แต่เป็นเพราะเถาเครือปล่อยยางบาง ๆ ออกมาปิดส่วนเนื้อไม้ตรงส่วนบนที่เราตัด ถ้าเราต้องการจะดื่มน้ำอีกก็ให้ทำการตัดเถาที่บริเวณส่วนบนและส่วนล่างอีกครั้ง โดยตัดให้ถัดเข้าไปจากรอยเดิมพอประมาณ น้ำก็จะเริ่มไหลออกมาอีก
วิธีการหาอาหาร
- ระวังการเลือกหาอะไรกินในป่า โดยเฉพาะ พวกเห็ดที่มีสีสันสดใส ห้ามเลย เพราะนั้นอาจจะเป็น เห็ดพิษ ทางที่ดีควรหาของกิน จำพวกมีแมลง นก หนอน งู หรือ สิ่งมีชีวิตอื่น กินได้ หรือ อาจจะมีความรู้ในเรื่องของพืช ขั้นพื้นฐานก็สามารถนำมาปรับใช้เมื่อเราหลงป่า หลงเขาได้
วิชาเงื่อนนำมาใช้ได้
ใครบอกว่าวิชาเงื่อน ที่เราเรียนกันมา 5 แบบ 10 แบบไม่มีความหมาย เงื่อนแต่ละชนิดนั้นมีประโยชน์ของมัน สามารถไปปรับใช้ได้หลายต่อหลายอย่าง เช่ยน ทำอาวุธ ยึดเสาเต้นท์หรือที่อยู่อาศัยให้มั่นคง ทำที่ดักจับสัตว์ หรือ แม้แต่การโรยตัวหน้าผา ที่ต้องใช้ความสามารถในการผูกเงื่อนมาใช้
แต่เงื่อนที่อยากแนะนำ คือ เงื่อนบ่วงสายธนู ที่เป็นเงื่อนโดเรมอน ครอบจักวาลสารพัดประโยชน์ ไว้ ผูกสัตว์ ผูกเรือ ผูกเสา ผูกธนูคล้อง คล้องตัวคน เป็นเงื่อนที่รับน้ำหนักได้ดีมากและแน่นหนา คงทน
ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
สุดท้ายเราต้องคอยส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือตอลดเวลา รวมถึงการสร้างร่องรอยให้ตัวเราด้วย เพื่อให้คนที่ช่วยเหลือเรา ค้นหาตัวเราได้ง่ายขึ้น
- วิธีการที่ง่ายที่สุดคือ การจุดไฟส่งสัญญาณ ต้องหาบริเวณพื้นที่โล่ง เพื่อให้เห็นสัญญาณควันได้จากระยะไกล สร้างฐานก่อกองไฟให้ดี ปราศจากความชื้น ที่สำคัญที่สุดคือ การทำควันไฟให้เกิดควันหนาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อง่ายต่อการสังเกต
- วิธีการ ใช้แสงสะท้อนจากกระจก หากมีอุปกรณ์ที่เป็นกระจก หน้าจอมือถือ ไฟฉาย สิ่งที่สามารถทำให้สะท้อนได้ หันอุปกรณ์ไปทางแสงไฟ เช่น แสงจันทร์ แล้วทำให้อุปกรณ์ขยับไปมา ขึ้น ลง เป็นจังหวะ ก็อาจจะทำให้เป็นที่สังเกตได้
สิ่งที่สำคัญที่เราควรมีที่สุดอันดับแรก คือ “สติ” ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และ การสังเกตสิ่งรอบตัวที่สามารถทำให้เรารอดชีวิตได้ การสังเกตเสียง กลิ่น มองเห็น จะทำให้เรารอดจากสภานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดได้ แบบนี้แล้ว วิชาลูกเสือ เนตรนารี ก็ยังจำเป็นอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดกับเราก็ได้