วันนี้ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างขนาดใหญ่นั่นคือการเปลี่ยนเข้าสู่ยุค Cashless Society หรือสังคมไร้เงินสด หมายถึงสังคมที่เราแทบไม่ต้องพกเงินสดออกจากบ้านแต่ก็สามารถจับจ่ายซื้อของหรือบริการได้โดยใช้ช่องทางอื่นเพื่อจ่ายเงินในรูปแบบต่างๆ ทั้งแอปพลิเคชั่นไปจนถึงบัตรแทนเงินสด ขึ้นอยู่กับว่าใครสะดวกแบบไหน
คำว่า ‘สังคมไร้เงินสด’ ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะหลายประเทศอย่างเบลเยี่ยม สวีเดน เกาหลี ญี่ปุ่น เคนย่า รวมไปถึงหลายมณฑลในจีน เริ่มปรับให้เป็นเมืองที่ไม่ต้องใช้เงินสดแล้ว ส่วนกรุงเทพฯ เริ่มเป็นสังคมไร้เงินสดไปแล้วกว่า 41%
ทว่าการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดย่อมเกิดคำถามเป็นวงกว้างว่า สังคมที่ไร้เงินสดนั้นจะดีแค่ไหน ดีอย่างไร และดีกับใครบ้าง เราจะเล่าข้อดีเหล่านั้นให้ฟังเพื่อที่คุณจะได้รู้จักโลกใหม่ที่เดินมาหาทุกคน
ลดต้นทุนการจัดการเงินสดของประเทศ
รู้เหรือไม่ในแต่ล่ะปีเรามีต้นทุนในการจัดการเงินสดในประเทศจำนวนมาก ต้นทุนของการจัดการเงินสดเริ่มตั้งแต่การพิมพ์ธนบัตรใหม่ ค่าขนส่งธนบัตร ไปจนถึงค่าทำลายธนบัตรเก่า ตัวเลขเหล่านี้ถือว่าเป็นงบประมาณที่สิ้นเปลืองมาก
‘บุญทักษ์ หวังเจริญ’ อดีตประธานสมาคมธนาคารไทย พูดถึงเรื่องต้นทุนการจัดการเงินสดบอกไว้ว่า “ถ้าลดธุรกรรมต่างๆ ด้วยเงินสด ลงไป 30% จากปัจจุบันใน 10 ปีข้างหน้าเราประหยัดได้ 188,000 ล้านบาท หรือประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี” ดังนั้นเมื่อประเทศไม่ต้องเสียเงินในส่วนนี้ที่ประหยัดไป 2 หมื่นล้านบาทต่อปี จะสามารถนำเงินภาษีไปพัฒนาส่วนอื่นได้
ส่งเสริมให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ชเติบโต
ปัจจุบันนี้พฤติกรรมการซื้อสินค้าของคนไทยค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละนิด จากเดิมเวลาจะซื้ออะไรต้องไปยังสถานที่นั้นก็กลายเป็นเปิดแอปพลิเคชั่นขึ้นมา เสิร์ชหาสินค้าที่จะซื้อ แล้วกดสั่งซื้อและจ่ายเงินได้เลยโดยผ่านระบบการโอนเงินด้วยแอปพลิเคชั่นต่างๆ โดยมีการรับรองเรื่องความปลอดภัยจากสถาบันการเงินและระบบของร้านค้าที่เชื่อถือได้
จากผลสำรวจของ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA บอกว่าที่ผ่านมาผู้บริโภคในประเทศมีพฤติกรรมชอบซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้นติดอันดับ 1 ใน 5 กิจกรรมของคนเล่นอินเทอร์ในประเทศที่ทำบ่อยที่สุดเมื่อเข้าสู่โลกออนไลน์ ซึ่งหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ชเติบโตก็มาจากระบบการโอนจ่ายเงินออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น และอนาคตจะเติบโตมากกว่านี้
คนทำธุรกิจสามารถจัดการเรื่องเงินได้ดีขึ้น
คนทำธุรกิจมีปัญหาหลักที่สำคัญคือการจัดการเงินสดที่หมุนเวียนอยู่ในธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเงินสด การคำนวณกำไรในแต่ละวัน หากรับเป็นเงินสดโอกาสที่จะสับสนในการจัดการมีสูงมาก หรือโอกาสที่จะโดนโกงจากลูกจ้างที่รับเงินสดก็มีสูง แต่หากรับเงินผ่านช่องทางออนไลน์
เจ้าของธุรกิจสามารถรู้บัญชีเงินเข้า – เงินออก ได้ตลอดทั้งวัน ช่วยในการจัดการรายได้ดีกว่ารับเงินสด แล้วมาเสียเวลานับเงินตอนปิดร้านทีหลัง ยิ่งยอดขายเยอะต่อวันที่มีความยุ่งยากมากขึ้น แต่ถ้ารับเงินด้วยวิธีการโอนผ่านช่องทางต่างๆ จะช่วยคนทำธุรกิจได้ดี เพราะเงินได้ทั้งหมดจะเข้าบัญชีเลย
ลดความเสี่ยงจากการถูกจารกรรมหรือทำเงินหาย
การลดการใช้เงินสดจะทำให้คนพกเงินสดน้อยลง ซึ่งการใช้เงินสดน้อยลงก็ลดปัญหาความเสี่ยงด้านอาชาญกรรม หรือกระทั่งปัญหาใกล้ตัวอย่างทำเงินหายลงได้
และยังช่วยลดปัญหาเรื่องการจัดการเงินสดจำนวนมากที่เราอาจจะต้องพกไปเพื่อจ่ายค่าอะไรบางอย่างที่มูลค่าสูง เมื่อไม่ต้องกำเงินสดจำนวนมหาศาลไปจ่าย ทุกอย่างก็ปลอดภัย
ทุกการเคลื่อนไหวของเงินตรวจสอบได้
หนึ่งในข้อดีของการเปลี่ยนเป็นสังคมไร้เงินสดคือการตรวจสอบเรื่องการโอนเงินที่ผิดปกติได้ง่ายขึ้น ซึ่งจุดนี้ภาครัฐเล็งเห็นถึงความสำคัญมาก เนื่องจากหากไม่ใช้เงินสดแล้ว
การโอนเงินจำนวนมากข้ามบัญชีจะเป็นที่สังเกตได้ง่ายและรัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐสามารถเรียกตรวจสอบบัญชีที่ต้องสงสัยได้หากพบความผิดปกติ หรือเสี่ยงที่การโอนเงินนั้นจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา
ไม่เสียเวลาไปทำธุรกรรมที่ธนาคาร
ที่ผ่านมาเวลาเรามีเงินจำนวนมหาศาลเราก็จะไปธนาคารเพื่อฝากเงิน โดยเฉพาะคนที่ทำธุรกิจเก็บเงินทุกวันก็ต้องไปธนาคารทุกวันเพื่อฝากเงิน แต่ยุคนี้เมื่อเป็นสังคมไร้เงินสด เจ้าของเงินแทบไม่ต้องไปธนาคารเพื่อฝากเงินรายวัน เพราะทุกวันเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีอยู่แล้ว
สำหรับในกรุงเทพฯ มีการวิเคราะห์ว่าแต่ละปีคนกรุงเทพฯ ต้องเสียเวลาไปธนาคารปีละ 32 ชั่วโมง แต่หากเข้าสู่สังคมเงินสดอย่างเต็มรูปแบบเราจะประหยัดเวลาในการไปธนาคารเพิ่มขึ้น 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ชำระค่าบริการกับหน่วยงานราชการได้ปลอดภัย สะดวก โปร่งใส
ในอดีตเวลาที่ติดต่อกับหน่วยงานรัฐเพื่อชำระเงินค่าอะไรต่างๆ ทั้งแต่ทำบัตรประชาชน ไปจนถึงโอนที่ดิน หน่วยงานของรัฐไม่เคยที่จะรับเงินด้วยวิธีการอื่นเลยนอกจากจ่ายเงินสดเท่านั้นแต่ปัจจุบันหน่วยงานรัฐเข้าสู่สังคมไร้เงินสดแล้ว
จากนี้ไปเราสามารถจ่ายเงินค่าธรรมเนียมต่างๆ แก่หน่วยงานรัฐทั้งหลายได้โดยใช้บัตรเดบิต บัตรเครดิต หรือโมบายแอปสแกน QR Code หมดปัญหาเรื่องการแบกเงินไปจำนวนมหาศาลในวันที่ต้องใช้เงินเยอะๆ ในการจ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ กับหน่วยงานราชการ
ทว่าบัตรเดบิต โมบายส์แอป หรือกระทั่งบัญชีธนาคาร ก็ใช่ว่าจะมีกันทุกคนเนื่องจากผู้ใช้งานบางคนไม่สะดวกในการเข้าถึงเทคโนโลยี หรือเข้าถึงบริการของธนาคารแต่ธนาคารกรุงไทย ได้ออก ‘บัตรพร้อมจ่าย’ บัตรเติมเงินที่สามารถชำระค่าภาษีต่างๆ ชำระค่าธรรมเนียมต่อใบขับขี่ ชำระภาษีรถยนต์/รถจักรยานยนต์ ชำระค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับที่ดิน การทำพาสปอต หรืออื่น ๆ โดยไม่ต้องพกเงินสดแล้ว
บัตรพร้อมจ่ายนี้ ผู้ใช้สามารถซื้อได้ที่ธนาคารกรุงไทย และเติมเงินได้ตั้งแต่ 1 – 200,000 บาทก็สามารถนำไปชำระเงินกับหน่วยงานราชการได้เลยโดยที่ไม่มีค่าธรรมใดๆ การก้าวสู่สังคมไร้เงินสดของหน่วยงานภาครัฐนี้ นอกจากจะสะดวก และปลอดภัยต่อประชาชนแล้ว ยังเป็นวิธีการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนมั่นใจไว้ว่าค่าบริการต่างๆ ที่ชำระไปจะเข้าถึงรัฐบาลโดยตรง
ที่มา – การลดต้นทุนเงินสด , การเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ช, สังคมไร้เงินสด