ความเชื่อคือเรื่องส่วนบุคคล ใครจะมีความเชื่อแบบไหนก็เป็นสิทธิของคนๆ นั้นหากความเชื่อนั้นไม่ทำร้ายใครก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าสิ่งที่เชื่อเป็นความเชื่อผิดๆ แล้วคุณไปเผยแพร่ แม้จะเป็นความหวังดี แต่หารู้ไม่ว่าความหวังดี (แบบผิดๆ) อาจนำความเดือดร้อนทั้งต่อตัวเอง หรือคนรอบข้าได้ และนี่คือ 7 ความเชื่อผิดๆ ที่เราอยากจะบอกว่าเลิกเชื่อ เลิกแชร์ และเลิกทำได้แล้วเพื่อความสงบสุขของโลกมนุษย์ โยนเหรียญให้สัตว์แล้วจะโชคดี ความเชื่อที่ว่าการโยนเหรียญลงบ่อเต่าจะทำให้อายุยืนนั้นไม่สามารถหาต้นกำเนิดได้ว่ามาจากที่ไหน รู้อีกทีก็เห็นบ่อเต่า (และบ่อจระเข้) เต็มไปด้วยสารพัดเหรียญ ทั้งที่ในความเป็นจริงนอกจากจะไม่ทำให้ตัวเองอายุยืนแล้ว ยังไปทำร้ายสัตว์ที่อายุยืนกว่าคนให้ตายได้ เนื่องจากพวกมันเผลอกินเหรียญที่คนโยนลงไป อย่างที่เราเห็นในข่าวล่าสุดเต่าออมสิน ต้องเสียชีวิตเพราะกินเหรียญมาหลายปี และยังมีมีจระเข้ตัวหนึ่วหวิดตาบอดเพราะเหรียญไปติดอยู่ตรงตา ทั้งหมดนี้เกิดจากความเชื่อผิดๆ ล้วนๆ เราไม่รู้ว่ามีเต่าอีกกี่ตัวที่กินเหรียญไปเหมือนเจ้าออมสิน มีจระเข้กี่ตัวที่บาดเจ็บเพราะเหรียญ ก็ได้แต่หวังว่าหลังจากนี้ไปคงไม่มีใครทำแบบนี้อีก มะนาวกับโซดารักษามะเร็ง หนึ่งในข้อความลวงโลกที่อ้างว่าน้ำมะนาวและโซดา รักษาโรคมะเร็ง คือข้อความที่ถูกส่งต่อกันมาก ล่าสุดระบาดไปบนไลน์กรุ๊ปผู้สูงอายุแล้ว เป็นหนึ่งในความเชื่อที่ถูกส่งต่อกันถี่ๆ พอๆ กับรูปสวัสดีวันจันทร์ ทั้งที่ความจริงแล้วมะนาวกับโซดาไม่ได้มีสรรพคุณในการรักษาโรคใดๆ มะนาวคือผลไม้มีกรด และมีวิตามิน ส่วนโซดาคือน้ำที่อัดก๊าซ มองมุมไหนก็ไม่เห็นว่าผสมกันแล้วได้ยาต้านมะเร็งเลย แม้จะมีคนแย้งว่า มีผลวิจัยบอกว่า สารไลมอนีน (limonine) ในมะนาวยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ แต่อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ยืนยันว่านั่นเป็นวิทยาศาสตร์ลวงโลก (pseudo science) จริงอยู่สารไลมอนีน ในมะนาว อาจยับยั้งเซลล์มะเร็งในจานเลี้ยงเซลล์ได้ แต่ไม่ได้แปลว่ากินแล้วจะออกฤทธิ์ไปถึงเซลล์มะเร็งในร่างกาย ถ้ากินมะนาวเพื่อเอาไปยับยั้งเซลมะเร็งจริงอาจต้องกินในปริมาณมหาศาลแบบกินเป็นไร่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้แค่ไหน ความเชื่อนี้ทำให้คนที่มีความคิดจะรักษามะเร็ง เข้าใจผิด และไปรักษาด้วยวิธีผิดๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีแน่นอนในระยะยาว ดังนั้นรักษาด้วยวิถีแพทย์ปัจจุบันที่ถูกต้อง แล้วเลิกส่งต่อ ถ้าอยากให้คนที่คุณรักอยู่กับคุณไปอีกนาน ปล่อยสัตว์แล้วได้บุญ ปล่อยสัตว์แล้วได้บุญเป็นความเชื่อผิดๆ ที่สะสมมานาน การปล่อยนก ปล่อยปลาไม่ได้ทำให้ได้บุญ ตรงกันข้ามนี่คือการฆ่าสัตว์ และทำลายระบบนิเวศน์ให้แปรปวนเพราะสัตว์บางชนิดปล่อยลงไปก็ไปทำลายระบบนิเวศน์ไล่ล่าเจ้าถิ่นเดิมจนระบบนิเวศน์เสียอย่างไม่รู้ตัว อย่างการปล่อยเต่า แม้เต่าจะเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ แต่ไม่ได้หมายความว่าปล่อยมันลงน้ำแล้วเต่าจะว่ายน้ำได้อย่างมีความสุข ตรงกันข้าม เต่าจะจมน้ำตายถ้าหาตลิ่งขึ้นมาไม่ทัน เพราะเต่าบกเป็นสัตว์ที่อยู่ในน้ำตื้นเท่านั้น ไม่สามารถว่ายน้ำลอยคออยู่ในคลองได้ทั้งวันเหมือนปลา การปล่อยปลาไหลลงคลองก็คือการฆ่าปลาไหลทางอ้อม เพราะปลาไหลเป็นสัตว์ที่อยู่น้ำตื้น หากปล่อยลงคลองพวกมันจะตายจากการจมน้ำ เช่นเดียวกับหอยขม บางคนคิดว่าหอยเป็นสัตว์น้ำก็ต้องอยู่ในสิ แต่จริงๆ แล้วน้ำนิ่ง ตื้น มีโคลนต่างหากที่เหมาะกับหอย ปล่อยลงน้ำลึก หอยจมน้ำตายชัวร์ ปล่อยสัตว์แล้วตาย ใครได้บุญ? ดังนั้นเลิกอุดหนุนการทรมานสัตว์โดยอ้างว่าเป็นการทำบุญเถอะ แท็กซี่รมยาสลบผู้โดยสาร หลายคนน่าจะเคยได้ยินข่าวแท็กซี่รมยาสลบผู้โดยสาร โดยวางยาผ่านช่องแอร์ ซึ่งมีคนมาบอกว่าจริง! พร้อมเล่าอาการที่ค่อนข้างตรงกันว่ารู้สึกมึนหัว หลังจากนั่งอยู่บนรถได้ไม่นาน บางคนก็บอกว่าเห็นแท็กซี่มีท่าทางผิดปกติ เช่นเร่งแอร์ หรือขยับแอร์มาทางหลังรถก่อนที่จะเวียนหัว พอไหวตัวทันก็รีบลงมาพร้อมกับถ่ายรูปลงเฟซประจานทันที ความเชื่อนี้ไม่จริง อาจารย์เจษฎา คนเดิมรวมไปถึงบุคคลากรในวงการแพทย์ยืนยันว่าวิธีรมยาสลบแบบนี้ไม่มีแน่นอน และการวางยาสลบคนนั้นยากมากๆ วิสัญญีแพทย์ กว่าจะวางยาสลบคนไข้ได้ใช้เวลาประมาณหนึ่งเลย แล้วนี่เป็นใครจู่ๆ จะวางยาสลบคนได้ในเวลาไม่กี่นาที แบบนี้ไม่ต้องมีหรอกมั้งวิสัญญีแพทย์ เนี่ย อีกทั้งยาสลบที่อ้างว่าวางยาผ่านช่องแอร์ได้ก็ไม่มีจริงๆ ถ้ามีจริงวงการแทพย์ต้องสั่นสะเทือนเพราะประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ค้นพบการวางยาสลบง่ายๆ แค่เปิดแอร์ ถ้าเอาสูตรยาไปขาย รวยทันที ไม่ต้องเป็นโจรแล้ว อีกอย่างลองคิดตามนะ ถ้ายาสลบมันรุนแรงระดับที่ดมแป๊บเดียวก็หลับ แล้วทำไมแท็กซี่ไม่หลับ จริงๆ แล้วที่คุณเวียนหัวอาจมาจากอาการเมารถ หรือรับก๊าซจากท่อไอเสียรถยนต์ที่วนเข้าตัวรถมากกว่า ประเด็นนี้คนที่เดือดร้อนไม่ใช่ใครเลย นอกจากคนขับแท็กซี่ที่ไม่รู้เรื่องและตกเป็นจำเลยสังคมไปเรียบร้อย ยาป้ายรูดทรัพย์ อีกหนึ่งความเชื่อผิดๆ ที่ส่งต่อกันมาก็คือการป้ายยาเพื่อรูดทรัพย์ หรือทำให้เบลอจนควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วโดนบังคับให้กดเงินให้ก็ไม่มีจริง ตามข้อมูลยังไม่มียาชนิดไหนในโลกที่เอาไปป้ายใครแล้วก็สามารถหลอกรูดทรัพย์ หรือควบคุมคนอื่นได้ อาจารย์เจษฎา ก็ออกมายืนยันอีกครั้งว่าหากมียาตัวนี้จริง จะเป็นประโยชน์ต่อทางการแพทย์มากๆ เอาสูตรไปขายบริษัทยารับรองว่ารวยกว่ามาป้ายยาเพื่อปล้นให้เสี่ยงคุกด้วยซ้ำ ส่วนคนที่อ้างว่าโดนรูดทรัพย์ หรือตบทองเพราะโดนยาป้ายนั้นก็ไม่จริง แต่เพราะโดนโน้มน้าว และโดนความโลภครอบงำมากกว่าจึงเป็นเหตุให้เสียทรัพย์ ด้วยความที่ไม่อยากเสียหน้า จึงออกมาให้ข่าวว่าโดนรูดทรัพย์เพื่อแก้เขิน อย่ากดไฟล์แปลกๆ เดี๋ยวโดนแฮคมือถือ ระวังอย่ารับสติกเกอร์ไลน์จากใครซี้ซั้วโดยเฉพาะช่วงนี้ห้ามรับสติกเกอร์ลายนั่นนี่โน่น เด็ดขาดเพราะแฮคเกอร์กำลังแข่งลบห้องแชทชิงแชมป์โลก (เดี๋ยวนะ…ชื่ออีเวนต์ประหลาดจัง) หรือ ‘ระวังอย่าเปิดอ่านข่าวเจอที่ซ่อนเมกะตรอน แล้วเพราะมีไวรัสแฝงมาในข่าวหลอกให้เราเปิด ถ้าเปิดจะโดนแฮค’ ข่าวลือทำนองนี้คือสิ่งที่ถูกส่งต่อมาในไลน์ และมีคนเชื่อว่าจริง ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่มีแฮคเกอร์คนไหนสามารถแฮคมือถือของคุณได้ รวมถึงข้อมูลที่อยู่ในมือถือก็ไม่สามารถถูกขโมยออกมาได้ไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม (ยกเว้นมือหายแล้วเขารู้พาสเวิร์ด) ดังนั้นคุณสามารถกดรับสติกเกอร์ไลน์ฟรีจากเพื่อน หรือเปิดอ่านบทความข่าวไปได้อย่างปกติสุขโดยไม่ต้องกลัวโดนแฮค ที่น่ากลัวจริงๆ คือการโดนรู้รหัส apple ID หรือรหัสอีเมลล์สำคัญมากกว่า หากคนร้ายรู้รหัสสำคัญที่ผูกกับการทำธุรกรรมออนไลน์ แบบนี้สิน่ากลัวจริง ไม่ต้องส่งข่าวคลิกเบท ไม่ต้องส่งกิฟท์สติกเกอร์เข้าไลน์ ไม่ต้องมีมือถือคุณ เขาก็เอาบัตรคุณไปรูดซื้อของได้เพลิน กว่าจะรู้ตัววงเงินก็เต็มไปแล้ว เข็มทิ่มนิ้วช่วยรักษาเส้นเลือดในสมองแตก ความเชื่อผิดๆ ข้อหนึ่งที่ไม่น่าให้อภัยอย่างมากคือการบอกวิธีปฐมพยาบาลผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองแตกแบบผิดๆ ความเชื่อนั่นบอกว่า ถ้าเกิดมีผู้ป่วยด้วยเส้นเลือดในสมองแตกเฉียบพลัน อย่าเพิ่งพาส่งโรงพยาบาล แต่ให้เอาเข็มทิ่มนิ้วให้กับคนป่วยทั้งสิบนิ้ว แล้วปล่อยไว้สักพักก่อนอย่าส่งโรงพยาบาล ถ้าเคลื่อนไหวตัวผู้ป่วยทันทีเลยเดี๋ยวเส้นเลือดในสมองจะแตกเพิ่ม ไม่แน่ใจว่าคนที่ส่งข้อมูลผิดๆ แบบนี้ให้คนอื่นจิตใจทำด้วยอะไร เพราะนี่คือเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของแท้ อ่านแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะสิ่งที่ถูกต้องคือควรรีบนำคนไข้ขึ้นรถแล้วพาไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด หากมัวแต่ทำตามวิธีปฐมพยาบาลที่ไร้ซึ่งหลักการใดๆ จะยิ่งเป็นการตัดโอกาสการมีชีวิตรอดของผู้ป่วยลงไปเรื่อยๆ ชีวิตของคนป่วยทุกนาทีมีค่า อย่าเสียเวลาทำอะไรแบบนี้เลย ที่มา – อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ , หมอแมว