ปัญหานึงที่หลายคนพบเจอ หลังจากการทำเรื่องเป็นเจ้าของห้องคอนโด เรามักพบว่าห้องคอนโดนั้นว่างเปล่าไม่เหมือนตอนที่เราเดินเยี่ยมชมในห้องตัวอย่างก่อนหน้า จนทำให้เราอยากแต่งห้องใหม่เสมอๆ หากถึงเวลาที่ต้องลงมือแต่งคอนโดในฝันด้วยตัวเองโดยไม่มีผู้ช่วยแล้ว เราควรจะต้องเริ่มยังไงตรงไหนกัน คราวนี้เราจึงมาแนะนำวิธีที่สามารถทำได้เองอย่างแน่นอน หากเราค่อยๆ ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ตั้งงบประมาณที่สบายใจสบายกระเป๋า ขั้นตอนแรกที่สำคัญสุดๆ ที่ทุกคนควรทำแต่มักลืมทุกครั้งก็คือ ‘การตั้งงบประมาณในการตกแต่ง’ โดยการตั้งงบประมาณนั้นเป็นอะไรที่เราพอใจควักจ่าย มีมากแต่งมาก มีน้อยแต่งน้อยก็ไม่ได้ผิดอะไร ซึ่งการที่เรามักลืมก็เพราะว่าเวลาที่เราเริ่มคิดถึงการตกแต่งห้องที่ไร ภาพห้องสวยๆ เราก็มักฟุ้งเสมอๆ ให้เรากลับมาตั้งสติด้วยงบเสียก่อน ทำเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Built-In กับ เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว หากไม่ได้มีพื้นฐานการตกแต่งมาก่อนเลย เราอาจจะไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วในงานตกแต่งห้องนั้นจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนประกอบด้วย ส่วนแรกก็คือ ‘งาน Built-In’ ที่มีความหมายตรงตัวว่า ‘งานแบบสั่งประกอบ’ อาทิเช่นชั้นหนังสือติดผนัง หรือว่าเคาน์เตอร์ครัวที่พอดีหัวมุมห้อง ซึ่งงาน Built-Inนั้นจะสำคัญมากๆ สำหรับการตกแต่งในส่วนที่เฟอร์นิเจอร์ปกติวางไม่ได้ หรือในพื้นที่ที่มีความเฉพาะเจาะจง และส่วนที่สองก็คือ‘เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว’ซึ่งก็คือเฟอร์นิเจอร์ที่เราพบเจอกันปกติที่เเหละ อันได้แก่ โต๊ะ เก้าอี้ เตียง ตู้เสื้อผ้า โดยเฟอร์นิเจอร์จะมีความแตกต่างจากงาน Built-Inตรงที่ไม่สามารถปรับแต่งเฉพาะที่ได้ ซึ่งเมื่อเข้าใจสองสิ่งนี้ได้แล้ว นอกจากจะช่วยเราเข้าใจการแต่งห้องเวลาดูใน Pinterest แล้ว เรายังสามารถนำไอเดียเหล่านี้ไปบอกต่อกับช่างได้ในระหว่างเตรียมทำงานตกแต่งได้ด้วย ตั้งคอนเซ็ปต์การตกแต่ง ด้วยการเขียนคีย์เวิร์ดสั้นๆ เมื่อเรามีความรู้พื้นฐานในการแยกแยะระหว่างงาน Built-In กับ เฟอร์นิเจอร์แล้ว ให้เราหาแรงบันดาลใจในการตกแต่งห้องจากแหล่งต่างๆ ทั้งในแมกกาซีน หรือ Pinterest โดยแนะนำว่าให้หาภาพแรงบันดาลใจให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ และให้ลองนำรูปพวกนั้นมาเรียงต่อๆ กันดู แล้วเราจะเห็นความเชื่อมโยงกันของภาพห้องที่เราสนใจทั้งหมด เช่นสไตล์หรือรูปแบบห้อง หลังจากนั้นให้ลองหลับตาสรุปความคิดในหัวดูว่าจริงๆ นั้นเราชอบห้องแบบไหน สไตล์ไหน สีสันแบบไหน หรือสว่างแบบไหน และเมื่อสรุปความคิดได้แล้ว ให้หยิบปากกาขึ้นมาลองเขียนคีย์เวิร์ดในการตกแต่งห้องสั้นๆ เช่น ‘ธรรมชาติสว่างอบอุ่น’‘เข้มคมเท่โมเดิร์น’หรือ ‘เรียบหรูขาวสะอาด’โดยวิธีการทำแบบนี้จะช่วยเราเป็นการยืนยันในการออกแบบห้องที่เราชอบจริงๆ นั่นเอง สเก๊ตซ์ผังพื้นและตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ในห้องแบบคร่าวๆ ถึงว่าเราจะมีคอนเซ็ปต์ในการแต่งห้องแล้วก็ตาม แต่จริงๆ แล้วเรานั้นยังไม่รู้ว่าต้องวางของอะไรตรงไหน ขั้นนี้ให้เราหยิบตลับเมตรมาวัดระยะห้องแบบง่ายๆ แล้วหยิบปากกามาสเก็ตซ์ผังพื้นของห้องคร่าวๆ ตามความต้องการของเรา โดยให้คำนึงถึงการใช้งานจริงๆ เป็นหลัก อะไรที่ไม่จำเป็นก็ให้ตัดออก เมื่อเราได้ผังห้องที่พอใจแล้ว ให้เช็คจำนวนของที่เราต้องการให้เรียบร้อยเป็นข้อมูลไว้ซื้อของและคุยกับช่างงานตกแต่ง ลองจับคู่สีคู่ลายกราฟิกและสไตล์ของวัสดุเสียก่อนไปซื้อของ อีกนิดก่อนขั้นตอนสุดท้าย ให้เรากลับมาดูคอนเซ็ปต์ที่เราเคยเขียนไว้ก่อนหน้าว่าจริงๆ แล้วเราอยากได้ห้องหน้าตาแบบไหนสไตล์แบบไหนซึ่งการที่เรามีคอนเซ็ปต์ที่ตั้งไว้แล้ว ข้อดีก็คือการทำให้เราสามารถเลือกการจับคู่ของสี จับคู่ของลายกราฟิก หรือจับคู่วัสดุได้อย่างชัดเจนนั่นเอง เช่น ถ้าเราอยากได้ห้องเท่ๆ เราอาจจะต้องเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ขาทำเป็นวัสดุเหล็กสีดำ ไปจับคู่กับ Buit-In ตู้ท่อเหล็กและห้องผนังสีเทาโดยทั้งหมดทั้งมวลนั้นพยายามไม่ให้หลุดงบประมาณที่ตั้งไว้อีกด้วยนั่นเอง เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และปรึกษาช่างงานตกแต่ง หลังจากที่เราทำตามขั้นตอนทุกข้อที่กล่าวมาอย่างเคร่งครัดแล้ว สำหรับในขั้นตอนสุดท้ายนี้ที่คนหลายคนชื่นชอบมากๆ ก็คือ การออกไปเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และทำการปรึกษาช่างงานตกแต่งควบคู่กันไป โดยสำหรับการทำงานกับช่างตกแต่งหลักๆ ก็คือการนัดแนะลงมือติดตั้งงาน Built-Inที่หน้างาน ซึ่งการที่เรามีข้อมูลที่ทำมาทุกขั้นตอนนั้น จะทำให้เราสามารถคุยกับช่างได้อย่างราบรื่น กระทั่งห้องของเราแต่งเสร็จตามที่วาดฝันเอาไว้นั่นเอง