Mango Zero

ไปไหนไปกัน! กับ 7 อุปกรณ์ชงกาแฟแบบพกพา

สำหรับคอกาแฟแล้ว การเดินทางโดยปราศจากกาแฟแก้วโปรด อาจเป็นเรื่องที่ทรมานเหลือเกิน เพราะไม่รู้ว่าระหว่างทางหรือจุดหมายปลายทางนั้น จะมีกาแฟที่ทำให้อมยิ้มได้หรือไม่ ยิ่งสายผจญภัยขึ้นเขาลงห้วยด้วยแล้ว การไม่พกอุปกรณ์ชงกาแฟติดตัว อาจทำทริปนั้นหมดสนุก ลองจินตนาการเมื่อได้ไปอยู่บนยอดเขา แล้วชงกาแฟแก้วโปรดกิน เพื่อรับวิวตรงหน้า จะยิ่งฟินขนาดไหนอย่างไรก็ตามปัจจุบันมีอุปกรณ์กาแฟสำหรับนักเดินทางที่น่าสนใจมากมาย ที่ตอบโจทย์ในเรื่องความทนทานของวัสดุ ขนาดที่เล็กพอเหมาะสำหรับพกพา รวมถึงการจัดเก็บอยู่ในที่ที่เดียว จึงไม่ต้องเสี่ยงว่าอุปกรณ์บางส่วนจะหาย จนต้องพาลทิ้งไปทั้งเซ็ท

ในที่นี้เราได้รวบรวมอุปกรณ์ชงกาแฟแบบพกพาในรูปแบบ Manual ที่น่าสนใจ จากหลากไอเท็มที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย เผื่อใครสนใจจะออกทริปในเร็วๆ นี้ ลองมีพวกเขาเป็นหนึ่งในตัวเลือก อาจทำให้ทริปสนุกขึ้นคูณสองก็เป็นได้นะ!

Soulhand – All-in-one Pour-Over Coffee Maker

สำหรับคอกาแฟดริป ตัวนี้ตัวเดียวเอาอยู่ ไม่ต้องแบกอุปกรณ์หลายชิ้นให้วุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นดริปเปอร์ กาดริปกาแฟ ถ้วยรองน้ำกาแฟ และเครื่องบดเมล็ดกาแฟ ทุกอย่างนี้อยู่ในแคปซูลทรงกระบอกสีดำมันเงาเพียงกระบอกเดียวเท่านั้น ด้วยขนาดที่เล็ก และสะดวกต่อการพกพา ด้วยขนาดขนาดฐานกว้าง 8.8 ซม. สูง 19.8 ซม. และยอดกว้าง 7.6 ซม.

ประกอบด้วยส่วนที่เป็นกาดริปซึ่งบรรจุน้ำร้อนได้ครั้งละ 130 มล. และเฟืองบดเมล็ดกาแฟที่ทำจากเซรามิค สามารถปรับระดับการบดได้ตามต้องการ และสามารถเลือกวิธีการหมุนเฟืองด้วยการบิดด้วยฝากระบอก หรือด้วยมือจับ (Foldaway Hand Crank) ก็ได้

นอกจากนี้ยังบรรจุด้วยดริปเปอร์ที่ทำจากสแตนเลส และกระบอกน้ำพร้อมฝาปิดที่ใช้แทนเหยือกรองน้ำกาแฟ ขนาด 260 มล. โดยภายในทำจากสแตนเลสที่ได้รับการรับรองจาก FDA ทั้งนี้เมื่อไม่ได้ใช้งานสามารถบรรจุเมล็ดกาแฟได้ประมาณ 14 กรัม สนนราคาอยู่ที่ราวๆ 34 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,060 บาท

Staresso – Staresso Mirage

อุปกรณ์ชงเอสเปรสโซ่ (Espresso) แบบพกพา สัญชาติจีน การันตีกับโมเดลก่อนหน้าที่ได้รับรางวัล Germany Red Dot Design Award ไปเมื่อปี 2016 โดยโมเดลล่าสุดนี้มีชื่อว่า Staresso Mirage รูปทรงคล้ายกระสวยอวกาศ ประกอบด้วยปั๊มแรงดันขนาด 15- 20 บาร์ พร้อมตะกร้าชง (Coffee Basket) ขนาดใหญ่ที่ใส่กาแฟได้ 18 – 22 กรัม และกระบอกเก็บน้ำขนาด 180 มล. รวมถึงฝากระบอกที่สามารถใช้แทนแก้วใส่กาแฟ

สามารถสกัดกาแฟได้ทั้งแบบซิงเกิ้ลช็อต (Single Shot) ดับเบิ้ลช็อต (Double Shot) และแบบลุ่งโก่ (Lungo) โดยมีท่อปล่อยน้ำกาแฟให้สองท่อด้วยกัน โดยสามารถสกัดช็อตเอสเปรซโซ่ได้ภายใน 60 วินาที

อุปกรณ์รุ่นนี้มีความยาวอยู่ที่ 7.5 นิ้ว หรือประมาณ 19 ซม. มาพร้อมขาตั้งที่สามารถพับเก็บได้ในตัว เพิ่มความสะดวกสบายให้มากขึ้น ทำให้ไม่จำเป็นต้องหาพื้นที่วางบนโต๊ะเสมอไป อาจวางบนพื้นที่เอ้าท์ดอร์อย่างบนสนามหญ้าหรือบนหาดทรายก็ได้

วัสดุทำจากสแตนเลสคุณภาพสูง ปราศจากสาร BPA และได้รับการรับรองจาก FDA สนนราคาอยู่ที่ราวๆ 80 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,500 บาท

Wacaco – Nanopresso

หลังจากเครื่องทำเอสเปรสโซ่รุ่นก่อนอย่าง Minipresso ได้รับความนิยมอย่างมาก ค่าย Wacaco จึงได้พัฒนารุ่น Nanopresso ตามออกมายั่วน้ำลายกันอีกครั้ง ด้วยแรงดันที่มากขึ้น จาก 8 บาร์ เพิ่มเป็น 18 บาร์ ในขณะที่ออกแรงกดน้อยกว่าเดิมถึง 15%

นอกจากนี้แทงค์น้ำยังบรรจุน้ำได้มากขึ้น และยังสามารถถอดชิ้นส่วนแยกออกมาเป็นแก้วสำหรับกดช็อตได้อีกด้วย ทำให้ไม่ต้องพกแก้วแยกไปต่างหากอีกทั้งเคสหรือปลอกหุ้ม Nanopresso ยังทำขึ้นจากวัสดุ EVA ช่วยกันกระแทก มีน้ำหนักเบา และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยปลอกหุ้มมีการออกแบบให้รับกับตัวเครื่องที่มีการจัดเก็บในรูปแบบของแคปซูลพอดี จึงง่ายต่อการจัดเก็บและพกพา

ทั้งนี้ดีไซน์ที่เห็นในภาพเป็นรุ่น Limited Edition มีให้เลือกด้วยกันหลายสี อาทิ สีแดง สีดำ และสีเหลือง สนนราคาอยู่ที่ราวๆ 80 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,500 บาท

Espro – Espro Travel Press

Espro บริษัทจำหน่ายอุปกรณ์กาแฟสัญชาติแคนาดา กับสินค้าตัวท็อปอย่าง Espro Travel Press ที่ออกแบบมาสำหรับคอกาแฟ French Press โดยเฉพาะ ด้วยจุดเด่นของบอดี้และรสชาติของกาแฟที่ใส สะอาดกว่า และขมน้อยลง

กับการแก้ไขจุดอ่อนที่มักพบโดยทั่วไปของเครื่องชง French Press ด้วยการพัฒนาก้านกดในระบบที่เรียกว่า Stop-Extraction Design เพื่อไม่ให้ผงกาแฟที่ถูกสกัดไปแล้วกลับมาสัมผัสกับน้ำกาแฟที่ยังอยู่ในกระบอกชง

รวมถึงตะแกรง 2 ชั้น (Double Micro Filter) ที่มาพร้อมความถี่ที่มากกว่าตะแกรงของ French Press ปกติ ถึง 12 เท่า ช่วยกันผงกาแฟขนาดเล็กบางส่วน ที่อาจเล็ดลอดออกมาปนกับน้ำกาแฟ จนทำให้เกิดการสกัดที่มากเกินไป (Over Extraction) ซึ่งอาจนำมาซึ่งรสชาติที่ขม และบอดี้ของกาแฟที่ขุ่นเกินไปนั่นเอง

ทั้งนี้สามารถใส่กระดาษกรองเสริมขั้นตรงกลางระหว่างตะแกรง 2 ชั้น เพื่อช่วยกรองน้ำมัน ทำให้ได้กาแฟที่ใสสะอาดยิ่งขึ้น

อุปกรณ์นี้ทำจากสแตนเลส ปราศจาก BPA และ BPS อีกทั้งตัวกระบอกยังเป็น Double Wall จึงเก็บความร้อนได้ยาวนาน สนนราคาอยู่ที่ 59 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,850 บาท

Asobu – Cold Brew 

หลายคนพอได้ยินคำว่ากาแฟสกัดเย็น (Cold Brew Coffee) อาจนึกภาพไม่ออกว่า ถ้าต้องออกนอกสถานที่จะนำอุปกรณ์ชงกาแฟในรูปแบบนี้ติดตัวไปอย่างไร เพราะภาพที่นึกได้คงมีแต่ผงกาแฟที่แช่น้ำอยู่ในโหล จะถือออกไปไหนก็กลัวหก ไหนยังจะต้องกรองเอาผงกาแฟออกอีก แต่ Asobu ทำได้ด้วยอุปกรณ์ที่ครบเซ็ทในตัว

ด้วยรูปทรงสวยคล้ายนาฬิกาทราย ที่โถด้านบนจะมีตะแกรงฟิลเตอร์ที่ทำจากสแตนเลสเอาไว้ใส่กาแฟบด โดย Asobu แนะนำให้ใช้กาแฟบดหยาบประมาณ 2 – 3 ออนซ์ และน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้องประมาณ 3 ถ้วย แบ่งเติมกาแฟและเทน้ำผ่านฟิลเตอร์ประมาณ 3 รอบ กระบวนการนี้ใช้เวลาไม่เกิน 4 นาที จากนั้นแช่กาแฟไว้ 12 – 24 ชั่วโมง

จากนั้นเปิดปุ่มด้านบน และกดปุ่มตรงกลางขวดค้างไว้ เพื่อไล่น้ำกาแฟลงกระบอกด้านล่าง จากนั้นหมุนเอากระบอกด้านล่างออกพร้อมฝาปิด สามารถเติมน้ำแข็งหรือนมตามใจชอบ โดยกระบอกนี้สามารถเก็บความเย็นได้ถึง 24 ชั่วโมง และถ้านำกระบอกด้านล่างนี้ใช้ใส่เครื่องดื่มร้อน ก็จะสามารถเก็บความร้อนได้ถึง 12 ชั่วโมง สนนราคาอยู่ที่ 36 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,125 บาท

 

Rivers – Micro Coffee Dripper

อุปกรณ์นี้มาจากแบรนด์ Rivers สัญชาติญี่ปุ่น แม้จะผลิตออกมานานแล้ว แต่ก็นับว่าตอบโจทย์สำหรับนักเดินทางไม่น้อย ด้วยอุปกรณ์ที่จัดอยู่ในรูปของแก้วเพียงใบเดียวเท่านั้น แถมมีให้เลือกหลายสีอีกด้วย อาทิ สีดำ สีเทา สีเขียวมะกอก สีฟ้า สีเบจ และสีแดง เป็นต้น

โดยทำออกมาตอบโจทย์คนรักกาแฟดริป ที่ไม่ต้องการพกดริปเปอร์และฟิลเตอร์ให้วุ่นวาย ภายในแก้วบรรจุด้วย ตะแกรงฟิลเตอร์ที่สามารถจัดเก็บใส่ในแก้วได้พอดี อีกทั้งไม่ต้องพึ่งกระดาษกรอง เพียงแต่น้ำกาแฟที่ได้อาจจะไม่ใสเท่า

รวมถึงขาตั้งซิลิโคนที่สามารถตั้งล็อคไว้บนปากแก้วเวลาดริปกาแฟ และยังสามารถพับเก็บใส่ในแก้วได้อีกด้วย เมื่อดริปเสร็จก็เพียงยกตะแกรงออก ปิดฝาแก้ว แล้วยกดื่มไปไหนต่อไหนได้สบายๆ สนนราคาอยู่ที่ 864 เยน หรือราวๆ 250 บาท เท่านั้น

Silicone Collapsible dripper 

เมื่อพูดถึงดริปเปอร์ ไม่ว่าจะทรงกรวย ทรงสี่เหลี่ยมคางหมู หรือทรงตะกร้า (บางคนเรียกทรงคัพเค้ก) การพกดริปเปอร์ติดตัวไปไหนมาไหนด้วย อาจจะกินพื้นที่กระเป๋าไปสักนิด แต่รับรองได้ว่าปัญหานั้นจะหมดไป ถ้าดริปเปอร์นั้นทำจากวัสดุที่สามารถพับได้อย่างซิลิโคน (Silicone)!

ปัจจุบันมีให้เลือกด้วยกันหลายยี่ห้อ จุดเด่นคือสามารถพับเก็บได้ ไม่กินเนื้อที่กระเป๋า และตัววัสดุที่ทำจากซิลิโคนที่เป็น Food Grade ปราศจากสาร BPA และได้รับการรับรองจาก FDA หลายยี่ห้อส่วนใหญ่ทำออกมาในรูปทรงกรวย หรือไม่ก็ทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ซึ่งต้องใช้ควบคู่กับกระดาษกรอง

อย่างแบรนด์ Rivers ก็ทำดริปเปอร์ที่ทำจากซิลิโคนออกมาด้วยเช่นกัน เป็นทรงกรวยที่สามารถกลับด้านใช้ได้ทั้งสองรูปแบบ ด้วยลายเส้นของตัวดริปเปอร์ในแต่ละด้านที่กำหนดการไหลของน้ำเร็วช้าแตกต่างกัน รสกาแฟที่ได้จึงออกมาแตกต่างกันไปด้วย สนนราคาอยู่ที่ 1,080 เยน หรือราวๆ 300 บาท

ในขณะที่แบรนด์ Sea to Summit ชูจุดเด่นเพิ่มตรงที่ด้านล่างเป็นตะแกรงฟิลเตอร์ในตัว สามารถดริปกาแฟได้เลย โดยไม่ต้องใช้กระดาษกรอง สนนราคาอยู่ที่ราวๆ 19 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 590 บาท

ลองนึกภาพว่าเรากำลังอยู่ท่ามกลางภูเขาหนาวๆ ในตอนเช้า การได้จิบกาแฟทำเองร้อนๆ ก็คงดีไม่น้อย หากใครยังไม่มีชุดชงกาแฟก็อย่ารอช้า สามารถซื้อได้ที่นี่

ที่มา: (7gadgets.com), (buymetop(gadgetsin.com), (espro.com), (ineedcoffee.com), (koobiescoffee.com), (mrreviewexpert.com), (rivers.jp), (seatosummitusa.com), (soulhand.co), (staresso.com), (wacaco.com),