ความใฝ่ฝันของมนุษย์เงินเดือนหลายคนก็คือการหาบริษัทที่อยากจะอยู่ไปยาวๆ งานน่าสนใจ บรรยากาศการทำงานและเพื่อนร่วมงานดี ดูแลเราดี และมีเวลาเหลือเพื่อใช้ชีวิตด้านอื่น จะมีไหมน้า? มี! …บริษัทนั้นคือ Refinitiv (รีฟินิทีฟ) มาทำความรู้จักกับ Refinitiv กันก่อน Refinitiv คืออดีตหน่วยธุรกิจส่วนที่ดูแลโปรดักส์ด้านการเงินและการจัดการความเสี่ยงที่แยกตัวออกมาจาก Thomson Reuters เมื่อเดือนตุลาคมปี 2018 ซึ่งการแยกตัวออกมาครั้งนี้นับเป็นดีลยักษ์ในแวดวงการเงินและทำให้ Refinitiv กลายเป็น Fintech Start Up น้องใหม่ที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับต้นๆ ของโลก แม้จะเพิ่งแยกตัวออกมาจาก Thomson Reuters แต่ Refinitiv มาพร้อมกับประวัติการทำธุรกิจในแวดวงการเงินการธนาคารที่ยาวนานมากว่า 160 ปี เรียกได้ว่าเป็นบริษัท Fintech รายแรกของโลกที่ทำธุรกิจให้ข้อมูลทางด้านการเงินแก่สถาบันการเงิน ธนาคารชั้นนำ และนักลงทุนทั่วโลกเลยทีเดียว ซึ่งข้อมูลของ Refinitiv ก็ได้รับการเชื่อถือในระดับต้นๆ ของโลก โดยมีแหล่งข้อมูลสำคัญมาจากสำนักข่าวรอยเตอร์และทีมจัดการข้อมูลของ Refinitiv เองซึ่งตั้งอยู่ทั่วโลก เทคโนโลยีและซอฟท์แวร์ของ Refinitiv ช่วยให้ลูกค้าซึ่งกระจายอยู่ในกว่า 190 ประเทศทั่วโลกสามารถวิเคราะห์ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ การเงิน การธนาคารเพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุนและบริหารจัดการความเสี่ยง เช่น ซื้อขายเงินตราและอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ลงทุนในตลาดทุนและตลาดเงิน และตรวจสอบประวัติลูกค้าเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน เป็นต้น ปัจจุบัน Refinitiv มีสาขาอยู่ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ในไทยนอกจากทีมที่ดูแลงานขายและบริการลูกค้าแล้ว ยังมี Technology Center ที่ทำหน้าที่พัฒนาซอฟท์แวร์ขนาดใหญ่ด้านการเงินและการจัดการความเสี่ยงและดูแล Technology Infrastructure ของ Refinitiv ทั้งหมดทั่วโลกด้วย ปัจจุบันในไทยมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีต่างๆ รวมกว่า 500 คน และตั้งเป้าขยายอีกกว่า 200 ร้อยตำแหน่งภายในปี 2020 หลายคนอาจคิดว่าทำงานที่ Refinitiv น่าจะเครียดเพราะต้องยุ่งเกี่ยวกับข้อมูลการเงินที่มีความอ่อนไหวสูงและพัฒนาซอฟท์แวร์ที่ซับซ้อน แถมด้วยความที่เป็นบริษัทใหญ่ที่ก่อตั้งมานานเลยอาจถูกมองว่ามีวัฒนธรรมที่ล้าสมัย แต่จริงๆ แล้ว Refinitiv มีวัฒนธรรมองค์กรที่คล้าย Start Up ที่เน้นความรวดเร็ว ยืดหยุ่น กล้าคิดกล้าทำ และเปิดรับไอเดียใหม่ๆ แต่ในขณะเดียวก็มีข้อดีของความเป็นองค์กรขนาดใหญ่ คือมีกระบวนการทำงานที่ชัดเจน ทำสเกลงานขนาดใหญ่ระดับโลก ที่สำคัญคือถึงงานจะท้าทายและมีมาตรฐานสูง แต่บรรยากาศในออฟฟิศเป็นแบบสบายๆ และบริษัทมีการดูแลพนักงานที่ครอบคลุมทุกๆ ด้านของชีวิต เราได้รวบรวม 7 เรื่องที่น่าสนใจของ Refinitiv ซึ่งมั่นใจว่ามนุษย์เงินเดือนหลายคนจะต้องอิจฉา ถ้าคิดว่าต้องเป็นบริษัทรุ่นใหม่ขนาดเล็กเท่านั้นที่จะมีความสนุก อาจต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อได้รู้จัก Refinitiv มากขึ้น อ่านจบแล้วอยากจะส่ง Resume ไปเดี๋ยวนี้เลย 1.) โอกาสก้าวหน้าในการทำงานที่ออกแบบเองได้ตามความสนใจ คอนเซ็ปต์ด้านการเติบโตของที่นี่น่าสนใจมาก คือเปิดให้ทุกคนสามารถออกแบบเส้นทางการทำงานตามที่ตัวเองสนใจได้ โดยที่ Refinitiv จะช่วยให้การสนับสนุนด้านการเตรียมความพร้อม การพัฒนาตัวเอง และสร้างโอกาสในการเติบโตให้ตามความสนใจของพนักงาน ที่นี่พนักงานสามารถเลือกเติบโตไปได้ทั้งในสายบริหารจัดการทีมและสายผู้เชี่ยวชาญ (Specialist) นี่ช่วยให้คนที่ไม่ได้ชอบทำงานสายบริหาร หรือมีความสุขกับการทำงานสาย Technical มากกว่า สามารถมีเส้นทางให้โตต่อไปได้ ซึ่งระดับของงานสาย Specialist ก็เทียบเท่ากับสายบริหารระดับสูงๆ เลย ถ้าสนใจงานในทีมอื่นหรืออยากลองเปลี่ยนสายงานดู ก็สามารถสมัครงานภายในได้ ทั้งในไทยและต่างประเทศ มีการสนับสนุนให้พนักงานพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมทักษะทุกด้าน เช่นด้านบริหารจัดการ ความรู้ด้านธุรกิจ การสื่อสาร ภาษาอังกฤษ และความรู้ด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีทั้งแบบเรียนออนไลน์ที่มีคอร์สกว่าพันรายการให้พนักงานเข้าไปเลือกเรียนได้เองเลย กับแบบที่มีผู้เชี่ยวชาญมาสอน และยังมีการสนับสนุนการสอบ Certificate ด้านเทคโนโลยีต่างๆ ด้วย ให้โอกาสพนักงานได้ทดลองทำงานที่สนใจผ่านโครงการ Job Shadow และ Job Swap ซึ่งจะเลือกไปลองสายงานที่ไม่เคยทำในทีมอื่นก็ได้ ถ้าอยากพัฒนาความรู้ด้านไหนเป็นพิเศษก็สามารถขอ Mentor หรือเพื่อนพนักงานที่มีประสบการณ์ในด้านนั้นๆ มาเป็นโค้ชให้เป็นพิเศษได้ 2.) มีสวัสดิการด้านการเงิน การลงทุนเพื่ออนาคตของพนักงาน สวัสดิการที่เกี่ยวกับการเงิน การลงทุนที่ Refinitiv มอบให้กับพนักงานไม่ได้มีแค่เงินเดือนและโบนัส แต่ที่นี่มีสวัสดิการอีกหลายอย่างเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการเงินและการลงทุนแก่พนักงาน มีสวัสดิการเงินกู้แบบไม่มีดอกเบี้ย กู้ได้สูงสุดถึง 6 เท่าของเงินเดือนสำหรับซื้อรถ ดูแลค่ารักษาพยาบาลพ่อแม่ หรือใช้กรณีฉุกเฉินเช่นซ่อมบ้านจากภัยธรรมชาติ ไฟไหม้ น้ำท่วม ฯลฯ มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่บริษัทจ่ายเงินสมทบให้พนักงานสูงถึง 9.75 % ของเงินเดือน ส่วนพนักงานก็เลือกสัดส่วนการออมเงินได้ตั้งแต่ 6% – 15% ของเงินเดือน และเลือกแผนการลงทุนตามความเสี่ยงที่สามารถรับได้ ถ้าพนักงานต้องการซื้อบ้าน Refinitiv ก็มีข้อตกลงกับธนาคารหลายแห่งเพื่อให้ปล่อยกู้สินเชื่อบ้านในดอกเบี้ยพิเศษที่ต่ำกว่าตลาดให้พนักงาน การที่บริษัทลงทุนกับการช่วยเหลือและสวัสดิการด้านการเงินแก่พนักงานขนาดนี้ก็เพราะ Refinitiv เชื่อว่าการดูแลสนับสนุนพนักงานตามความต้องการที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงชีวิต เช่นเมื่อแต่งงานสร้างครอบครัว ต้องการมีบ้าน มีรถ มีเงินออม จะทำให้พนักงานใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่กังวล พอไม่กังวลก็สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่นั่นเอง 3.) ดูแลสุขภาพพนักงานเหมือนดูแลคนในครอบครัว สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้เรื่องการเงิน Refinitiv เข้าใจตรงจุดนี้ดีจึงมีสวัสดิการและกิจกรรมหลายอย่างเพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพของพนักงาน ซึ่งบอกเลยว่า…โคตรเด็ด เบิกค่าสมัครฟิตเนสหรือค่าบริการนวดแก้อาการ Office Syndrome ได้ มีคลาสออกกำลังกายหลังเลิกงาน โดยจัดตามความสนใจของพนักงานและเทรนใหม่ๆ เช่น โยคะ บอดี้คอมแบท เต้นซุมบ้า ซึ่ง Refinitiv จ้าง Trainer มืออาชีพจากสตูดิโอมาสอนให้ถึงออฟฟิศเลย บรรยากาศสนุกสนานเป็นกันเองมาก ประกันสุขภาพที่ Refinitiv มีให้ครอบคลุมไปถึงครอบครัวของพนักงานด้วย คือสามีหรือภรรยาและลูกๆ ช่วยประหยัดรายจ่ายให้พนักงานที่มีครอบครัวได้เยอะ ห้องพยาบาลที่นี่ไม่ได้มีแค่ยากับห้องเปล่าๆ แต่ยังมีคุณพยาบาลใจดีจากโรงพยาบาลสมิติเวช มาดูแลโดยเฉพาะด้วย โปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีซึ่งจัดที่โรงพยาบาลชั้นนำปีละครั้ง มีโปรแกรมสำหรับตรวจแยกตามกลุ่มอายุ และผู้หญิงสามารถเลือกตรวจมะเร็งปากมดลูกได้ด้วย จัดฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้พนักงานที่สนใจฟรีทุกปี โดยเลือกวัคซีนตัวล่าสุดที่ออกมาในตลาด พนักงานหญิงที่ตั้งครรภ์สามารถเบิกค่าพบแพทย์เพื่อฝากและตรวจครรภ์ได้ และพนักงานชายที่ภรรยาตั้งครรภ์ก็สามารถใช้สิทธิ์นี้ได้เหมือนกัน การมีสุขภาพที่ดีจะทำให้ทำงานได้อย่างมีความสุข และไม่ต้องกังวลในวันที่เจ็บป่วยเพราะบริษัทมีสวัสดิการการรักษาที่มอบให้เต็มที่ เป็นการดูแลพนักงานที่เห็นแล้วต้องร้องเฮ้ย! อยากได้แบบนี้บ้าง 4.) ทำบรรยากาศในออฟฟิศให้น่าอยู่ ออฟฟิศของ Refinitiv ประเทศไทยอยู่ในทำเลทองที่เป็น Prime Location ของกรุงเทพ เพราะตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่อาคารอื้อจือเหลียง ย่านสีลม ห่างจาก BTS ศาลาแดง และ MRT สีลมในระยะเดินแค่ 5 – 10 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ด้วยความที่ออฟฟิศเป็นพื้นที่ที่พนักงานใช้ชีวิตอยู่ถึง 1 ใน 3 ของวัน Refinitiv จึงออกแบบออฟฟิศให้เป็นบรรยากาศแบบสบายๆ โต๊ะทำงานที่นี่จะไม่เป็นรูปสี่เหลี่ยม และทุกคนรวมทั้งผู้บริหารจะนั่งรวมกันเลยไม่มีห้องแยกใครมีไอเดียอะไรเดินไปคุยกันได้เลย ตรงนี้เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานให้ตรงกับวัฒนธรรมการทำงานของ Refinitiv ที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เปิดรับไอเดียใหม่ๆ และไม่มีระบบอาวุโส นอกจากนี้ในออฟฟิศยังมีโซนที่พนักงานสามารถใช้พบปะ สังสรรค์ ผ่อนคลายจากการทำงาน รวมถึงมีพื้นที่พิเศษที่ตอบโจทย์ความจำเป็นของพนักงานได้ด้วย จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย.. มีพื้นที่ส่วนกลางของออฟฟิศที่สามารถกินข้าว นั่งทำงาน เล่นเกม หรือนั่งเมาท์กันก็ได้ พื้นที่ส่วนกลางที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่ที่ชั้นที่ 31 และชั้นที่ 23 ทั้งสองโซนนี้สามารถมองเห็นวิวแบบพาโนราม่าได้ถึงสามแบบ คือวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงคุ้งบางกระเจ้า วิวเมืองย่านสาธร และวิวสวนลุมพินีทั้งสวน วันไหนฟ้าเปิดจะมองเห็นภูเขาที่จังหวัดชลบุรีได้ด้วย ออฟฟิศอยู่ตรงข้ามสวนลุมฯ พอดี เลิกงานแล้วจะลงไปวิ่งแล้วขึ้นมาใช้ห้องอาบน้ำที่ออฟฟิศก็ได้ ชิวๆ มีห้องคุณแม่เพื่ออำนวยความสะดวกให้คุณแม่ใช้ปั๊มและเก็บน้ำนม โดยห้องที่จัดไว้มีการแบ่งสัดส่วนอย่างดี ใช้ได้พร้อมกันหลายคน มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นตั้งแต่ม่านเพื่อความเป็นส่วนตัว ตู้เย็น อ่างล้างมือ ตู้เก็บของ สะดวก สะอาดและเป็นส่วนตัวมาก มีห้องสวดมนต์ที่เปิดให้พนักงานทุกศาสนาสามารถเข้าไปใช้ได้ เช่น นั่งสมาธิ ทำละหมาด สวดมนต์ มีโต๊ะปิงปองเอาไว้สำหรับให้พนักงานดวลปิงปองกันเพื่อความผ่อนคลาย ถ้าเครียดกับการทำงานก็ไประบายกับปิงปองได้เลย ย้าก~~~ มีห้องสมุดสำหรับยืมหนังสือทั้งภาษาไทย อังกฤษ หรือยืมแผ่นหนังกลับไปดูที่บ้าน 5.) มีเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่นและวันลาที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต ที่ Refinitiv ไม่มีระบบตอกบัตรหรือบันทึกเวลาเข้าออก เรื่องเวลาทำงานนั้นสามารถปรับให้ยืดหยุ่นได้ขึ้นอยู่กับงานที่รับผิดชอบและความจำเป็น และยังมีวันลาพิเศษที่ตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตของพนักงานเพิ่มให้ด้วย เนื่องจากพนักงาน Refinitiv ต้องทำงานกับหลายประเทศ Refinitiv จึงให้พนักงานบริหารเวลาทำงานได้ยืดหยุ่นตามความเหมาะสม เช่น บางวันต้องคุยงานกับทีมที่อังกฤษ อเมริกา ก็สามารถปรับเวลาเข้างานเป็นช่วงบ่ายแล้วเลิกค่ำ หรือออกจากออฟฟิศเร็วหน่อยเพื่อไปประชุมที่บ้านแทนก็ได้ ขอปรับเวลาเพื่อให้ตรงกับความจำเป็นส่วนตัวได้ เช่นบางคนเรียนปริญญาโทหรือต้องไปรับลูกช่วงเย็นก็เข้างานเร็วขึ้นแล้วออกก่อนเวลาปกติได้ หรือบางคนต้องไปเฝ้าไข้คนในครอบครัว ก็สามารถขอปรับเวลาเข้างานหรือทำงานจากบ้านได้ตามความจำเป็น Refinitiv สนับสนุนให้พนักงานใช้สิทธิวันลาพักผ่อนได้เต็มที่ เพื่อให้มีเวลากับครอบครัวและไลฟ์สไตล์ส่วนตัว สำหรับพนักงานที่แต่งงาน Refinitiv ให้ของขวัญเป็นวันลาพิเศษเพิ่ม แถมยังมีเงินขวัญถุงเป็นของขวัญแต่งงานให้ด้วยนะ พนักงานหญิงใช้สิทธิลาคลอดได้ถึง 120 วัน แถมพนักงานชายที่ภรรยาคลอดลูกก็สามารถลาได้ 2 อาทิตย์ไปช่วยคุณภรรยาได้ด้วย หลายบริษัทถ้าจะลาไปทำกิจกรรมทางศาสนาเช่นลาบวช ลาไปจาริกแสวงบุญที่เมกกะ หรือลาไปปฏิบัติธรรมจะต้องลาพักร้อนเท่านั้น แต่ที่นี่มีวันลาสำหรับไปทำกิจกรรมทางศาสนาให้โดยเฉพาะเลย ไม่ต้องเสียวันพักร้อน ลาไปทำกิจกรรมเพื่อสังคมได้ปีละ 2 วัน 6.) มีกิจกรรมเพื่อความสุขของพนักงานเพียบ การจัดกิจกรรมให้พนักงานได้ทำร่วมกันแสดงถึงความใส่ใจความสุขของพนักงาน เพราะพนักงานคือรากฐานของบริษัท ถ้าพนักงานมีความสุขงานก็จะออกมาดี ซึ่ง Refinitiv ก็มีกิจกรรมสนุกๆ ให้เข้าร่วมได้ตลอดทั้งปี ทุกปีจะมีกิจกรรม ‘Appreciating You’ ให้ทุกคนได้แสดงความขอบคุณและชื่นชมเพื่อนร่วมงานทั้งในทีมตัวเองและทีมอื่นๆ ในบริษัท บางคนทำงานช่วยเหลือกันมาทั้งปีแต่ไม่มีโอกาสขอบคุณกันก็ใช้จังหวะนี้แสดงความขอบคุณ หรือมอบของเล็กๆ น้อยๆ ให้กัน ส่วนบริษัทก็จัดกิจกรรมขอบคุณพนักงานที่เหนื่อยมาด้วยกันตลอดทั้งปีด้วย เช่น ยกสปามานวดผ่อนคลายให้พนักงานในออฟฟิศ ให้มาสคอตมาเดินแจกขนม นอกจากนี้แต่ละทีมก็จะจัดกิจกรรมตามความคิดสร้างสรรค์ของทีมด้วย มีตั้งแต่พาไปโยนโบว์ เล่นเกมคอมแบต ขนรถไอศกรีมมาแจก หรือให้บรรดาหัวหน้าแต่งชุดคอสเพลย์ยกขนมมาเสิร์ฟให้น้องๆ ในทีม จัดกิจกรรมเพื่อสุขภาพ เช่นงานวิ่ง แข่งลดน้ำหนัก แข่งนับก้าว เชิญคุณหมอและฟิตเนสเทรนเนอร์มาพูดให้ความรู้ด้านสุขภาพ ทุกๆ ไตรมาสจะมีการจัดกิจกรรมที่ชื่อว่า Music Soiree มีแบนด์ของบริษัทมาเล่นดนตรีสดให้ฟัง มีซุ้มเกม และพนักงานมาเปิดบูทออกร้านขายอาหารได้ หรือบางทีก็มีร้านมิชลินสตาร์มาแจมด้วย ซึ่งรายได้จากการจัดงานก็จะนำไปเข้ากองทุน CSR ของ Refinitiv เพื่อใช้ในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ได้ทั้งผ่อนคลาย ฟังเพลง กินอาหารอร่อยๆ และได้ทำบุญไปพร้อมๆกัน จัดกิจกรรมส่งเสริมให้พนักงานจากทุกทีมมีโอกาสศึกษาและแชร์ความรู้ร่วมกัน หรือใครคันไม้คันมืออยากลองทำอะไรใหม่ๆ เช่นลองเล่นเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็สามารถเสนอไอเดียหรือโปรเจค มาได้ ซึ่งหลายไอเดียได้ถูกนำไปพัฒนาใช้จริง และได้รับคำชมจาก CEO ของ Refinitiv ที่อังกฤษด้วย 7.) ได้ทำงานกับเพื่อนร่วมงานทั่วโลกและมีโอกาสไปทำงานต่างประเทศ ในแต่ละวันพนักงาน Refinitiv จะได้ทำงานกับเพื่อนร่วมงานหลากหลายประเทศ เช่นทีมพัฒนาซอฟท์แวร์ที่กรุงเทพอาจจะต้องคุยงานกับ Project Manager ที่อังกฤษ Architect ที่อเมริกา และช่วยแก้ปัญหาที่ถูกส่งมาจากทีม Customer Support ที่ฟิลิปปินส์ นอกจากนี้บริษัทยังสนับสนุนให้พนักงานมีโอกาสไปทำงานที่ออฟฟิศ Refinitiv ในประเทศอื่นๆ เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ชีวิต มีทั้งไปประชุมหรือเข้าเวิร์คช็อป ไปทำงานช่วงสั้นๆ 3 – 6 เดือน และแบบย้ายไปประจำระยะยาว ซึ่งที่ผ่านมาก็มีพนักงานจากไทยหลายคนที่ย้ายไปทำงานที่สาขาต่างประเทศทั้งอังกฤษ อเมริกา สิงคโปร์ ฮ่องกง ฯลฯ และ Refinitiv ยังให้การสนับสนุนหลายๆ อย่างเพื่อช่วยเตรียมความพร้อมและเพิ่มทักษะการทำงานกับเพื่อนร่วมงานต่างชาติให้พนักงานด้วย เช่น พัฒนาภาษาอังกฤษจากการเรียนกับครูต่างชาติโดยตรง และจากการได้ทำงานกับเพื่อนร่วมงานหลายๆ ประเทศ พนักงานหลายคนเริ่มแรกที่เข้ามาทำงานอาจจะยังไม่เก่งภาษาอังกฤษมากนัก แต่พอผ่านคอร์สภาษาและได้ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารทุกวันก็เก่งขึ้นมากจนสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้คล่องและไปทำงานต่างประเทศได้เลย พัฒนาทักษะการสื่อสารให้ชัดเจน ตรงประเด็น เพิ่มความมั่นใจและกล้าพูดกล้าแสดงออก เรียนรู้วัฒนธรรม วิธีคิด และสไตล์การทำงานของชาติต่างๆ เพื่อให้ทำงานด้วยกันอย่างราบรื่น โอกาสในการทำงานร่วมกับชาติอื่นๆ เพื่อเปิดโลกให้ตัวเองนั้นไม่ใช่โอกาสที่จะได้มาง่ายๆ แต่ถ้าเราได้ทำงานกับบริษัทที่พร้อมจะมอบโอกาสให้พนักงานทุกคนได้มีทักษะการทำงานที่เพิ่มขึ้น ได้เรียนรู้การทำงานจากต่างวัฒนธรรม ก็เป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะ : D รู้จักกับวิธีคิดที่ทำให้องค์กร Refinitiv มีความสุข การที่ Refinitiv ดูแลพนักงานให้มีความสุขในการทำงาน จุดเริ่มต้นและวิธีคิดนั้นต้องเริ่มต้นที่นโยบายของฝ่ายทรัพยากรบุคคล และผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลความสุขของคนในองค์กรก็คือ ‘พี่แหม่ม – วิจิตรา โสภณ’ Director, People Service Delivery, Thailand & IndoChina “เราเป็นองค์กรที่แบน ไม่ได้มีลำดับชั้นมาก เพื่อที่จะทำให้การสื่อสาร และการตัดสินใจรวดเร็ว” พี่แหม่มเริ่มต้นเปิดประเด็นถึงวัฒนธรรมองค์กรของ Refinitiv “วัฒนธรรมองค์กรของเราคือการให้อิสระทุกคนในการออกความเห็นได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องตำแหน่ง หรือลำดับขั้น ทุกคนร่วมมือกันทำงานในแบบพาร์ทเนอร์กัน เราเชื่อว่างานของทุกคนมีความสำคัญเท่ากันในทุกตำแหน่ง เราอยากให้พนักงานยึดถือความสำเร็จและความพอใจสูงสุดของลูกค้าเป็นหัวใจของการทำงาน ถ้าโปรดักส์ออกไปแล้วเกิดปัญหาในการใช้งานทุกคนต้องคิดก่อนว่าจะแก้ไขอะไรอย่างไรเพื่อให้กระทบลูกค้าน้อยที่สุด เพราะในวงการธุรกิจการเงินการธนาคาร เวลาเพียง สองสามนาทีอาจหมายถึงความเสียหายที่มีมูลค่ามหาศาล และเราต้องการให้พนักงานเปิดใจรับ Feedback เพื่อพัฒนาตัวเอง ปรับปรุงงานให้ดียิ่งขึ้นรวมทั้งป้องกันปัญหาเดิมไม่ให้เกิดซ้ำอีก ถ้าสรุปโดยใช้คำภาษาอังกฤษ สามคำก็คือเราต้องการให้หล่อหลอมให้คนที่ทำงานในองค์กร Refinitiv ยึดถือก็คือ Bold, Open และ Focused “อีกหนึ่งนโยบายที่ทำให้เราเป็นที่ทำงานที่คนทำงานมีความสุขก็คือเรื่องการทำงานที่ยืดหยุ่น (Flexible Working) เราพร้อมที่สนับสนุนพนักงานให้สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและดำเนินชีวิตส่วนตัวไปได้อย่างดี โดยเฉพาะเมื่อมีความจำเป็นต่างๆ เช่น การขอปรับเวลาทำงานเพื่อให้สามารถไปเรียนต่อหรือสามารถรับส่งลูกไปโรงเรียนได้ การขอเข้างานช้าหรือทำงานที่บ้านระยะหนึ่งเพื่อดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่ป่วย หรือใครไม่สบาย หรือต้องอยู่ดูแลธุระส่วนตัวบางอย่าง เราก็จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ในส่วนของการดูแลคนในองค์กร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้การสร้างวัฒนธรรมองค์กร พี่แหม่มเล่าให้ฟังว่าที่นี่เป็นที่ๆ พี่แหม่มทำงานมานานที่สุดคือ 16 ปี และยังมีพนักงานจำนวนมากที่อยู่กับบริษัทมานานเกิน 10 ปี ด้วยเหตุผลที่ว่าทำงานสนุก มีความท้าทาย มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ได้มีโอกาสเรียนรู้และได้ทำงานกับคนเก่งๆ ในหลายประเทศ และได้เพื่อนร่วมงานที่มีความสุขกับการทำงาน” “บริษัทเราขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศที่ดี ความท้าทายน่าตื่นเต้นในการทำงาน แต่ก็มีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้พนักงานอยู่กับเราได้นาน อย่างแรกสุดคือความภูมิใจ เพราะบริษัทของเราเป็นบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกมีชื่อเสียงและจริยธรรมในการทำธุรกิจ ต่อมาคือการที่ทุกคนได้ทำงานร่วมกับคนเก่ง ทั้งที่เป็นคนไทยด้วยกันและในประเทศอื่น ทุกคนมีมาตรฐานในการทำงานที่เหมือนกัน เวลาทำงานก็จะสนุก ได้ทำงานที่ท้าทาย ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และความคิดริเริ่มซึ่งพนักงานสามารถเสนอความคิดในรูปแบบโปรเจกต์พิเศษให้บริษัทได้ และบริษัทมีแนวทางชัดเจนในการ Recognize และให้รางวัลความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่เพิ่มมูลค่าให้บริษัทและสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า” “ส่วนเงินเดือนที่ทุกคนได้รับถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผล เราอาจจะไม่ได้จ่ายสูงที่สุดในตลาด แต่อัตราเงินเดือนของเราถือว่าแข่งขันกับบริษัทชั้นนำได้แน่นอน Refinitiv เป็นองค์กรที่มีนโยบายการตอบแทนพนักงานที่ชัดเจนเป็นสามส่วนคือ เงินเดือน โบนัสตามผลงาน และสวัสดิการที่ดีที่เพิ่มมูลค่าตามวงจรชีวิตของพนักงาน เช่นเมื่อพนักงานแต่งงาน แผนประกันสุขภาพก็จะเพิ่มให้คู่สมรสและลูกได้รับความคุ้มครองเท่ากับพนักงาน เราหาข้อมูลจากภายนอก ฟังเสียงของพนักงานและนำมาปรับปรุงเรื่องต่างๆ เราร่วมการสำรวจอัตราค่าจ้างและสวัสดิการทุกปีเพื่อให้มั่นใจว่าอัตราเงินเดือนของเราแข่งขันได้” “เรารับคนเก่งๆ เข้ามาอยู่ที่ Refinitiv และเราอยากให้เค้าอยู่กับเราและพัฒนาตัวเองต่อเนื่องเพื่อก้าวหน้าเติบโตไปกับองค์กรไปนานๆ ดังนั้นเราก็จะดูแลอย่างดีและครบวงจรที่สุด” พี่แหม่มสรุปหลักคิดในการดูแลพนักงานที่เป็นหัวใจสำคัญของการดูแลคนในองค์กร ตอนนี้ Refinitiv กําลังรับคนเพิ่มอีกเยอะมาก เข้าไปดูตำแหน่งและส่งใบสมัครได้เลยที่ https://jobs.refinitiv.com/ ติดตามกิจกรรมสนุกๆ และหาข้อมูลเพิ่มเติมของ Refinitiv ประเทศไทยได้ที่ Facebook : Refinitiv Thailand Career