หลายคนมีความเชื่อว่า “คนเราเกิดครั้งเดียว ตายครั้งเดียว” การที่เราจะตัดสินใจออกไปทำอะไรสักครั้งไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตนี้มีความหมายมากขึ้นไปอีก และอยากจะ Live Alive ต่อไปเพื่อตามหาสิ่งใหม่ๆ ที่ต้องทำไปเรื่อยๆ เข้าใจอยู่ว่าเป้าหมายที่อยากจะไปใช้ชีวิตของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ตั้งแต่สถานะทางสังคม หน้าที่การงาน การเงิน และอื่นๆ ดังนั้นการจะชวนให้ออกไปท่องโลกกว้างขณะที่บ้านยังติดหนี้ หรือการที่จะชวนให้ลาออกจากงานแล้วไปเป็นอาสามัครที่นามิเบีย ก็ดูจะยากเกินไป แต่เราก็อยากจะชวนไปทำอะไรสนุกๆ ด้วยการใช้ชีวิตกับ 7 เรื่องสนุกๆ ที่มั่นใจว่า ใครๆ ก็ไปทำสักครั้งในชีวิตได้ให้ลองทำดู ตื่นให้เช้ากว่าเดิมหนึ่งชั่วโมง การตื่นเช้ากว่าเดิมแค่หนึ่งชั่วโมงเราจะได้อะไรกลับมาบ้าง นอกจากเสียเวลานอนที่มีค่าไปหนึ่งชั่วโมง? อันที่จริงแล้วการเริ่มที่จะลองเปลี่ยนชีวิตทำได้หลายอย่าง แต่ง่ายที่สุดที่มนุษย์ทุกคนทำได้คือลองตื่นให้เช้าขึ้นกว่าเดิมจากที่เคยทำ อาจจะดูไม่เห็นประโยชน์แต่ลองนึกดูว่าหนึ่งชั่วโมงที่คุณลืมตาตื่นมาก่อนเวลาปกนั้นหมายความว่าคุณมีเวลาให้กับตัวเองเพิ่มขึ้นครึ่งชั่วโมง แทนที่จะจ่ายเวลาไปกับการอุดอู้อยู่บนเตียง หนึ่งชั่วโมงนี้คุณจะได้อะไรกลับมาบ้าง คุณอาจจะใช้จ่ายเวลาหนึ่งชั่วโมงไปกับการอ่านหนังสือที่ดองไว้รอจนถึงเวลาที่ควรตื่น แล้วค่อยไปอาบน้ำแต่งตัว เอาเวลาหนึ่งชั่วโมงนั้นออกไปวิ่งเบาๆ สัก 8 – 9 กิโลฯ เอาเวลาหนึ่งชั่วโมงนั้นไปเคลียร์งานที่ค้างจากเมื่อวานให้เสร็จ หรือเอาเวลาหนึ่งชั่วโมงไปทบทวนตัวเอง แล้ววางแผนว่าวันนี้จะทำอะไร หากทำเป็นประจำทุกวัน เราจะรู้ว่าแค่หนึ่งชั่วโมงก็เปลี่ยนชีวิตได้ พิชิตมาราธอนสักรายการ การวิ่งมาราธอนคือหนึ่งในภารกิจที่ท้าทายมนุษย์ทุกคนซึ่งไม่ใช่ว่าจะสามารถทำได้ง่ายๆ กับการพิชิตระยะทาง 42.195 กิโลเมตรด้วยขาทั้งสองข้าง แต่ถ้ามีวินัยก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ การวิ่งมาราธอนทำให้เราค้นพบชีวิตใหม่ของตัวเอง คำนี้ไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริง แต่การวิ่งมาราธอนทำให้เราเปลี่ยนชีวิตใหม่ได้จริงๆ เริ่มตั้งแต่การฝึกซ้อมเพื่อไปให้ถึงมาราธอนนั้นต้องใช้เวลา 4 เดือน เราต้องเปลี่ยนชีวิตจากเดิมที่อาจจะไม่เคยวิ่งเกิน 5 กิโลเมตรก็ต้องวิ่งไปให้ไกลกว่านั้น ช่วงฝึกซ้อมเราต้องวิ่งในระยะที่ไกลกว่านั้นเพื่อให้ร่างกายทนทานกับระยะทางที่ต้องพิชิต วิ่งวันแรกกับวิ่งวันที่เราไปพิชิตมาราธอนนั้นวันที่เข้าเส้นชัยคุณจะพบว่าชีวิตคุณเปลี่ยนไปจริงๆ ทั้งร่างกายที่เข้มแข็งขึ้น และจิตใจที่เอาชนะตัวเองได้ หยุดเล่นอินเทอร์เน็ต 1 อาทิตย์ มีผลสำรวจบอกว่าคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 9 ชั่วโมง 38 นาทีเป็นอันดับหนึ่งในโลก และหากคิดเป็นอินเทอร์เน็ตบนมือถือคนไทยก็ยังใช้เวลาท่องอินเทอร์เน็ตเยอะที่สุดเฉลี่ย วันละ 4 ชั่วโมง 56 นาที การใช้เวลาอยู่แต่อินเทอร์เน็ตทำให้เราพลาดที่จะทำอะไรหลายอย่าง รวมถึงการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบตัว การหยุดเล่นอินเทอร์เน็ต 1 อาทิตย์เราจะได้เวลากลับคืนมาอย่างต่ำวันล่ะ 4 ชั่วโมง 56 นาที เราจะมีเวลาในการออกเดินทางท่องเที่ยวเห็นโลกที่กว้างขึ้น ได้คุยกับคนรอบข้าง ได้ทำอาหาร กระทั่งได้ทำงานที่อยากจะทำ เมื่อกลับมาเล่นอินเทอร์เน็ตอีกรอบ คุณลองมาสำรวจตัวเองอีกครั้งว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อเราหลุดเล่นอินเทอร์เน็ตไปหนึ่งสัปดาห์ คุณอาจจะติดใจโลกออฟไลน์มากขึ้นก็ได้ นั่งรถไฟชั้น 3 ไปเชียงใหม่ การนั่งรถไฟคือการเดินทางที่สวนทางกับโลกใบนี้ที่อะไรก็เร็วไปหมดเลย แต่หากคุณได้มาเดินทางด้วยรถไฟและไปยังที่ไกลๆ คุณจะค้นพบความชิลระหว่างการเดินทางที่แท้จริง และตลอดเวลากว่า 12 – 15 ชั่วโมงที่อยู่บนขบวนรถไฟนั้น คุณจะมีเวลาว่างอย่างมากในการทำอะไรต่างๆ มากมายที่ไม่ใช่แค่เล่นโทรศัพท์ (เพราะบนรถไฟเน็ตค่ายไหนก็กากมาก) ถ้าคุณเดินทางไปกับเพื่อนสนิท คุณจะมีโอกาสได้งัดสารพัดเรื่องออกมาคุยกันแบบหมดเปลือกชนิดที่ว่าเจอหน้ากันตลอดทั้งปี ยังไม่มีโอกาสคุยกันทุกเรื่องด้วยการนั่งรถไฟในคืนเดียว หรือถ้าคุณเดินทางไปกับคนรัก การเดินทางไปด้วยกันนานๆ คือการทำให้คุณได้คุยกับคนรักมากกว่าปกติ หรือการเดินทางด้วยวิธีอื่นแน่นอน ดำน้ำลึกชมโลกใหม่ในโลกใบเดิม การดำน้ำลึกแบบสคูบาคือความท้าทายหนึ่งที่ใครก็สามารถทำได้ ขอแค่เรียนรู้ก่อนที่จะลงไปท่องโลกใต้น้ำ การดำน้ำลึกนั้นเป็นกิจกรรมที่ทำให้เราได้ใช้สมาธิอย่างเต็มที่ไปกับการสำรวจโลกใต้ทะเลลึกที่ไม่ใช่ว่าจะเห็นกันได้ง่ายๆ และเป็นโลกอีกใบที่มีแค่เพียงผิวน้ำกั้นกลางเท่านั้น นอกจากนี้โลกใต้น้ำยังมีความเงียบสงบ เป็นความเงียบที่แท้จริงที่ทำให้เราสงบจิตสงบใจได้อย่างชัดเจน จึงไม่แปลกที่คนที่เคยดำน้ำครั้งแรกจะติดใจขึ้นมาแล้วอยากจะดำลงไปอีกครั้งเพราะหลงเสน่ห์ของความสวยและความเงียบสงบของโลกใต้น้ำ ปีนภูเขาพิสูจน์จิตใจ การเดินขึ้นภูเขา เป็นหนึ่งในวิธีการท้าทายตัวเองที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะไปพิชิตภูเขาลูกไหนเพื่อท้าทายตัวเอง ถ้าไม่อยากจะพิชิตในเมืองไทย ภูเขาที่น่าสนใจและน่าไปพิชิตคือ ‘ภูเขาไฟฟูจิ’ หนึ่งในภูเขาที่มีความท้าทายและสามารถปีนได้ไม่ยากสำหรับนักปีนเขามือสมัครเล่น การพิชิตภูเขาไฟฟูจิ ทำให้เราได้ค้นพบความหมาย และเจอเรื่องราวระหว่างทางที่คุณเองก็คาดไม่ถึง หากไปกับคนรัก นี่คือจังหวะที่เราจะได้พิสูจน์รักกันว่าคนข้างๆ เรานั้นจะเห็นแก่ตัวแล้วขึ้นไปยังจุดสูงสุดของฟูจิคนเดียว หรือจะพาเราไปด้วยกันจนถึงเป้าหมาย แต่พากันลงมาจนถึงจุดเริ่มต้น หากไปคนเดียวคุณจะได้มีโอกาสเจอมิตรภาพระหว่างทาง ขอแค่กล้าเริ่มพูดกับใครสักคนที่เดินขึ้นเขาไปพร้อมๆ กัน ระหว่างปีนเรายังได้มีโอกาสดื่มด่ำกับวิวของฟูจิที่จะค่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากวิวป่ากลายเป็นวิวของทะเลเมฆที่มองเห็นไกลสุดลูกหูลูกตาเราจะเจอแต่ความเวิ้งว้างอันกว้างใหญ่ของธรรมชาติ วันที่คุณพิชิตภูเขาไฟฟูจิได้ นอกจากวิวที่จะลืมไปลงแล้ว เรายังได้รู้ว่าธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ถ้างบไม่ถึงจะไปฟูจิไปภูกระดึง หรือดอยหลวงเชียงดาวก่อนก็ได้นะ… ช่วยเหลือคนที่เราสามารถช่วยได้ เราทำเพื่อตัวเองมาเยอะแล้วจึงไม่แปลกที่เราจะมีความสุข แต่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขไม่แพ้กันคือลองทำเพื่อคนอื่นดูบ้าง การช่วยเหลือคนอื่นนั้นทำได้หลายวิธีซึ่งอยู่ที่ว่าเราจะสะดวกช่วยเหลือคนเหล่านั้นแบบไหน ตั้งแต่ยื่นไมตรีให้ ไปจนถึงยื่นทุนทรัพย์ด้วยกำลังที่เราทำไหว แค่นี้ก็ทำให้เรามีความสุขได้ง่ายๆ แล้ว วิธีนี้ไม่ต้องทำแค่วันเดียว แต่ทำทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าจะช่วยเรื่องเล้กน้อยหรือเรื่องใหญ่ แต่การช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนนั้นทำให้เราได้รับความสุขที่สุดที่สุดกลับมา แม้คุณจะทำไปแค่ครั้งเดียวแล้วได้รับคำว่า “ขอบคุณ” กลับมาแค่ครั้งเดียว แต่เชื่อเถอะว่าครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่จะตามมาเอง ติดตามเรื่องราวสร้างแรงบัลดาลใจให้ออกไปใช้ชีวิตได้ที่… https://www.toyota.co.th/livealive/
