มีคนเคยกล่าวไว้ว่า “กาลเวลาเปลี่ยน ใจคนก็ย่อมเปลี่ยน” นี่คือ 7 แบรนด์ด้านแฟชั่น ที่ทรงอิทธิพลกับเด็กวัยรุ่นยุค 90’s เป็นอย่างมาก แต่พอเวลาผ่านไป เรากลับเฉยชาใส่กันซะอย่างนั้น ไม่รู้ความฮิตมันระเหยไปตามอุณหภูมิของเมืองไทยหรือยังไงกัน ส่วนจะมีแบรนด์อะไรที่คุณเคย Shut up and take my money มาแล้วบ้าง มาดูกัน
1. No fear
เชื่อว่าผู้ชายหลายคนต้องโดนสายตาของเจ้า No Fear สะกดจิตใส่ตอนเลือกซื้อของอยู่แน่ๆ รู้ตัวอีกทีได้มันเป็นกระเป๋าตังกลับบ้านแทนใบเก่าซะแล้ว แถมไม่ได้มามือเปล่า ต้องเปิดตัวพร้อมโซ่พะรุงพะรังอันใหญ่ ที่ไม่เคยเข้าใจว่าเราจะล็อกกระเป๋าตังกับโซ่ทำเพื่อ ? เพราะสมัยเด็กตอนนั้นมันไม่มีตังอะไรให้หายอยู่แล้วว้อยยย
นอกจากกระเป๋าตังเจาะรูจะได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในยุคนั้น เสื้อผ้า และแจ๊คเก็ตฮู้ดของ No Fear ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน และที่นิยมสุดๆ ทั่วบ้านทั่วเมืองเลยก็คือสติ๊กเกอร์ลูกกะตา No Fear แปะกันเรี่ยราดทั่วบ้านทั่วเมือง เรียกได้ว่าสติ๊กเกอร์วัดท่าไม้ในยุคนี้ดูน้อยไปเลยทีเดียว
2. Body Glove
แม้ว่าชาตรามือจะกลับมาได้รับความนิยม และอยู่ในกระแสยุคนี้อีกครั้ง แต่เสื้อโลโก้ตรามือ Body glove กลับสวนทางกันคนละเรื่อง ระดับความนิยมนั้นถดถอยลงทั้งจากวัยรุ่นและวัยเคยรุ่น ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเวลาไปไหนก็เจอแต่คนใส่เสื้อยี่ห้อนี้ เจอบ่อยถึงขนาดเจอคนเดินสวนมาใส่ลายเหมือนที่เราใส่เด๊ะๆ แทบทุกครั้งที่เดินห้างเลยก็ว่าได้ แต่ทำไม๊~ จู่ๆ เราถึงเลิกใส่ นี่ก็ยังหาเหตุผลไม่ได้เหมือนกัน
3. Domon
โดม่อนไม่ใช่เจ้าของเดียวกับร้านไดโดม่อน และไม่ได้เป็นญาติกับโดราเอม่อน โดม่อนโด่งดังในหมู่วัยรุ่นที่สุดก็คือ เข็มขัดนั่นเอง ตั้งแต่เข็มขัดยี่ห้อนี้เข้าถึงวัยรุ่นยุค 90’s แล้ว เข็มขัดของโรงเรียนก็แทบไม่ได้เกิดอีกเลย นับเป็นศัตรูคู่อาคาตกับเข็มขัดนักเรียนดั้งเดิมก็ว่าได้ เพราะวัยรุ่นนิยมใส่มันมาเรียนมว๊ากกกก (ก.ไก่ล้านตัว) และอาจารย์ก็ชอบริบอีเข็มขัดรุ่นนี้มว๊ากกกกกกกก (ก.ไก่สิบเก้าล้านตัว) เหตุผลที่อาจารย์ชอบริบไป (โดยไม่มีเหตุผล) บางทีอาจารย์แกอาจได้เปอร์เซ็นต์จากยอดขายก็เป็นได้
ความดังของโดม่อนสมัยนั้น นอกจากจะมีเข็ดขัดแล้ว ก็ยังมีเสื้อผ้าที่ออกคอลเลคชั่นใหม่ๆ มาเป็นประจำ แถมจุดพีคสุดของโดม่อนคือ การจัดประกวดโดม่อนแมนนั่นเอง (ความดังก็ระดับน้องๆ นางสาวไทยในฝั่งผู้หญิง)
4. Jacob
หากพูดถึงชื่อ Jacob ถ้าเป็นวัยรุ่นหญิงยุคนี้คงนึกถึงเรื่อง vampire twilight แต่ถ้าเป็นวัยรุ่นชายยุค 90’s ทุกคนย่อมรู้จัก Jacob ในนามจักรพรรดิแห่งกระเป๋านักเรียน เรียกว่าเป็นไอเทมตีบวกสิบของคู่กายของนักเรียนชายในยุคนั้นก็ว่าได้ แถมใบนึงนี่ไม่ใช่ถูก ลากกันไปใบละสามสี่พันเลยทีเดียว พ่อแม่เราซื้อให้ในราคาแสนแพง หวังว่าเราจะใส่หนังสือเรียนให้คุ้ม แต่พวกเราไม่จ้า เอาหนังสือและสมุดทุกอย่างออกจากกระเป๋า แล้วรีดมันให้แบนที่สุดเท่าที่กระเป๋ามนุษย์จะแบนได้ ซื้อมาวันแรกก็จัดเลย หาอะไรหนักๆ มาทับไว้อย่างน้อยหนึ่งคืน เช้ามาถ้าไม่แบนให้ซ้ำด้วยคลิปหนีบเหล็กสีดำ แหมบไว้ข้างเป๋าจนกว่าจะแบน เป็นกระเป๋าที่ไม่บรรจุอะไรเลยนอกจากความมั่นใจของเราเท่านั้น เวลาเดินกันเป็นแก๊งแล้วใช้นิ้วหมุนกระเป๋าพร้อมกัน พูดได้คำเดียวว่าโคตรเท่ห์ (แบบคิดไปเอง)
5. Outdoor
กระเป๋ายอดฮิตสำหรับการใช้ชีวิตนอกบ้าน มีเฉดสีให้เลือกพอประมาณ ช่วงพีคนี่ฮิตมาก งานแท้ขาดตลาดไปเกือบเดือน จนมีงาน AAA เข้ามาชดเชย ยุคนั้นใครไม่ตามข้อมูลดีๆ เผลอซื้อของก็อบแล้วไปเคลมบอกเพื่อนว่าเป็นของแท้ อาจมีเขินกันบ้าง เพราะงานก็อบดันทำสีใหม่ออกมาก่อนงานลิขสิทธิ์จะทำซะงั้น
6. Evita
หวีสับเอวิต้า หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่าอีหวิด จำได้ว่าสมัยนั้น ผู้หญิงในห้องเกือบทุกคนต้องโดนอีหวียี่ห้อนี้เสยเข้ากลางหน้าผาก ฮิตมาก บางคนใส่ 7 สี 7 วันเลยก็มี ราคาสมัยนั้นถ้าจำไม่ผิด คู่ละร้อยนิดๆ (ซึ่งแพงมาก ข้าวตามสั่งจานละ 12-15 บาทเอง) ยิ่งช่วงนิยมมากแล้วของขาดตลาด ราคาปั่นกันขึ้นไปแตะเกือบอันละร้อยเลยทีเดียว จนสุดท้ายมาแพ้พ่ายให้กับงานจีน อัน 5 บาท แถมมีสีให้เลือกมากกว่างานแท้ (อีกและ) เลยทำให้ความนิยมซาลงไปเองตามกลไกของตลาด
7. Scholl
น่าจะเป็นรองเท้าที่นิยมไม่แพ้รองเท้านันยางเลยก็ว่าได้ แต่ระดับความแพง สกอร์แพงกว่าเย้อ ความนิยมในสมัยนั้นต้องบอกว่าจอดไว้นอกบ้านเมื่อไหร่ ถ้าไม่หิ้วติดตัวไปด้วยมีหายแน่นอน เรียกว่าสกอร์เป็นรองเท้าขวัญใจนักหิ้วเลยก็ว่าได้
เหตุที่สกอร์ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองอีกสาเหตุหนึ่งน่าจะมาจาก การที่สกอร์ให้นิยามว่านี่คือรองเท้าเพื่อสุขภาพ มีปุ่มนวดเท้า ทำให้เดินแล้วไม่เมื่อย…ซึ่งเหตุผลที่ราไม่รู้สึกเมื่อย อาจเป็นเพราะว่าเราเจ็บเท้าเพราะอีปุ่มนวดเท้า ที่ม่างนวดจนช้ำทำให้ไม่รู้สึกเมื่อยก็เป็นได้