เทศกาลดนตรี ถือเป็นหนึ่งในฝันของคอดนตรีหลายๆคน เพราะจะได้ไปมันส์สุดสุดเหวี่ยงเต็มวันในบรรยากาศดีๆ ฟังศิลปินหลากหลายคนและวงที่ชอบ หรือหากไม่ได้เป็นคอดนตรีตัวยง แต่การไปเที่ยวเทศกาลดนตรีกับกลุ่มเพื่อน สนุกจนลืมวันลืมคืน หรือจะไปกับแฟน มีเพลงคลอโรแมนติกก็เป็นประสบการณ์ที่ฟินสุดๆ วันนี้เราจะพาไปเช็คลิส 7 เทศกาลดนตรีหลากหลายรูปแบบที่ต้องไปสัมผัสให้ได้ซักครั้งในชีวิต! 1.Glastonbury แกลสตันบูรี หนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ เป็นเทศกาลเก่าแก่ มีมาตั้งแต่สมัยปี 1970 โดยทุกปีจะจัดขึ้นที่ Somerset ประเทศอังกฤษ ตลอด 5 วันเต็ม ช่วงปลายเดือนมิถุนายน บนพื้นที่ฟาร์มขนาดใหญ่ถึง 900 เอเคอร์ หรือประมาณ 4-5 สนามฟุตบอล มีคนร่วมงานกว่า 175,000 ต่อปี ในงานก็จะมีทั้งดนตรี เวิร์คชอป โซนศิลปะ หัตกรรม โรงละคร โชว์เต้น ดีเจ ฯลฯ แต่ละปีศิลปินที่เป็นเฮดไลน์ก็คุ้นหูกันทั้งนั้น อย่างในปี 2016 ที่ผ่านมาก็มีขุ่นแม่ Adele มี Coldplay และ Muse Glasonbury ทำไมพลาดไม่ได้.. คือไปเอนหลังนอนบนหญ้าเขียวๆ เอนจอยกับอากาศอบอุ่นละมุนใจในช่วงซัมเมอร์ของอังกฤษ กางเต้นท์แบบสุดชิวสไตล์ฮิปปี้ ฟังศิลปินชั้นนำแบบคับคั่งด้วย ลองนึกภาพแล้วฟินตามกันไป ถ้าพร้อมก็เตรียมบู้ทไปลุยโคลนกันเลย! 2.Tomorrowland เทศกาลดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่โด่งดังที่สุดในโลก จัดขึ้นทุกปีที่เมืองบูม ประเทศเบลเยี่ยม มีดีเจอันดับต้นๆของโลกมากมาย อย่างในปีล่าสุดได้ Dimitri Vegas & Like Mike Axwell Λ Ingrosso, Martin Garrix, Tiësto, Afrojack, Alesso, Steve Aoki, David Guetta และน้องใหม่ที่กำลังดังอย่าง The Chainsmokers ปีๆนึงมีคนไปร่วมงานถึง 180,000 คน และจากกระแสตอบรับจากผู้เข้าชม ตอนหลังจึงมีการจัดเป็นสปินออฟไปที่อเมริกาในชื่อ TomorrowWorld และที่บราซิลในชื่อ Tomorrowland Brasil Tomorrowland ทำไมพลาดไม่ได้.. นี่คือเทศกาลดนตรีอีดีเอ็มที่คนอยากไปมากที่สุด และตั๋วหมดเร็วมากแบบนับวินาทีหลังเปิดจอง แต่ละปีก็จะมีตีมงานแตกต่างกันไป ให้เรารู้สึกเหมือนไปอยู่ในเทพนิยายและโลกอนาคต จะได้สนุกไปกับดีเจที่เป็นเบอร์หนึ่งเบอร์สองของโลก เวทีและแสงสีเสียงเอฟเฟ็คอลังการเต็มสตรีม รวมถึงสถานที่ตั้งที่เบลเยี่ยมก็นับเป็นประเทศที่มีทัศนียภาพที่สวยมากๆ ของยุโรปด้วย 3.Burning Man เบิร์นนิ่งแมน แค่ชื่อก็ร้อนแล้วเพราะเทศกาลนี้จัดขึ้นที่ทะเลทรายแบล็ค ร็อค รัฐเนวาด้า สหรัฐอเมริกา ทุกๆ ปี โดยความพิเศษของเทศกาลนี้คือทุกคนที่ไปร่วมงานจะต้องเอาตัวรอดท่ามกลางทะเลทรายด้วยตัวเอง ขนน้ำ อาหาร กางเต้นท์ และเอาพาหนะของตัวเองไป และจุดไคลแม็กซ์ของงานก็จะมีการเผาหุ่นไม้ตัวใหญ่สัญลักษณ์ของงาน ซึ่งถือเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เพื่อส่งเสริมศิลปะแนว radical self-expression หรือลัทธิการแสดงออกเป็นตัวของตัวเองแบบสุดโต่ง ส่วนแนวเพลงก็จะเป็นดีเจอิเล็กโทรนิกส์หนักๆ ไปเลย เช่น deadmau5 พาหนะที่มาจอดเรียงรายกันใน Burning Man ถึงเวลาเผา! – ที่มาภาพ ทำไมพลาดไม่ได้.. นี่คือเทศกาลดนตรีติสๆท์ๆที่ดิบเถื่อนมันที่สุดเทศกาลหนึ่งก็ว่าได้ เหมือนเอาตัวเองไปอยู่ในหนังเรื่อง Mad Max จุดไฟความระห่ำ ปลดปล่อยพลังไปพร้อมกับอากาศร้อนระอุในทะเลทราย แล้วยังเหมือนได้ทดสอบสกิลการอยู่รอดของตัวเองอีกด้วย ชีวิตต้องไปลองซักครั้ง! 4.Coachella เทศกาลที่มีอิทธิพลทั้งทางดนตรี และโลกแฟชั่น รวมเอาเหล่าเซเล็ปคนดังระดับโลกไว้อย่างหนาแน่น จัดขึ้นทีโปโลคลับในเมืองอินดิโอ รัฐแคลิฟอเนียร์ สหรัฐอเมริกา ในช่วงเดือนเมษายน ในงานมีทั้งการตั้งแคมป์ โซนอาร์ท และเวทีดนตรีหลายเวทีด้วยกัน ศิลปินที่เป็นเฮดไลน์ปีล่าสุดก็มีวงร็อคตำนาน Guns N’ Roses ดีเจหนุ่ม Calvin Harris สาวEllie Goulding หรือสาวเสียงทรงพลังอย่าง Sia โค้ชเชล่าถือเป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ดังที่สุด และทำเงินสะพัดมากที่สุดของอเมริกา และในปี 2015 ก็ติดอันดับสองสำหรับเทศกาลดนตรีที่คนอยากไปมากที่สุดอีกด้วย แฟชั่นแบบฉบับ Coachella ทำไมพลาดไม่ได้.. นอกจากจะได้ไปเทศกาลดนตรีแล้ว ยังเหมือนไปเช็คเทรนด์แฟชั่นระดับโลก หรือแค่เราเดินๆอยู่ อาจได้กระทบไหล่เหล่าเซเล็ปคนดังมากมาย อย่างล่าสุดในปี 2016 ก็มีทั้ง สาวเทย์ Taylor Swift คู่ขวัญคู่ใหม่ Katy Perry กับ Orlando Bloom นางแบบ Kendall Jenner ระดับเกรดเอทั้งน้านนน 5.Mawazine – Rhythms of the World มาวาซีน เทศกาลที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อเพราะจัดไกลถึงกรุงราบัต ประเทศโมร็อคโค จริงๆแล้วเทศกาลนี้มีผู้คนเข้าร่วมปีละมากถึง 2.5 ล้านคน ปีล่าสุดจัดยาวนานถึง 8 วัน ภายในเทศกาลประกอบไปด้วย 7 เวทีด้วยกัน ศิลปินที่เคยไปร่วมแสดงมาแล้วในปีก่อนๆ ก็คือบิ๊กเนมที่ทุกคนรู้จักกันดีทั้งสิ้น เช่น Mariah Carey, Akon, Whitney Houston, Shakira, Rihanna, Jessie J, Jennifer Lopez, Christina Aguilera, Hardwell, Stevie Wonder, LMFAO, Pitbull, Alicia Keys, Justin Timberlake ผู้คนหน้าเวทีหลัก Mawazine ทำไมพลาดไม่ได้.. คำเดียวสั้นๆ เพราะว่าเทศกาลนี้ “ฟรี” ซึ่งถือเป็นเหตุผลหลักของการจัดเทศกาลนี้ขึ้นมา ให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงดนตรี นี่เป็นสาเหตุช่วยให้มาวาซีนกลายเป็นเทศกาลดนตรีที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ถ้าใครได้ไปเที่ยวโมร็อคโคพอดีก็ลองแวะไปฟังเพลงดีๆในบรรยากาศครื้นเครงกับไปซึมซับพลังจากฝูงชนนับแสนล้านกันดู 6.Fuji Rock ฝั่งเอเชียเราก็มีเทศกาลดนตรีระดับโลกเช่นกันอย่าง ฟูจิร็อค ถือเป็นเทศกาลดนตรีกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น จัดขึ้นที่ นาเอบะ สกีรีสอร์ต จังหวัด นีงาตะ มีคนเข้ารวมงานกว่าแสนคนต่อปี โดยงานฟูจิร็อคนั้นครั้งแรกจัดขึ้นที่ เท็นจินยามะ สกีรีสอร์ต ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ แม้สภาพอากาศไม่เป็นใจ ทำให้ภายหลังได้เปลี่ยนมาจัดที่นีงาตะแทน แต่ผู้คนก็เรียกติดปากว่าฟูจิร็อคไปแล้ว ศิลปินแนวร็อคระดับโลกที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาแสดงก็มีหลากหลายเช่น Red Hot Chili Peppers, Foo Fighters, Muse, Mumford & Sons นั่งชิวกลางเขา – ที่มาภาพ ทำไมพลาดไม่ได้.. นี่คือโอกาสที่ขาร็อคจะได้ไปฟังศิลปินตัวท็อปมาแสดงสด ท่ามกลางป่าไม้และหุบเขา บรรยากาศอบอุ่นในช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่นอยู่ใกล้เพียงแค่ 6 ชั่วโมงบินเท่านั้น! ถือว่าถ้าใครอยู่เมืองไทยจะร็อคมากร็อคน้อย แต่อยากไปสัมผัสเทศกาลดนตรีไม่ไกลจากบ้านเรามากนัก ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มค่าและราคาย่อมเยาว์ลงมาหน่อยด้วย 7.Montreal International Jazz Festival ฝากไว้ให้คอเพลงแจ๊สก็มีเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง มอนทรีออล อินเตอร์เนชันแนล แจ๊ส เฟสติวัล ให้ได้ไปฟินเช่นกัน จัดขึ้นที่เมืองมอนทรีออล รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา โดยทุกๆปีจะมีศิลปินมามากกว่า 3000 กลุ่ม ตัวเวทีก็มีทั้งในฮอลล์และกลางแจ้ง ศิลปินที่เคยไปโชว์มาในเทศกาลก็มีทั้งตำนานแจ๊ส Tony Bennett มี Stevie Wonder, Ray Charles, Diana Krall, Norah Jones, Amy Winehouse, Lady Gaga ผู้คนหลั่งไหลมาชม Montreal International Jazz Festival ทำไมพลาดไม่ได้.. ถ้าคุณรักเพลงแจ๊ส ไม่ว่าจะวัยเด็กหรือผู้ใหญ่ นี่คือที่สุดแห่งเทศกาลดนตรีที่ต้องไป ไปฟินกับศาสตร์และศิลป์ชั้นสูงที่คอแจ๊สใฝ่ฝันหาเต็มต่อเนื่องถึง 10 วัน ในเดือนอบอุ่นของแคนาดา เหมาะกับการไปนั่งทอดอารมณ์ซึมซับบรรยากาศเบาๆ โรแมนติก จิบไวน์ ฟังเพลงให้ผ่อนคลายใจ สุดท้ายใครจิ้มเทศกาลสไตล์ไหนที่เหมาะกับตัวเองได้แล้ว ก็รีบตีตั๋วหาคนไปด้วย แล้วออกเดินทางกันเลย YOLOYOLO!!