เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ในดวงใจของใครหลายๆ คน สำหรับ “รักแห่งสยาม” ภาพยนตร์แนวโรแมนติกจากฝีมือการกำกับของมะเดี่ยว-ชูเกียรติ ที่สร้างความประทับใจให้กับทั้งเด็กสยามและคนที่ไม่ใช่เด็กสยามไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว และเมื่อเร็วๆ นี้ ทางสตูดิโอคำม่วนก็ได้ประกาศว่ารักแห่งสยาม จะกลับมาให้เราได้หายคิดถึงกันอีกครั้ง ในรูปแบบของละครเวที และที่พิเศษกว่านั้นคือพิชญ์ -วิชญ์วิสิฐ เจ้าของบท “มิว” ในเวอร์ชั่นหนัง จะกลับมาอีกครั้งในฐานะผู้กำกับละครเวทีเรื่องนี้ รักแห่งสยาม มิวสิคคัล จะทำการออดิชั่นนักแสดงนำในเร็วๆ นี้ และเปิดการแสดงในเดือนธันวาคมปีนี้ในโอกาสครบรอบ 13 ปี แต่ก่อนที่เราจะได้ไปพบกันโต้งและมิวในเวอร์ชัน 2019 เราก็เชื่อว่าหลายคนยังคงคิดถึงความสวยงามของเรื่องนี้เมื่อ 13 ปีที่แล้วกันอยู่ วันนี้ Mango Zero เลยขออาสาพาทุกคนย้อนอดีต ทบทวนความทรงจำกับหลายเรื่องราวแสนประทับใจในภาพยนตร์ “รักแห่งสยาม” กัน! ** มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน ** สยามสแควร์ ยุค 2000s ขึ้นชื่อว่ารักแห่งสยาม ไม่คิดถึงสยามเมื่อกว่า 10 ปีก่อนคงไม่ได้ สยามในยุครักแห่งสยามเป็นยุคที่มีห้างสยาม พารากอน และเซ็นเตอร์พอยท์แล้ว หลายอย่างยังคงอยู่และถูกปรับปรุงใหม่เรื่อยๆ บางอย่างปิดตัวลงไปตามกาลเวลา และจากตอนนั้นจนถึงตอนนี้สยามยังคงเป็นศูนย์รวมวัยรุ่นในเย็นวันธรรมดา วันหยุดสุดสัปดาห์ และเทศกาลพิเศษๆ อยู่ นั่นทำให้ถ้าใครที่ดูรักแห่งสยามและใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้ ก็คงได้นึกถึงหนังเรื่องนี้กันอยู่บ่อยๆ กรุงเทพฯ กับฤดูหนาว บรรยากาศในหนังรักแห่งสยามคือช่วงที่ประเทศไทยและกรุงเทพฯ ยังคงมีหน้าหนาวอยู่ นั่นทำให้หลายคนคงอดคิดถึงกลิ่นอายความอบอุ่นที่มาพร้อมกับอากาศเย็นๆ และความสนุกสนานของเทศกาลเฉลิมฉลองเทศกาลช่วงปลายปีที่สยามไม่ได้ ดนตรี เพลงเพราะๆ จุดเด่นหนึ่งของรักแห่งสยามที่เราจดจำกันได้อย่างดีคงหนีไปพ้นเพลงประกอบหนังเพราะๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลง “กันและกัน” จากวงฟลัวร์ รวมไปถึงอีกหลายๆ เพลงที่ปรากฏเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง เช่น คืนอันเป็นนิรันดร์ ขอบคุณกันและกัน ซึ่งนั่นก็ทำให้เราได้รู้จักกับศิลปินวัยรุ่นอย่างวง “ออกัส” ด้วย ทุกวันนี้ใครยังกลับไปฟังเพลงประกอบหนังเรื่องนี้อยู่ก็ยกมือขึ้นสูงๆ ได้เลย!! โต้ง-มิว ในเรื่องนี้เราได้เห็นความรักในหลายๆ รูปแบบ แต่ที่เป็นที่จดจำที่สุดคงหนีไม่พ้นตัวเอกอย่างโต้งและมิว รักแห่งสยามนับว่าเป็นหนังที่นำเสนอความรักของ LGBTQ ออกมาเป็นเรื่องแรกๆ และนักแสดงนำอย่างมาริโอ้และพิชญ์ก็แสดงมันออกมาได้อย่างกลมกล่อม ตุ๊กตาไม้ เป็นหนึ่งในจุดสำคัญในเรื่องนี้ ตุ๊กตาไม้ที่จมูกหายไปของมิวช่วยพาให้เรื่องดำเนินไปจนได้เห็นถึงความสัมพันธ์ ความน่ารักอบอุ่นระหว่างมิวและโต้ง ในช่วงที่หนังเข้าฉายเมื่อประมาณ 13 ปีก่อน ตุ๊กตาไม้กลายมาเป็นไอเท็มที่ขายได้ถึง 300 ตัวตั้งแต่เริ่มฉายรักแห่งสยามรอบปฐมทัศน์อีกด้วย และสำหรับแฟนหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี เราก็เชื่อว่าทุกคนคงยังจดจำเจ้าตุ๊กตาไม้ไม่มีจมูกตัวนี้กันได้อยู่ สูงสุดแดนสยาม ภาพครอบครัวที่ปรากฏอยู่ในหลายฉากของหนังเรื่องนี้และเราน่าจะจำได้ก็คือภาพครอบครัวของโต้งที่ป้าย “สูงสุดแดนสยาม” ในตอนที่ครอบครัวไปเที่ยวด้วยกัน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นคือ “แตง” พี่สาวคนโตของบ้านไม่ได้อยู่ในรูปด้วย และไม่มีใครคิดว่าแตงจะหายตัวไปและไม่มีวันกลับมาอีกเลย วันคริสต์มาส ฉากสุดท้ายที่คงติดอยู่ในความทรงจำของหลายๆ คน คงเป็นตอนที่ครอบครัวของโต้งที่เป็นชาวคริสต์กำลังเตรียมพร้อมต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส ในฉากนี้แม่เรียกให้โต้งมาช่วยตกแต่งต้นคริสต์มาส กระทั่งตอนที่โต้งลังเลว่าจะติดตุ๊กตาตัวไหน เป็นฉากที่ทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกของครอบครัวนี้อย่างชัดเจนจนดูแล้วอดเสียน้ำตาให้ไม่ได้เลย
