ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดของกฎหมาย รวมไปถึงกฎจราจร ซึ่งเป็นกฎพื้นฐานในการควบคุมดูแลความปลอดภัยบนท้องถนนไม่ว่าคุณจะขับรถยนต์ธรรมดาไปจนถึงรถหรูหรา หรือบิ๊กไบค์คันใหญ่บึ้ม ทุกคนอยู่ใต้กฎจราจรเดียวกัน ถ้าวันหนึ่งคุณมีโอกาสได้ไปขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวที่ญี่ปุ่นจริงๆ จะมีกฎจราจรสำคัญอะไรบ้างที่ควรรู้ไว้จะได้ไม่โดนปรับ และไม่เกิดอันตรายกับเพื่อนร่วมทาง 1. จำกัดความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ความเร็วของรถทุกชนิดที่วิ่งบนถนนญี่ปุ่นไม่ว่ารถคุณจะมีแรงม้าเท่าไหร่ เครื่องยนต์แรงระดับไหน รถชนิดอะไรก็ตาม ทุกคนจะได้รับความเท่าเทียมกันทางความเร็วด้วยการกำหนดให้ความเร็วที่ใช้ได้บนถนนอย่างเคร่งครัด หากคุณวิ่งบนทางด่วนความเร็วจะถูกจำกัดที่ระหว่าง 80 – 100 กม./ ชม. เท่านั้น ส่วนถนนปกติ ความเร็วจะถูกจำกัดให้ไม่เกิน 60 กม./ชม. เท่านั้น แรงม้าในรถมีเท่าไหร่ก็ใช้ได้เท่านี้แหละ 2. ไม่มีเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด สมมติขี่รถไปเจอสี่แยกไฟแดงแล้วเรากำลังจะเลี้ยวซ้าย สามารถเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดเหมือนไทยได้เลยไหม คำตอบคือไม่ได้! เนื่องจากที่ญี่ปุ่นไม่มีป้ายหรือสัญญาณที่อนุญาตให้รถที่จะเลี้ยวซ้ายผ่านได้ตลอดเวลา ต้องหยุดที่สี่แยกเพื่อรอสัญญาญไฟเท่านั้นที่อนุญาตให้คุณเลี้ยวซ้ายไปได้อย่างสะดวก ต่อให้ทางข้างหน้าคุณจะไม่มีแม้แต่เงาของรถเลยก็ตามก็อย่าฝ่าฝืนกฎจราจรเด็ดขาด อดทนรอหน่อยสิ! 3. คนเดินเท้าสำคัญที่สุด ที่ญี่ปุ่นรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์แม้จะแพงแค่ไหนแต่เมื่ออยู่บนถนนจะกลายเป็นวรรณะต่ำสุดทันที และคนเดินถนนคือวรรณะสูงสุดบนถนน ดังนั้นป้ายจราจรที่ญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับคนเดินเท้าก่อนอันดับแรก ถ้าคุณขี่รถแล้วเจอทางม้าลายต้องหยุดทันที แม้จะไม่มีคนข้ามก็ต้องชะลอก่อนว่าจะมีคนข้ามไหม หรือถ้าไปในย่านชุมชนหากมีป้ายเตือนให้ระวังคน ก็ต้องชะลอดูก่อนแม้จะไม่มีเงาคน หรือเงาพลังงานบางอย่างเลย 4. สัญญาณไฟเหลือง = หยุด คนใช้รถใช้ถนนที่ญี่ปุ่นจะเคารพสัญญาณไฟมากๆ ราวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเจอไฟเหลืองเมื่อไหร่รถทุกคันจะชะลอความเร็วทันทีโดยที่สัญญาณไฟไม่ต้องเปลี่ยนเป็นไฟแดง รถทุกคันก็พร้อมที่จะหยุดด้วยความเคารพ ถ้าได้ไปขี่รถที่ญี่ปุ่นอย่าเผลอเจอไฟเหลืองแล้วกดหนีเต็ม Max ด้วยความเคยชินล่ะคุณจะกลายเป็นคนประหลาดทันที 5. ลูกศรสีเขียวมีไว้ทำตาม อีกหนึ่งสัญญาณไฟที่รู้ไว้เพื่อปฏิบัติตามก็คือลูกศรสีเขียว ที่ญี่ปุ่นบางครั้งถ้าคุณจอดติดไฟแดงแล้วมีลูกศรเขียวโผล่ขึ้นมาพร้อมไฟแดง ให้คุณยึดถือตามสัญญาณลูกศรสีเขียวเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นถ้าสมมติคุณจะเลี้ยวขวาแล้วมีสัญญาณไฟแดงขึ้น แต่มีลูกศรสีเขียวโผล่มาให้เลี้ยวขวาได้ก็เลี้ยวไปเลย ทุกคนเข้าใจดีไม่ต้องกลัวสีเขียวคือที่สุดแล้วนาทีนั้นน่ะ 6. รถเลี้ยวขวาต้องหยุดให้รถฝั่งตรงข้ามเลี้ยวก่อน กรณีที่คุณมาถึงสี่แยกที่ปล่อยไฟเขียวทั้งสองฝั่ง แล้วคุณจะเลี้ยวขวาพอดี ส่วนรถฝั่งตรงข้ามของคุณก็กำลังจะเลี้ยวไปทางเดียวกับคุณ (เลี้ยวซ้ายนั่นแหละ) สิ่งที่คุณควรทำคืออะไร กดเต็มสปีดชิงเลี้ยวก่อนเลยใช่ไหม!? ผิดเฟร้ย! ที่ถูกต้องคือรถที่จะเลี้ยวขวาทุกกรณีต้องหยุดให้รถที่จะเลี้ยวไปทางขวามือของคุณเลี้ยวก่อนเสมอ แล้วค่อยเลี้ยวตามเป็นมารยาท และเป็นกฎจราจรพื้นฐานที่ทุกคนก็ทำกัน การหยุดรอนิดหน่อยไม่ได้ทำให้คุณถึงที่หมายช้าขึ้นเท่าไหร่หรอกเนอะ 7. เจอทางรถไฟต้องหยุด ในกรณีที่ต้องข้ามทางรถไฟ แม้รถไฟจะไม่มาสักขบวนคุณก็ต้องหยุดสนิท เปิดกระจกเพื่อฟังเสียงพร้อมมองซ้ายขวาเช็คความเรียบร้อยว่านาทีนี้ไม่มีรถไฟผ่านมาสักคันแน่ๆ จากนั้นถึงค่อยขี่รถผ่านข้ามไปอย่างช้าๆ อย่าขี่รถเหมือนกำลังวิ่งหนีการตามล่าจากใคร คุณเป็นคนใช้รถ ใช้ถนนธรรมดา ไม่ใช่พระเอก Fast & Furious ไม่ต้องรีบขนาดนั้น ไม่ได้มีใครต้องการคุณไปกู้โลก ใครเจอทางรถไฟแล้วไม่หยุดสนิทก่อนข้ามนี่ผิดกฎจราจรนะ ไปลองสัมผัสประสบการณ์ขี่มอเตอร์ไซค์ที่ญี่ปุ่นกับ Honda BigBike ไหม สำหรับคนที่อ่านจนจบอาจจะงงว่า เราไม่เคยไปญี่ปุ่นนี่นา แล้วจะมารู้จักกฎจราจรญี่ปุ่นไปทำไม คำตอบก็คือคุณอาจจะเป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่ได้มีโอกาสไปขี่ Honda CB1100 ท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศการขี่บิ๊กไบค์ท่องเที่ยวแดนอาทิตย์อุทัย สัมผัสประสบการณ์ขับขี่อย่างสนุก และไม่เคยมีมาก่อนก็ได้กับแคมเปญ Honda BigBike Riding Passion Campaign กติกาการเข้าร่วมกิจกรรมง่ายมากๆ คลิกเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ Honda BigBike Riding Passion CAmpaign เริ่มกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2560 ใครๆ ก็สามารถไปสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ที่ญี่ปุ่นได้ ขอแค่คุณมี Passion!!