Spider-Man: Into the Spider-Verse เพิ่งคว้ารางวัลออสการ์ไปหมาดๆ เมื่อวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี่เอง แล้วก็เป็นอีกปีหนึ่งที่อนิเมะจากประเทศญี่ปุ่นต้องอกหักจากรางวัลใหญ่ที่คนรู้จักมากที่สุดรางวัลหนึ่งเท่าที่คนจดจำได้ ความจริงก็มีนักวิจารณ์หลายชาติออกความเห็นว่าการที่ภาพยนตร์การ์ตูนจากประเทศอื่นจะมีโอกาสได้รางวัลในเวทีออสการ์นี้ต่ำอยู่สักหน่อย ด้วยเหตุผลที่ว่าคณะกรรมการรางวัลออสการ์ที่มีสิทธิ์โหวตผู้ได้รับรางวัล มักจะโหวตให้งานที่พวกเขารู้จักผ่านโฆษณามากกว่านั่งดูหนังจริงๆ แล้วค่อยโหวต ก็เลยสงสัยขึ้นมานิดนึงว่า จริงๆ แล้วภาพยนตร์อนิเมะ หรือ ภาพยนตร์การ์ตูนจากประเทศญี่ปุ่นที่คนทั่วโลกรู้จักกันอย่างดีว่ามีกี่เรื่องที่เคยได้ไปเข้าชิงรางวัลออสการ์มาบ้าง แล้วเรื่องไหนเคยไปถึงฝั่งฝันจนคว้ารางวัลอันทรงเกียรติกลับมาได้ โดยเราจะขอนับถอยหลังจากรางวัลออสการ์ครั้งล่าสุดย้อนกลับไปครั้งก่อนหน้า พร้อมรายละเอียดคร่าวๆ ว่าแต่ละเรื่องเป็นอย่างไรบ้างนะ Mirai : เข้าชิงรางวัลออสการ์ปี 2018 ภาพยนตร์อนิเมะ จากผู้กำกับโฮโซดะ มาโมรุ ที่เล่าประเด็นของ คุน เด็กชายวัย 4 ขวบ ที่ต้องปรับตัวรับการมาถึงของ มิไร น้องสาวที่เพิ่งคลอด ด้วยความที่เป็นลูกคนโตมาระยะหนึ่ง คุน จึงงอแงเรียกร้องความสนใจ แต่แล้วเขาก็ได้เจอ มิไร ที่มาจากอนาคต รวมถึงเดินทางข้ามเวลาไปพบญาติคนอื่นๆ ซึ่งทำให้เขาค่อยๆ เรียนรู้วิธีการเป็นพี่ชายที่ดี แม้ว่าจะไม่ชนะรางวัลกลับมา แต่ก็ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ภาพยนตณ์อนิเมะที่ได้เข้าชิง ไม่ใช่งานของสตูดิโอจิบลิ The Red Turtle : เข้าชิงรางวัลออสการ์ปี 2016 ถ้าพูดให้ถูกจริงๆ ภาพยนตร์อนิเมะที่ไร้บทพูดเรื่องนี้เป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส-ญี่ปุ่น เพราะงานเป็นการเขียนบทกับกำกับโดย มิคไฮล์ ดูด็อค เดอ วิท (Michaël Dudok de Wit) และได้ทาง สตูดิโอจิบลิ จากประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ช่วยจัดทำงานอนิเมชั่น เรื่องราวของหนังนั้นเป็นเรื่องราวแฟนตาซีเกี่ยวกับ ชายไร้นามที่ติดเกาะร้างที่พยายามหนีออกมาจากเกาะแห่งนั้นแล้วได้พบกับ เต่าสีแดง ที่มาช่วยเหลือและกลายเป็นความผูกผันซึ่งกันและกันไปในที่สุด When Marnie Was There : เข้าชิงรางวัลออสการ์ปี 2015 ภาพยนตร์อนิเมชั่นของทางสตูดิโอจิบลิ ที่หลายเรื่องก็มักจะหยิบเอานวนิยายมาดัดแปลงเรื่องราว เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่เอานิยายอังกฤษ มาปรับโครงเรื่องให้กลายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นแทน ดังนั้น อันนะ ในภาพยนตร์จึงกลายเป็น เด็กหญิงที่ต้องไปพักอยู่ต่างจังหวัดเพราะอาการหอบหืด แม้ว่ามันจะทำให้เธออาการดีขึ้นแต่กเธอกรู้สึกเหงาจนทั่ง อันนะ ได้เจอกับ มาร์นี่ เด็กสาวผมทองที่อยู่ในคฤหาสน์ริมน้ำ …แต่มาร์นี่เป็นใครกันแน่ ? The Tale Of The Princess Kaguya : เข้าชิงรางวัลออสการ์ปี 2014 งานจากสตูดิโอจิบลิอีกหนึ่งเรื่อง และเป็นผลงานการเขียนบทและกำกับเรื่องสุดท้ายของ ทาคาฮาตะ อิซาโอะ ผู้ล่วงลับไปเมื่อปี 2018 ตัวงานเป็นการเอา ตำนานเจ้าหญิงคางูยะ ผู้เติบโตจากกระบอกไม้ไผ่ ก่อนจะถูกพาตัวกลับสู่ดวงจันทร์ในภายหลังมาบอกเล่าใหม่ ใส่อารมณ์บางอย่างให้เห็นชัดขึ้น รวมถึงการทำงานอนิเมชั่นให้เป็นเหมือนเอาพู่กันมาวาดภาพจนเกิดเป็นลายเส้นที่สวยงามเหนือจริง แต่ปีนั้นรางวัลออสการ์ก็ตกเป็นของ Big Hero 6 ไป The Wind Rises : เข้าชิงรางวัลออสการ์ปี 2013 ผลงานจากสตูดิโอจิบลิ และมีความเป็นหนังที่มิยาซากิ ฮายาโอะ หยิบเอาส่วนหนึ่งของชีวิต โฮริโกชิ จิโระ วิศวกรผู้ออกแบบเครื่องบินซีโร่ให้กับจักรวรรดิญี่ปุ่น นับตั้งแต่วัยเด็ก ได้พบสาวที่รัก ได้แรงบันดาลใจการสร้างเครื่องบิน ประสงค์เพียงอยากจะสร้างเครื่องบินที่ดีแต่กลับต้องไหวตัวไปตามแนวคิดของกองทัพกับเงินทุน ทำให้หนังโดนมองว่าเป็นการวิพากษ์กลุ่มชาตินิยมในญี่ปุ่นที่หลายคนยังชื่นชมอุปกรณ์การรบ แต่ก็ไม่แปลกนักเพราะมิยาซากิ ฮายาโอะเป็นผู้ต่อต้านสงคราม แม้ว่าตนเองเติบโตมาในบ้านที่มีโรงงานสร้างเครื่องบินรบก็ตามและงานของสตูดิโอจิบลิก็มักจะนำเสนออีกมุมสงครามอยู่เป็นประจำ Howl’s Moving Castle : เข้าชิงรางวัลออสการ์ปี 2005 หนึ่งในภาพยนตร์อนิเมชั่นของทางสตูดิโอจิบลิ ที่จับเอานิยายชื่อเดียวกันมาปรับเปลี่ยนเรื่องเล็กน้อยให้เล่าประเด็นต่อต้านสงครามแฝงเข้ามาด้วย เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ โซฟี ที่เดินทางไปหาน้องสาว ได้ถูก ฮาว์ล พ่อมดชายรูปงาม ช่วยเหลือจากการลวนลาม ทั้งสองคนถูกใจถูกคอกัน ส่งผลให้แม่มดแห่งทุ่งร้างสาปให้ โซฟี เป็นหญิงแก่ และทำให้เธอต้องหาทางแก้คำสาปให้ตนเอง แล้วในขณะเดียวกันก็ไปเกี่ยวข้องกับสงครามที่เกิดขึ้นอีกด้วย แม้ว่าจะไม่ได้รางวัลออสการ์แต่หลายคนที่รับชมอนิเมะเรื่องนี้ก็จดจำมาดหล่อๆ ของ ฮาวล์ ได้อย่างดี Spirited Away : เข้าชิงรางวัลออสการ์ปี 2002 ย้อนมาถึงภาพยนตร์อนิเมะเรื่องแรกจากญี่ปุ่นที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดเยี่ยม นั่นก็คือ Spirited Away ซึ่งก็เป็นงานจาก สตูดิโอจิบลิ อีกเช่นกัน เรื่องนี้หยิบเอาตำนาน ‘เทพลักซ่อน’ โดยเล่าเรื่องของ จิฮิโระ ที่หลุดไปโลกของภูตโดยบังเอิญแล้วทำให้พ่อแม่ของเธอกลายเป็นหมูขึ้นมาเสียอย่างนั้น เธอได้พบกับ ฮาคุ เด็กชายที่กล่าวว่ารู้จัก จิฮิโระ ดี และสุดท้ายทั้งสองคนก็ต้องทำงานในโลกของภูต ไม่ใช่แค่เพื่อช่วยเหลือพ่อแม่ของเด็กหญิง แต่เป็นการตามหาตัวตนที่พวกเขาเป็นอีกด้วย ด้วยความพิเศษเฉพาะตัวเลยทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถคว้ารางวัลออสการ์กลับบ้านไปได้ และมีเกร็ดที่น่าสนใจนิดหน่อยว่า ถึงตัวภาพยนตร์จะสร้างโดยสตูดิโอจิบลิก็จริง แต่ดิสนีย์เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายในหลายประเทศ ซึ่งเชื่อว่ามีผลทำให้คณะกรรมการรางวัลออสการ์สนใจหนังเรื่องนี้มากกว่าปกติ