มีคนกล่าวไว้ว่าวิ่งคือกีฬาราคาถูก ที่เริ่มต้นแค่มีเสื้อหนึ่งตัว กางเกงหนึ่งตัว และรองเท้าผ้าใบอะไรก็ได้หนึ่งคู่ก็วิ่งได้แล้ว แต่ถ้าเรามีการอัปเกรดติดอาวุธให้กับร่างกาย การวิ่งของเราก็จะสนุกขึ้น และอาวุธคู่กายของนักวิ่งที่มีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งเลยก็คือ ‘รองเท้าวิ่ง’
เพราะรองเท้าคือสิ่งสำคัญ เปรียบเสมือนเพื่อนคู่ใจของนักวิ่งทุกคน ถ้าเจอเพื่อนดีก็ดีไป ถ้าเจอคู่ที่ไม่ถูกใจ ก็ต้องเสียเงินซื้อรองเท้าใหม่อีกไม่จบไม่สิ้น กว่าจะขอแฟนซื้อรองเท้าวิ่งสักคู่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายด้วย
เพื่อความชัวร์ ความเป๊ะ และความไม่เปลือง เราจะพาไปแนะนำวิธีการเลือกรองเท้าคู่ใจสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ที่ยังคงตามหารองเท้าคู่ใจอยู่และไม่รู้ว่าจะซื้อรุ่นไหนดี เลือกแบบไหนที่ดีที่ดีที่สุดกับเรา เดี๋ยวพาไปดูทริคง่ายๆ
รู้จักรูปเท้าของตัวเอง
ก่อนที่จะเลือกรองเท้าสำหรับวิ่ง เราต้องกลับมาดูรูปเท้าของตัวเองก่อนว่าเท้าเป็นแบบไหน เพื่อจะได้เลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับเท้าเราที่สุด โดยปกติแล้วเท้าของคนจะแบ่งออกมาเป็น 3 ลักษณะหลักๆ (จริงๆ มีมากกว่านี้แต่ขอยกตัวอย่างรูปแบบของเท้าหลักๆ ก่อน) ได้แก่
- Pronation : เท้ารูปแบบปกติซึ่งเวลาวิ่งจะมีการลงเท้าส้นไปจนถึงปลายเท้า ซึ่งสามารถใส่รองเท้าอะไรก็ได้
- Overpronation : อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ คือ ‘เท้าบิดใน’ ซึ่งเวลาลงเท้า เท้าจะบิดไปด้านใน ซึ่งการลงเท้าจะเป็นลักษณะส้นเท้า สันเท้าด้านใน และปลายเท้า
- Under-pronation : รูปแบบนี้เรียกว่า ‘เท้าบิดนอก’ ซึ่งเวลาลงเท้านั้น เท้าจะบิดออกไปด้านนอก เพราะลักษระการลงเท้าจะลงที่ส้นเท้า สันเท้าด้านนอก และปลายเท้า
สำหรับวิธีทดสอบรูปเท้านั้นสามารถทดสอบได้เองด้วยการนำเท้าไปจุ่มน้ำ แล้วมาเหยียบบนกระดาษสีน้ำตาลที่ไม่ซับน้ำเพื่อดูว่ารูปเท้าเราปรากฎออกมาในลักษณะไหน อีกหนึ่งวิธีคือการวิ่งแล้วให้เพื่อนถ่ายวิดีโอลักษณะการลงเท้าของเราเพื่อนำมาวิเคราะห์ดูว่าเราลงเท้าในลักษณะไหน
แต่ถ้าให้ชัวร์และถูกต้องตอนนี้ร้านขายรองเท้าวิ่งหลายแห่งมีอุปกรณ์ในการตรวจสอบวิธีการลงเท้าเช่น Ari, Super Sport หรือ Rev Runner หากเราเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับรูปเท้าตัวเอง เพราะยังมีรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยววับรูปเท้าเช่นเป็นคนเท้าแบนไหม อุ้งเท้าสูงหรือเปล่า จะได้เลือกรองเท้าได้ถูกที่สุด
เลือกรองเท้าให้ตรงรูปเท้า
พอรู้รูปแบบเท้าของตัวเองแล้วก็ควรที่จะต้องเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับรูปเท้าของตัวเอง ซึ่งรองเท้าที่มีให้เลือกหลายแบบ แต่ละแบรนด์ก็มีรองเท้าที่ซัพพอร์ตนักวิ่งที่รูปเท้าแตกต่างกัน สามารถให้ทางร้านแนะนำได้เลยว่าเท้าแบบนี้ควรจะใส่รองเท้ารุ่นอะไร ยี่ห้ออะไร แล้วลองวิ่งเพื่อทดสอบกันอีกรอบหนึ่ง
สำหรับรองเท้ายอดนิยมสำหรับคนเท้ารูปแบบต่างๆ ก็อย่างเช่น Adidas Ultraboost เหมาะสำหรับนักวิ่งเท้าประเภท Pronation หรือ Asics GEL-Nimbus 20 เหมาะกับเท้า underpronation
บางคนอาจจะเลือกรองเท้าที่ดูสวย เพราะอยากจะได้รองเท้าวิ่งที่ถูกใจ ซึ่งไม่ผิดและสามารถใส่ได้ แต่ในระยะยาว หรือเมื่อเราวิ่งไปสักพัก เราจะรู้ได้เองว่ารองเท้าแบบไหนที่เหมาะกับเท้าเราที่สุด แต่ถ้าได้รองเท้าที่สวยด้วย และเหมาะกับรูปเท้าเราด้วยก็ถือว่าเราโชคดีมากๆ
เลือกรองเท้าที่มีซัพพอร์ต
เทคโนโลยีเรื่องการซัพพอร์ตของพื้นรองเท้านั้นเป็นสิ่งที่หลายค่ายแข่งขันกันมาอย่างยาวนั้น อย่าง Adidas มีเทคโนโลยี BOOST , Nike มีเทคโนโลยี Zoom หรือ Asics มีเทคโนโลยี Gel ซึ่งทั้งหมดถูกคิดค้นมาเพื่อให้การวิ่งสนุกขึ้น และยังช่วยปกป้องเท้าของคนวิ่งมากขึ้นกว่าในอดีตด้วย
หากสังเกตดูจะเห็นว่านวัตกรรมในการคิดค้นซัพพอร์ตของรองเท้านั้นก็เริ่มเห็นถึงความน่าสนใจของแต่ละค่ายมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างล่าสุด Adidas Ultraboost 19 ก็มีการพัฒนาพื้น BOOST ใหม่ในชื่อ Optimized BOOST ด้วยการเพิ่มความหนาของพื้นโฟมขึ้นจากเดิมอีก 20% นั่นทำให้นักวิ่งได้รับความรู้สึกสบายในการสวมใส่ ช่วยให้รองเท้าเบาขึ้น และทำให้การวิ่งสนุกมากขึ้น
แต่หากวิ่งไปสักระยะนักวิ่งบางคนอาจจะชอบรองเท้าประเภทที่ไม่มีซัพพอร์ตเพื่อให้ความรู้สึกเหมือนวิ่งเท้าเปล่ามากที่สุด หรือเท้าของตัวเองอาจไม่เหมาะกับรองเท้าวิ่งรูปแบบที่ได้รับความนิยม ก็อาจจะไปเลือกรองเท้าที่ไม่มีซัพพอร์ท แต่ให้ความรู้สึกเหมือนวิ่งเท้าเปล่ามากที่สุดเช่น รองเท้าแบบ Five Fingers ก็ได้ แต่รองเท้าแบบนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคนต้องใส่ดูก่อน
ดูความกระชับของรองเท้า
อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องดูคือความกระชับของรองเท้า เทคนิคการเลือกขนาดของรองเท้าก็คือควรเลือกรองเท้าที่ใส่แล้วรู้สึกได้ว่าไม่พอดีเป๊ะ แต่ต้องเลือกที่ใส่สบายมีระยะให้เท้าได้หายใจ อย่างน้อยควรมีพื้นที่ราวๆ สักครึ่งนิ้วเผื่อเท้าขยายตัวระหว่างวิ่ง
เพราะกรณีที่เราวิ่งไปนานๆ เลือดจะมีการสูบฉีดลงไปที่เท้า ซึ่งจะทำให้เท้าเพิ่มขนาดขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย หากเลือกรองเท้าที่กระชับไปเลย ช่วงแรกจะวิ่งอย่างสบาย แต่สักพักนึงจะไม่สนุก
และไม่ควรเลือกรองเท้าที่หลวมเกินไปแล้วหวังว่าจะใส่ถุงเท้าหนาๆ รัดเชือกแน่นๆ เพื่อที่จะได้ไม่หลวม อันที่จริงการเลือกรองเท้าที่หลวมขนาดที่ว่าแค่เดินส้นก็หลุดจากรองเท้าแล้วนั้น นอกจากจะทำให้เราวิ่งไม่ได้แล้ว การรัดเชือกแน่นๆ เลือดจะยิ่งไหลเวียนไม่สะดวกเสี่ยงที่จะเจ็บเท้า ส่วนถ้าหลวมไปก็เสี่ยงที่จะเท้าเสียดสีกับรองเท้าจนเป็นแผลได้
ดูเรื่องการระบายอากาศ
รองเท้าสมัยนี้มีการพัฒนานวัตกรรมผ้าให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อให้นักวิ่งได้ใส่รองเท้าที่สบาย รองเท้าวิ่งเมื่อก่อนอาจจะเป็นแค่ผ้าใบ หรือเป็นผ้าตาข่าย แต่วันนี้มีการพัฒนาเนื้อผ้าให้ทั้งสวย ยืดหยุ่น และระบายอากาศได้ดี
ซึ่งสองเจ้าที่สู้กันอยู่ในเรื่องนวัตกรรมผ้าแบบใหม่ก็คือ ผ้า Primeknit ของ Adidas และผ้า flyknit ของ Nike สำหรับจะตัดสินว่าใครดีกว่าใครนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราใส่รองเท้าคู่ไหนแล้วเข้ากับเรามากที่สุด
สำหรับ Adidas มีรองเท้าที่เป็นผ้า Primeknit ให้เลือกอยู่ในหลายรุ่นตัวท็อปของ Adidas ก็คือ Adidas Ultraboost ซึ่งนวัตกรรมของ Primeknit มีการพัฒนามาเรื่อยๆ ล่าสุดก็ใน Adidas Ultraboost 19 ได้ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Primeknit 360 ที่บอกว่าน้ำหนักเบาขึ้นกว่าเดิม ใส่อย่างสบายมากขึ้น ระบายอากาศได้ดีมากด้วย สำหรับราคา Adidas Ultraboost 19 อยู่ที่ 7,300 บาท
เลือกซื้อรองเท้าวิ่งให้เหมาะกับตัวเองและรูปเท้า เพื่อการออกกำลังกายอย่างมีคุณภาพ -> รองเท้าวิ่งสำหรับทุกคน