Mango Zero

พาชม 7-Eleven 4.0 Flagship Store แห่งแรก ต้นแบบร้านสะดวกซื้อในอนาคต

สิ่งที่น่าสนใจวันนี้คือเราจะพามาชม 7-Eleven สาขาสาธิต PIM ซึ่งเป็นสาขา Flagship Store ของ 7-Eleven แห่งแรกในประเทศไทย โดยมีรหัสสาขาเลขสวย 10001 ที่มาจาก binary code หรือเลขฐานสองสื่อถึงความเป็นดิจิทัลนั่นเอง

7-Eleven สาขานี้เค้ามีคอนเซ็ปต์การตกแต่งเป็นอวกาศ มีความล้ำยุค ดูไฮเทค แน่นอนว่าภายในร้านเค้าจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีและความแปลกตาที่ไม่เคยมีในร้านสะดวกซื้อมาก่อน แถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ใครเข้ามาครั้งแรกจะต้องได้ตื่นเต้นกันแน่นอน

7-Eleven สาขาสาธิต PIM เปิดบริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 หลายคนอาจจะเคยเห็นบางส่วนกันมาบ้างแล้วบนโซเชียล ในครั้งนี้จะพาทุกท่านมาชมกันให้ครบทุกส่วนเลย

 

1. ป้าย Digital ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้ตามโอกาส

ป้ายแสดงรายการต่างๆ ของร้าน ส่วนใหญ่เปลี่ยนไปเป็นจอภาพแสดงผล สามารถแสดงได้ทั้งข้อมูลและภาพเคลื่อนไหวหลากหลายรูปแบบ และสามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลได้ทันทีเมื่อมีการอัปเดต

ในส่วนด้านหน้าร้านเป็นจอแสดงภาพ LED แบบโปร่งใส โดยใช้เทคโนโลยี Mesh OLED ในการกระจายแสงเป็นภาพที่คมชัดและสามารถมองทะลุผ่านได้

 

ป้ายแสดงราคาสินค้าที่เคาน์เตอร์ก็เป็นจอ LED เช่นกัน ภาพคมชัดมาก และสามารถแสดงโปรโมชั่นแบบวนได้หลายรายการ

 

และถ้าลองมองไปรอบๆ ร้านก็จะพบกับ Digital Wall ที่เป็นหน้าจอแสดงผลสำหรับแสดงสื่อประชาสัมพันธ์และโปรโมชั่นต่างๆ ของร้าน 7-Eleven

 

2. Sevy Bot ผู้ช่วยอัจฉริยะต้อนรับลูกค้า พร้อมแนะนำโปรโมชั่นตลอด 24 ชั่วโมง

Sevy Bot หรือมีอีกชื่อเล่นหนึ่งว่า “น้องแมงมุม” ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ช่วยสร้างสีสันให้กับลูกค้า ใครเดินเข้ามาจะต้องพบกับน้องก่อนเลย เพราะน้องจะอยู่ด้านบน เคลื่อนที่บนรางวนไปรอบร้าน ใช้ระบบการจ่ายไฟผ่านราง สามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมง เรียกว่าถ้าร้านไม่ปิด น้องก็ไม่กลับ (ซึ่งร้านก็ไม่ปิดไง)

 

Sevy Bot จะชอบเคลื่อนที่ไปมารอบร้าน ทักทายโบกไม้โบกมือให้ลูกค้า สามารถเข้าไปเล่นได้โดยยืนอยู่ด้านหน้าระยะสายตาของ Sevy Bot จากนั้นลองโบกไม้โบกมือกับน้องดู เดี๋ยวน้องก็จะคุยกับเราเอง

 

นอกจากลูกเล่นในการทักทายกับลูกค้าแล้ว หน้าจอ Monitor ของน้องยังแสดงโปรโมชั่นของสินค้าใน 7-Eleven ด้วย

 

3. ตู้แช่สินค้า Open Showcase มีบานเปิด/ปิด ประหยัดพลังงาน 30%

ตู้แช่สินค้า Open Showcase 7-Eleven สาขาทั่วไป เค้าจะไม่ได้มีกระจกกั้น ในส่วนนี้ทำให้ความเย็นไหลออกไปเรื่อยๆ เมื่อมีกระจกมาปิดจึงทำให้ประหยัดพลังงานได้ถึง 30% ซึ่งทาง 7-Eleven เองก็มีแผนที่จะทำตู้ในลักษณะนี้กับสาขาอื่นๆ ด้วย

ทาง 7-Eleven แอบกระซิบมาว่าในส่วนกระจกนั้นมีต้นทุนสูงมาก เนื่องจากก๊าซที่ใช้ในแผ่นกระจกไม่มีในประเทศไทย ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายทั้งวัสดุและการขนส่งนั่นเอง

 

ป้ายสินค้าด้านในก็เป็นจอ LED แทนป้ายกระดาษแบบเก่า เพื่อที่จะได้แสดงข้อมูลราคาสินค้าแบบอัปเดตได้ทันที

 

4. ตู้กดสเลอปี้แบบ Touch Screen สามารถมิกซ์รสชาติได้ตามต้องการ

ถ้าพูดถึงของคู่ร้าน 7-Eleven แน่นอนว่าเป็นเครื่องดื่มเกล็ดหิมะสเลอปี้ และสาขานี้เค้าก็เล่นใหญ่เช่นกัน โดยใช้เป็นตู้กดแบบ Touch Screen ลูกค้าสามารถเลือกรสชาติจากหน้าจอ มิกซ์รสชาติพร้อมกันได้สองรสชาติ (กดหนึ่งครั้งออกมาสองรส)

 

แน่นอนว่าสีสันที่ออกมาก็จะแยกเป็นชั้นดูมีเอกลักษณ์ แก้วสเลอปี้สาขานี้เป็นแก้วใสเห็นรอบด้าน น่าจะมีประกวดแข่งความสวยงามในการกดสเลอปี้แหะ

 

ถือว่าเป็นอะไรที่แจ่มว้าวมากครับ ใครมาที่นี่แล้วไม่ได้กดสเลอปี้ถือว่ามาไม่ถึงนะ

 

5. Self Check Out ลูกค้าสามารถชำระเงินได้ด้วยตนเอง

สำหรับลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็ว สาขานี้สามารถซื้อของและจ่ายเงินด้วยตัวเองได้ เพียงแค่สแกนสินค้าให้ครบจำนวน จากนั้นนำบัตร Smart Purse หรือ Wallet Appication ต่างๆ อย่าง TrueMoney Wallet มาแตะกับเครื่องจ่ายเงิน เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ

Self Check Out ทำให้การจ่ายเงินรวดเร็วมากขึ้น และทำให้ลูกค้าหันมาใช้ Smart Purse เพิ่มขึ้นแน่นอน หวังว่าจะมีแบบนี้ในอีกหลายสาขาในอนาคต เชียร์ครับ

 

นอกจากนี้เค้ายังมี Self-Service microwave สำหรับอุ่นสินค้าด้วยตัวเองอีกด้วย สามารถนำบาร์โค้ดบนสินค้าไปสแกนเพื่อให้เครื่องตั้งเวลาและความร้อนให้แบบอัตโนมัติ หรือสามารถเลือกอุ่นแบบ Manual เองได้ด้วย (แต่ในส่วนนี้ต้องใช้ฝีมือกันหน่อยนะ)

 

6. Shopping Kiosk สั่งสินค้าจาก 24 Shopping แล้วรอรับได้ทันที

การซื้อสินค้าผ่าน 24 Shopping โดยปกติแล้วเราจะต้องซื้อของผ่านเว็บไซต์ กรอกชื่อ-ที่อยู่ ชำระเงิน จากนั้นรอรับสินค้าที่บ้าน ในส่วนนี้ตู้ Kiosk เค้าจะลัดขั้นตอนให้ ลูกค้าสามารถกดดูรายละเอียดและสั่งสินค้าผ่านตู้นี้ และสามารถรอรับที่ร้านได้ทันทีโดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้น

 

7. Digital Touchscreen บอร์ดข่าวสำหรับฝากข้อความ

Touch Me จอ Touchscreen ขนาดใหญ่อยู่บริเวณใกล้กับประตูร้าน คล้ายกับเป็น Post-it Online โดยลูกค้าสามารถมาเพิ่มข่าวสารหรือตั้งประกาศได้ด้วยตนเอง เช่น ประชาสัมพันธ์กิจกรรมในชุมชน, ประกาศขายบ้าน, ตามหาสัตว์เลี้ยงหาย เป็นต้น

 

8. Digital Energy Saving Monitor จอแสดงการใช้พลังงานแบบ Realtime

เนื่องจากเป็นสาขาต้นแบบในการประหยัดพลังงาน เค้าจึงมีสรุปภาพรวมการใช้พลังงานของทั้งร้านแบบ Realtime โดยแบ่งเป็นสามระบบ คือ ระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องทำความเย็น และระบบแสงสว่าง ในแต่ละส่วนของร้าน

 

9. EV Parking สถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ระบบไฟฟ้า

EV Parking สถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ที่ใช้ระบบไฟฟ้าเพื่อลดการใช้พลังงานและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ในระหว่างที่เลือกสินค้าเดินเล่นวนรอบ 7-Eleven สามรอบเพื่อดูว่าจะกินอะไรดี ก็สามารถชาร์จไฟไปด้วยได้เลย

 

 

10. OFO Share Bike บริการเช่าจักรยานอัจฉริยะผ่านแอปฯ

จุดจอดรถจักรยานแบบเช่ายืม OFO สามารถใช้งานได้โดยสมัครบริการผ่านแอปฯ ลูกค้าสามารถขับจักรยานระยะทางสั้นๆ ในบริเวณนี้ได้ ซึ่งก็ค่อนข้างเหมาะ เพราะอยู่ใกล้กับบริเวณโรงเรียนและมหาวิทยาลัย

 

 

สรุป 7-Eleven 4.0 Flagship Store