มีผลสำรวจมาว่าคนไทยใช้ชีวิตอยู่บนรถยนต์เฉลี่ย 72 นาทีต่อวัน และเสียเวลา 24 นาทีในการวนหาที่จอดรถ* ดังนั้นหากตัดเวลานอน 8 ชั่วโมง ตัดเวลาทำงาน 9 ชั่วโมงออกไป ตัดเวลาที่เราเสียให้กับการขับรถ และหาที่จอดรถอีก 1 ชั่วโมง 36 นาที เราจะเหลือเวลาส่วนตัวแค่ 5 ชั่วโมงกว่าๆ ในการใช้จ่ายให้เวลาตัวเองต่อหนึ่งวัน นับว่าน้อยมากๆ แทบจะไม่เหลือเวลาทำอะไรเลย เกมที่อยากเล่น เพลงที่อยากฟัง จะเอาเวลาที่ไหนมาทำล่ะ โธ่~ ชีวิตคนกรุงเทพฯ แต่ถ้าเราสามารถใช้เวลาบนรถไปด้วยเหมือนกับนั่งชิลอยู่บ้าน ก็จะได้เวลาที่เสียไปกลับคืนมาอย่างมีคุณภาพที่สุด เราจะมาทดลองใช้ชีวิตให้สบายๆ ขณะที่ขับรถในเมืองดูว่าถ้าจะใช้ชีวิตชิลๆ หรือทำตัวตามสบายคล้ายกับอยู่บ้านแบบไหนได้บ้างเดี๋ยวมาลองดูกัน ตั้ง’ตี้เล่นเกมกับกลุ่มเพื่อนรักในรถ บ้านสวยใครก็อยากมาหา รถสวยใครก็อยากมาเยือน และเวลาอยู่กับเพื่อนเยอะๆ เป็นกลุ่ม ความบันเทิงก็คือต้องตั้งปาร์ตี้ทำอะไรสักอย่างเพื่อความสนุกไม่ทุกข์ระหว่างเดินทางในเมือง เช่นเล่นบอร์ดเกม หรือตั้งปาร์ตี้ไปตีป้อม RoV เป็นหมู่คณะก็ได้ความมันไปอีกแบบ ทำให้การใช้เวลาอยู่บนรถนานๆ ก็ไม่ใช่ความน่าเบื่ออีกต่อไป การได้อยู่ในรถที่เราพึงใจนานแค่ไหนก็อยู่ได้ เหมือนมีบ้านสวยใครก็อยากจะอยู่บ้านนานๆ ซึ่ง Mazda3 คันนี้ก็ตอบโจทย์ความสวย เพราะออกแบบภายใต้คอนเซปต์ KODO Design ที่สวยงามด้วยจิตวิญญาณการออกแบบสไตล์ญี่ปุ่น เรียบง่ายแต่หรูหรา ปราดเปรียว เหมือนบ้านเดี่ยวสไตล์ยุโรปที่ดูดีมีไสตล์ ที่ใครมาแล้วก็อยากมาอีก ยิ่งบ้านทีเลือกใช้สีมีรสนิยม บ้านเราจะยิ่งดูหรู ดูแพง เหมือนกับ Mazda3 สีใหม่ Machine Gray ที่มีความพรีเมียมไปอีกระดับ เคลื่อนไหวได้ตามใจ ใช้ชีวิตง่ายเหมือนไม่ได้อยู่ในรถ ความสบายของการอยู่ที่บ้านก็คือการใช้ชีวิตได้อย่างเดินสะดวก ลุกนั่งสบาย เคลื่อนไหวได้ไม่ติดขัดอะไร เพราะอยู่ที่บ้านเราก็ต้องใช้ชีวิตได้อย่างสบายที่สุดเพื่อความผ่อนคลาย การใช้ชีวิตอยู่ในรถก็เหมือนกัน ขณะที่รอบข้างของเราเต็มไปด้วยรถติดที่แออัด ความชิลของเราที่ทำให้การใช้ชีวิตอยู่ในรถสบายเหมือนอยู่บ้านก็คือการได้นั่งบนเบาะสบายๆ โอบพอดีตัว จะหยิบจับอะไรก็ง่าย ไม่ต้องเอื้อมเยอะ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันในรถง่ายมาก หรือจะเต้นเพลงของ BNK48 ในรถคนเดียวก็ไม่เดือดร้อนตัวเอง เคล็ดลับความชิลเหมือนอยู่บ้านนั้นเป็นเพราะการออกแบบภายในของ Mazda3 ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด Human-centered development philosophy อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ ที่สุดคือการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้ตรงกับธรรมชาติการเคลื่อนไหวของคนมากที่สุด ทำให้ทำอะไรก็ไม่ติดขัด แถมยังแฝงความประณีตในการออกแบบมาให้ด้วย ฟังเพลงเพลินๆ เหมือนอยู่บนเตียงที่บ้าน บ่อยครั้งเรามักชอบดองเพลง หรือดองพอดแคสต์ที่อยากฟังไว้จนลืมไปแล้วว่าดองไว้มากมายแค่ไหน ดองไว้จนซีซั่นใหม่ออกมาสิบตอนก็ยังไม่ได้ฟัง เนื่องจากการเดินทางกลับบ้านหลังเลิกงานนั้นทำให้เราแทบไม่เหลือเวลาใดๆ ให้ดู พอขับรถกลับถึงบ้านอาบน้ำเสร็จแทบจะหลับเป็นตาย แต่เราเปลี่ยนรถสุดรักให้กลายเป็นห้องแห่งความบันเทิงเคลื่อนที่ได้ ด้วยเทคโนโลยี MZD Connect ซึ่งมีฟังก์ชั่นที่เชื่อมต่อเรากับความบันเทิงบนโลกออนไลน์ ทั้งเล่นเพลง หรือเชื่อมต่อเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ หลังจากนี้ไปเราก็เปิดแอร์เย็นๆ ฟังเพลงกับคนข้างๆ ระหว่างที่ใช้เวลาอยู่บนรถ โอ้โห้! สบายเหมือนอยู่บ้าน ขาดแค่มีเตียงเท่านั้นแหละครบเลย ใช้ชีวิตปลอดภัยเหมือนมีกล้องวงจรปิดติดรอบบ้าน บ้านคือสถานที่ที่เรารู้สึกปลอดภัยที่สุด รถก็เหมือนกัน เพราะหากบ้านสามารถติดกล้องวงจรปิดรอบบ้านได้ แถมยังดูกล้องวงจรปิดผ่านแอปได้ด้วย รถของเราก็สามารถมีกล้องรอบคันแล้วดูผ่านจอในรถได้เช่นกัน ซึ่ง Mazda3 ก็มีเทคโนโลยี 360° View Monitor ที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยราวกับมีกล้องวงจรปิดติดอยู่รอบคันเหมือนมีตาอยู่รอบตัวในการช่วยดูว่ามีสิ่งใดอยู่รอบข้างเราบ้าง 360° View Monitor คือการติดกล้องรอบคัน 4 ตัวแต่ทำให้เราเห็นภาพทุกอย่างรอบคันแบบเรียลไทม์ และแสดงผลด้วยมุมมองด้านบนแบบ Bird’s-eye view เพิ่มมาด้วย (ล้ำเหมือนส่องกล้องจากดาวเทียม) โดยระบบนี้จะทำงานตลอดเวลา อยู่ที่ว่าเราอยากจะเห็นภาพแบบ 360 องศาตอนไหนก็กดเปิดโหมดนี้ได้เลยอย่างเท่! ดังนั้นเวลาที่จะถอยรถในที่แคบ มุมเข้ายาก หรือขับไปในจุดที่มีความแออัดสูงมากจนเสี่ยงว่าเราจะไปสอยกับอะไร 360° View Monitor บอกเราได้หมด! อยู่ในรถก็รู้สึกปลอดภัย ปรับเบาะเอนกายขับรถสบายๆ ปลอดภัยเหมือนอยู่บนโซฟาเบด การขับรถที่ได้ฟิลลิ่งความสบายเหมือนกับอยู่บ้านมากที่สุดคือการขับด้วยความรู้สึกชิลๆ สบายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรมากมายเพราะสถานที่ที่เราอยู่นั้นคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด และสบายที่สุดเหมือนกับอยู่ที่บ้านของตัวเองที่มั่นใจว่ามีความปลอดภัยให้เราได้ทุกเวลา เย้~ ซึ่ง Mazda3 นั้นก็มีฟังก์ชั่นที่ช่วยให้เราขับขี่สนุก และปลอดภัยมากขึ้นด้วย Mazda Radar Cruise Control หรือ MRCC ซึ่งจะใช้เรดาร์จับความเร็วของรถคันหน้า ถ้าเรดาร์ตรวจจับได้ว่ามีรถคันหน้าขวางอยู่ รถจะชะลอความเร็วตามคันหน้าโดยอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย หากพูดให้เห็นภาพง่ายๆ ระบบ MRCC ก็เหมือนกับแอร์อัจฉริยะในบ้านที่มีระบบตรวจจับความร้อนภายในห้องที่อยู่ ซึ่งแอร์ที่มีเทคโนโลยีนี้จะสามารถวัดได้ว่าคนที่อยู่ในห้องคนไหนที่อุณหภูมิสูงที่สุด แอร์จะทำการแยกส่วนการทำงานโดยเลือกเป่าความเย็นไปที่คนๆ นั้นเพื่อดับร้อนอย่างทันที เวรี่อัจฉริยะเหมือนกับ MRCC เลย โดยเราสามารถปรับตั้งระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้าได้เองจากสวิตช์ที่พวงมาลัย เมื่อระบบตรวจจับระยะห่างว่ารถคันหน้าห่างเราในระยะอันตราย รถจะชะลอความเร็วเอง เพื่อรักษาระยะห่างไว้โดยอัตโนมัติ และหากคำนวณได้ว่าด้านหน้าไม่มีรถหรือรถทิ้งห่างออกไปแล้วก็จะปรับกลับมาเป็นความเร็วเดิม แต่การช่วยลดความเร็วลงเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุก็อยู่ที่ผู้ขับขี่ด้วยนะ ไม่ใช่ขับมาเร็วเกินลิมิตเหยียบมิดไมล์ยังไงระบบก็ไม่ทำงาน เพราะระบบจะทำงานต่อเมื่อ 30-145 กม./ชม. เท่านั้น ทำทุกอย่างได้อิสระเพราะความอัจฉริยะของรถช่วยดูแลเราให้ ปัจจุบันนวัตกรรมของการสร้างบ้านล้ำไกลถึงขั้นมีบ้านที่เรียกว่า Smart Home ซึ่งความฉลาดของบ้านแบบนี้คือรู้ว่าเจ้าของบ้านต้องการอะไร เช่นสั่งเปิด – ปิดไฟอัตโนมัติ ระบบนี้จะทำงานในจุดที่เจ้าของบ้านอยู่ พอเจ้าของบ้านเดินออกจากจุดนั้นไฟจะดับ อย่างล้ำ และทำให้ชีวิตดีขึ้นดูดี ดูเท่ ไม่ต้องเปิดไฟทิ้งไว้ตลอดรบกวนคนอื่นด้วย ส่วนการใช้ชีวิตบนรถก็มีเทคโนโลยีไฟส่องสว่างที่ฉลาดรู้ใจอย่าง Adaptive LED Headlamps ไฟส่องสว่างอัจฉริยะที่ปรับไฟได้เองอัตโนมัติ โดยระบบจะประเมินสภาพแสงของถนน และปรับไฟสูง ไฟต่ำ ให้เหมาะสม แต่ถ้าระหว่างนั้นมีรถอยู่ด้านหน้าในเลนเดียวกันหรือรถที่สวนมาในเลนตรงข้าม ไฟ ALH จะเลือกปิดไฟ LED ดวงที่ส่องไปรบกวนรถคันนั้นทันที ดังนั้นระหว่างขับขี่อยู่ก็ปลอดภัยทั้งตัวเราเองและคันอื่นที่อยู่ด้านหน้า แถมรถที่อยู่ข้างหน้าก็ไม่ดราม่าใส่เพราะเปิดไฟสูงไปสาดโดน ล้ำขึ้นเหมือนใส่เกราะไอรอนแมน ที่มี J.A.R.V.I.S คอยช่วยคิดและทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้ปลอดภัยนั่นเอง ความสนุกทวีคูณยิ่งขึ้น ระหว่างขับรถกลับบ้าน บ่อยครั้งที่เราขับขี่รถที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ล้ำๆ เต็มพวงมาลัย เราจะเกิดจินตนาการว่าไม่ได้ขับรถ แต่กำลังขับหุ่นรบสักตัว จะ Gundam Evangelion หรือ Gypsy Danger ก็ตามแต่จินตนาการจะไปถึง แต่รถยนต์ปกติไม่สามารถทำให้เรารู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถได้ ทำให้อารมณ์อาจจะมาไม่เต็ม แต่เทคโนโลยีที่มีอยู่ใน Mazda3 ที่เรียกว่า G-Vectoring Control อธิบายง่ายๆ คือระบบที่ทำให้รถสามารถขับขี่ได้อย่างสมดุลทั้งทางตรงและทางโค้ง โดยเฉพาะทางโค้งที่จะช่วยให้รถไม่เหวี่ยง ทำให้รู้สึกปลอดภัย แล้วการขับขี่ก็สนุกขึ้นตามไปด้วย เมื่อรถรู้ใจคนขับ คนขับก็เข้าใจรถ ความรู้สึกก็เหมือนกับเราขี่หุ่นรบสุดเท่ไปตะลุยอวกาศ ระหว่างนั้นก็สร้างสถานการณ์สนุกๆ เล่นกับตัวเองไปจนถึงบ้านได้ ทำให้การขับรถในแต่ละวันมีความสุขเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง และนี่คือความน่าสนใจเกี่ยวกับ New Mazda3 2018 Collection หากกำลังมองหารถที่มีให้ทุกฟังก์ชั่น สามารถทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ในรถได้อย่างสะดวกสบาย ปลอดภัย เหมือนอยู่บ้าน และรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ New Mazda3 2018 Collection คือรถคันนั้นที่คุณกำลังมองหา ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่ทันสมัย ดีไซน์พรีเมี่ยม มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยถึง 10 ระบบ นั่นคือสิ่งที่เหมาะกับคนเมืองรุ่นใหม่ที่มองหารถที่มากกว่ารถ หากสนใจ New Mazda3 2018 Collection สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.mazda.co.th/cars/new-mazda3-hatchback2018 หรืออยากจะทดลองใช้ชีวิตสนุกๆ เหมือนอยู่บ้านกับรถคันนี้ก็ไปได้เลยที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ *อ้างอิงสถิติการใช้เวลาบนถนนของคนกรุงเทพฯ จาก กรุงเทพธุรกิจ